++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันเสาร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2557

แสงเทียน




               เทียนเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านที่สร้างขึ้นจากขี้ผึ้งแล้วนำมาติดไฟให้แสงสว่างในยามค่ำคืนมานานแสนนาน จะใช้เป็นแท่งเทียนหรือใส่ไปในตะเกียงก็สะดวก
               ผู้คนสมัยก่อนต่างได้รับความสุขจากความสว่างของแสงเทียนกันเหลือล้นก่อนที่จะเข้านอน ไม่จำเป็นต้องมีอุปกรณ์ใดๆเพื่อการเสพสุขอีก
               ทุกวันนี้ยังคงมีบางครอบครัวที่พ่อบ้านหรือแม่บ้านที่เรียนจบมหาวิทยาลัยได้ด้วยแสงสว่างจากแสงเทียนเพื่อการดูตำราสอบ
               บทเพลงอมตะของไทยบางเพลงก็เกิดขึ้นได้ด้วยแสงเทียนนี้แหละส่องสว่างให้เกิดขึ้นนี่แหละ
               แม้กระทั่งทุกวันนี้ ยามกระแสไฟฟ้าตกหรือดับหรือลัดวงจร เทียนก็ยังเป็นอุปกรณ์ส่องสว่างที่จำเป็นในยามคับขัน
               ในหลายๆศาสนาพิธี ต่างก็ใช้เทียนนำไปประกอบพิธี พุทธศาสนาเองก็เช่นกัน
                ไม่ว่าจะจุดธูปเทียนไหว้พระหรือแม้กระทั่งพิธีการเวียนเทียนในวันสำคัญทางศาสนาเพื่อน้อมรำลึกถึงสมเด็จพระบรมะศาสดา
                มีคติว่าเทียนเป็นฐานกำเนิดแห่งความสว่างทั้งปวง ทั้งแสงสว่างที่ตาเห็นและแสงสว่างแห่งปัญญาที่เกิดขึ้นในใจ
                เทียนทุกเล่มแม้จะให้แสงสว่างได้นั้น แต่ย่อมต้องอาศัยคนจุดไฟ เปรียบเสมือนปัญญาที่เกิดจากแสงเทียนนั้นจะต้องอาศัยปัญญาจากสุตมยปัญญา จินตมยปัญญา ภาวนามยปัญญา หรือปัญญาจากการฟังเขียน การคิด และปัญญาจากการเจริญภาวนา จนเทียนนั้นสว่างไสวกลางใจด้วยตนเอง
                เทียนหลายๆเล่มจุดไฟแล้วก็ดับไป แต่ก็มีอีกหลายๆเล่มจุดไฟส่องสว่างจนลุกโชติข่วงจนหมดเล่มไปกับน้ำตาเทียน แม้จะผ่านคลื่นลมมาอย่างมากมาย
                ดุุจดังพุทธะที่ตื่นรู้จากการหลับใหลแห่งความมืดจากกิเลส ตัณหา อุปทาน อวิชชา กรรมด้วยการรู้แจ้งแห่งความคิด
                ทุกวินาทีที่ลุกโพลงแห่งแสงเทียนแห่งการตื่นรู้ตั้งแต่เบื้องต้น ท่ามกลาง จนเบื้องปลาย
                แสงสว่างที่เปล่งประกายหลายชั้นดุจไฟตื่นรู้แห่งพระอริยเจ้าในตัวตนที่เกิดขึ้นตั้งแต่พระโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี จนล่วงไปจนถึงพระอรหันต์
                แม้จะมีควันเทียนอยู่บ้าง แต่ก็เพียงเล็กน้อยเหมือนกิเลสที่จรมา แต่ไฟแห่งปัญญาก็ทำให้ผ่านพ้นไป
                แสงเทียนนำพาความตื่นรู้ ไม่เพียงปัญญาแห่งโลกเท่านั้นในการดำรงชีวิต แต่แสงเทียนที่สมบูรณ์นำพาปัญญาแห่งโลกุตรธรรมไปชั่วนิรันดร์ เบิกบาน สว่างไสว แม้เทียนเล่มนั้นจะมอดไหม้ไปกับน้ำตาเทียม ไส้เทียน ดุจดังสังขารที่แตกสลายไปกับธาตุสี่แต่เหลือธรรม
                ช่างเป็นความงดงามแห่งแสงเทียนและแสงแห่งปัญญา
                ท่านผู้อ่านคะเคยตื่นรู้จากแสงเทียนกันหรือยังคะ ผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านผู้อ่านจะตื่นรู้จากแสงธรรมแห่งเทียนชีวิตของท่านเอง
                สมเด็จพระบรมศาสดาทรงตรัสรับรองว่ามีแต่คนเราเท่านั้นที่จะพัฒนาศักยภาพแห่งตนเพื่อไปสู่การตื่นรู้ เบิกบาย สว่างไสวแห่งพุุทธะภายในตน
                อย่าปล่อยให้เทียนมอดไหม้ไปเองโดยไร้คุณค่าไปวันๆ ดนไม่หเห้นคุณค่าแสงธรรมที่มาจากแสงเทียนของตนเอง
                ปราชญ์ท่านรู้และชี้แนะไว้มากว่า อย่าไปอ้างศีล อย่าไปอ้างสมาธิ อย่าไปอ้างปัญญาหรืออ้างอะไร
                ด้วยความคิดถุูก ไตร่ตรองความคิดนั้นๆ ปล่อยวางความคิดต่างๆนานาด้วยมรรคที่มีองค์แปด สว่างล้ำด้วยแสงเทียนแห่งตนกันเถอะ
                ปล่อยให้แสงสว่างของเทียนชีวิตลิขิตแสงธรรมแห่งปัญญากันเถอะ ด้วยความตระหนักรู้

                                                                    ธรรมะสวัสดี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น