++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพุธที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2557

ศีลธรรมคือคำสำคัญพุทธ




ถ้าถามว่าในอนาคตต่อไปข้างหน้าเราจะอยู่ง่ายขึ้น หรือยากกว่าเดิม หากง่ายขึ้นเราก็ไม่ต้องคิดอะไรมาก แต่หากยากขึ้น เราคงต้องเตรียมตัวรับเรื่องยากๆ ที่กำลังจะมาถึงด้วย

การสร้างที่พึ่งพิงให้กับจิตใจเราเอง เพราะจิตใจเป็นคลังที่สั่งสมทุกอย่างไว้ เมื่อเผชิญหน้ากับวิกฤตจะสังเกตได้ว่า คนที่ดำเนินชีวิตด้วยการพึ่งพิงจิตใจตนเองเป็นหลัก จะไม่ค่อยทุรนทุรายมากนัก แต่กลับกล้าท้าทายทุกเหตุการณ์อย่างสงบ มีสติ และมองทุกปัญหาว่ามีทางแก้เสมอ

แต่หากจิตใจเกิดหวาดกลัว ก็เพราะเราพึ่งพิงวัตถุมากเกินไป เหมือนเวลากลางคืนเราจะหวาดกลัว เพราะไม่มีแสงพระอาทิตย์เป็นที่พึ่ง แต่พอกลางวันเรากล้าขึ้น เพราะเราเชื่อว่ามีพระอาทิตย์เป็นที่พึ่งแล้ว แต่ที่พึ่งนั้นก็อยู่กับเราไม่ได้ตลอดไป เมื่อถึงเวลาที่จะดับหายไป เราก็ต้องกลับมากลัวอีก

สิ่งเดียวที่เราพึ่งพิงได้จึงไม่ใช่สิ่งรอบตัว แต่ต้องเป็นภายในตัวเราต่างหาก เพราะวัตถุทั้งหมดล้วนมีอยู่เพื่อเหตุผลเดียว คือสอนให้เรารู้จักพึ่งพาจิตใจเราได้เท่านั้น

ดังนั้น การพัฒนาจิตใจให้พึ่งพิงตนเองได้ จึงเป็นการออกแบบชีวิตไว้เผชิญหน้ากับอนาคต ปรับเปลี่ยนจิตใจให้หลุดพ้นจากปัญหาที่ตามรุมเร้าจากอดีต และพัฒนาก้าวพ้นปัญหาทั้งในปัจจุบันและอนาคต จนปัญหาเหล่านั้นตามเราไม่ทัน

แต่การจะพึ่งพิงตนเองได้ ก็ต้องมีที่พึ่งพิงอื่นเป็นแบบอย่างในการฝึกฝน ซึ่งพระพุทธองค์ได้เสนอที่พึ่งไว้ 3 อย่าง คือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เรียกว่า พระรัตนตรัย เป็นที่พึ่งทางใจแทนจะพึ่งพิงวัตถุแต่เพียงอย่างเดียว

สิ่งที่เหมือนกันของที่พึ่งทั้ง 3 นี้ก็คือ 'ธรรมะ' ที่อาจเรียกได้หลายลักษณะ คือลักษณะที่เป็นคุณ (พุทธคุณ ธรรมคุณ และสังฆคุณ) เราเรียกกันว่า 'คุณธรรม' ลักษณะที่เป็นจริยา หรือการประพฤติ (พุทธจริยา ธรรมจริยา พรหมจริยา หรือพรหมจรรย์ หรือสังฆจริยา) เราเรียกว่า จริยธรรม และลักษณะที่เป็นแบบอย่างของการปฏิบัติตน เราเรียกว่า ศีลธรรม (ศีลและวินัย)

แม้เวลาล่วงเลยจนถึงปีนี้ ซึ่งเป็นปีพุทธชยันตี 2600 ปี ธรรมะเหล่านี้ก็ยังมีผู้ยึดถือและปฏิบัติตาม เป็นที่พึ่งแก่ผู้มืดบอดด้วยความไม่รู้ และทำให้คนมีปัญญาประสบพบที่พึ่งภายในตนเองได้เป็นอย่างดี

ในช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอมที่เด็กหลายๆ คนมีเวลาว่างมากขึ้น จึงต้องมีอะไรทำเพื่อไม่ให้จิตใจฟุ้งซ่าน อย่างมีแม่ลูกคู่หนึ่งมีกันแค่ 2 คน โดยผู้เป็นพ่อเสียไปนานแล้ว ลูกชายก็มักจะชอบเล่นเกม

ยิ่งปิดเทอมยิ่งเล่นหนักขึ้น จนแม่เริ่มทนไม่ได้ จึงให้ลูกคิดหางานอดิเรกทำ เพื่อจะได้ไม่ต้องเล่นเกม แล้วลูกชายก็เสนอว่า 'ผมกลัวว่าอนาคตข้างหน้า ผมจะเป็นอย่างที่แม่หวังไม่ได้ ผมเลยให้แม่เลือกครับ'

'เลือกอะไรลูก' แม่ถาม

'ก็นอกจากแม่จะทำงานประจำแล้ว ผมเลยหางานอื่นมาให้แม่เลือกทำอีกสักงานนะครับ ถ้าผมดูแลแม่ไม่ได้ แม่จะได้มีเงินพอที่จะดูแลตัวเองไงนะครับ' ลูกชายตอบ

ฝ่ายแม่ส่ายหน้าพร้อมสอนต่อ 'ถ้าแม่พึ่งพิงลูกไม่ได้ ก็ต้องพึ่งตัวเองนั้น ถึงตอนนี้ลูกพึ่งแม่ แต่ต่อไปลูกก็ต้องพึ่งตนเองเหมือนกันนะ เพราะทุกคนต้องพึ่งตัวเองทั้งนั้น'

โดย พระมหาขวัญชัย กิตติเมธี
สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมฯ วัดสระเกศ
หน้าต่างศาสนา ข่าวสดออนไลน์ (28 เม.ย.2555)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น