++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันอาทิตย์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2557

ทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน




ตราบที่ยังไม่ได้บรรลุพระนิพพาน สัตว์โลกทั้งมวลจักต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในสังสารวัฏร่ำไป อันเป็นไปตามกฎแห่งวัฏฏะ 3 คือ กิเลส กรรม และวิบาก

กล่าวคือ กิเลสเป็นเหตุให้ทำกรรม กรรมเป็นเหตุให้เกิดวิบาก คือให้เกิดผล และวิบากคือผลกรรมที่จะอำนวยให้ไปเกิดในภูมิในภพต่างๆ

เมื่อยังมีกิเลสอยู่ก็ต้องทำกรรม และต้องได้รับวิบาก เวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏอยู่ไปไม่รู้จักจบสิ้น ผู้ที่จะพ้นสังสารวัฏไปได้ ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไปนั้น จะต้องปฏิบัติธรรมให้ได้บรรลุพระนิพพาน ถึงจะข้ามพ้นจากสังสารวัฏได้

ลักษณะของนิพพาน มีความสงบจากรูปนามเป็นลักษณะ การสิ้นกิเลส การออกจากกิเลสเครื่องร้อยรัด หรือการดับกิเลส เรียกว่า นิพพาน

ผลที่เกิดขึ้นเป็นความสงบปราศจากความทุกข์โดยสิ้นเชิง หรือภาวะที่ปราศจากความทุกข์ อันเกิดจากการสิ้นกิเลสนั่นเอง เป็นตัวนิพพาน

ธรรมธาตุอย่างหนึ่งซึ่งเป็นที่ดับของกิเลส และเป็นสภาพที่มีอยู่นิรันดร เมื่อใครปฏิบัติบรรลุถึง กิเลสของบุคคลนั้นก็ดับไป ธรรมธาตุอันนี้ถูกจัดว่าเป็นนิพพาน หรือบางทีก็เรียกว่า นิพพานธาตุ

นิพพาน แบ่งตามเหตุที่บรรลุ 2 อย่าง คือ การดับกิเลสยังมีเบญจขันธ์เหลือ และการดับกิเลสไม่มีเบญจขันธ์เหลือ ดังที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า

ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นพระอรหันต์ สิ้นอาสวกิเลสแล้ว อยู่จบพรหมจรรย์แล้ว ปลงภาระได้แล้ว ได้บรรลุถึงประโยชน์อย่างยิ่งแล้ว สิ้นกิเลสเครื่องประกอบไว้ในภพแล้ว รู้ดีรู้ชอบแล้ว หลุดพ้นจากกิเลสแล้ว อินทรีย์ 5 คือ ตา หู จมูก ลิ้น กายของภิกษุนั้นยังดำรงอยู่ เพราะอินทรีย์เหล่านั้นยังไม่วิบัติ ภิกษุนั้นจึงยังได้เสวยอารมณ์ที่น่าชอบใจบ้าง เป็นทุกข์บ้าง สภาวธรรมนี้เรียกว่า การดับกิเลสยังมีเบญจขันธ์เหลือ

ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นพระอรหันต์ สิ้นอาสวกิเลสแล้ว รู้ดีรู้ชอบแล้ว หลุดพ้นจากกิเลสแล้ว การเสวยอารมณ์ทั้งปวงของภิกษุนั้น เป็นอันไม่เพลิดเพลินแล้ว จักดับสนิทในโลกนี้ทีเดียว นี้เรียกว่า การดับกิเลสไม่มีเบญจขันธ์เหลือ

นิพพานนั้นเป็นสิ่งที่มีอยู่จริง เป็นธรรมชาติพิเศษชนิดหนึ่ง ดังที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า ธรรมชาตินั้นสงบแล้ว ธรรมชาตินั้นประณีต

กล่าวคือธรรมเป็นที่สงบแห่งสังขารทั้งปวง เป็นที่สลัดออกซึ่งอุปกิเลสทั้งปวง เป็นที่สิ้นตัณหา เป็นที่สิ้นกำหนัด คือภาวะผู้บรรลุนิพพาน

สำหรับพระอรหันต์ที่ได้ดับเบญจขันธ์ไปแล้วนั้น ย่อมมีโอกาสได้เสวยความสุขในพระนิพพานอันเป็นบรมสุข เป็นสันติสุขอย่างแท้จริง เป็นความสุขที่ยอดยิ่ง เพราะเป็นผู้ข้ามพ้นจากโอฆสงสาร พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏ พ้นจากกิเลสและกองทุกข์โดยสิ้นเชิง มีแต่ความเกษมสุขเป็นนิรันดร

วิธีทำพระนิพพานให้แจ้ง มีวิธีเดียวเท่านั้น คือ การปฏิบัติธรรมด้วยการเจริญสมถกรรมฐาน และวิปัสสนากรรมฐาน หรือเจริญวิปัสสนากรรมฐานอย่างเดียวล้วนๆ

อานิสงส์การทำพระนิพพานให้แจ้ง คือมีจิตไม่หวั่นไหวในโลกธรรม มีจิตไม่เศร้าโศก มีจิตปราศจากธุลี มีจิตเกษม

พระเทพคุณาภรณ์ (โสภณ โสภณจิตฺโต ป.ธ.9)
เจ้าอาวาสวัดเทวราชกุญชรวรวิหาร
ธรรมะวันหยุด, ข่าวสดออนไลน์, 22 มี.ค.2557

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น