++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันเสาร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

10 มหัศจรรย์ เรียนรู้วิถีเกษตรตามรอยพ่อ




      พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นแบบอย่างและทรงมีพระอัจฉริยภาพด้านการเกษตร ผลงานอันเนื่องมาจากปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง หลักการทรงงาน พระราชกรณียกิจต่างๆ ล้วนแล้วแต่นำมาซึ่งการพัฒนาด้านการเกษตรของไทย


หุ่นจำลองการประกอบราชพิธีมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ

       และด้วยความอยากรู้ของฉัน ในพระราชกรณียกิจ และพระอัจฉริยภาพของในหลวง ฉันจึงได้มุ่งหน้าสู่ “พิพิธภัณฑ์การเกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” ที่ตั้งอยู่ ณ ต.คลอง1 อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
     
       พิพิธภัณฑ์การเกษตรฯแห่งนี้ จัดแสดงด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ แบ่งพื้นที่การจัดแสดงออกเป็น 10 โซน ในแนวคิด “10 โซนมหัศจรรย์การเรียนรู้วิถีเกษตรตามรอยพ่อ” ซึ่ง ได้รวบรวม พระราชประวัติ พระราชกรณียกิจ ผลงานอันเนื่องมาจากพระอัจฉริยภาพ หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง รวมทั้งวิวัฒนาการ ภูมิปัญญา นวัตกรรม และพัฒนาการของเกษตรกรไทย ไว้สำหรับเป็นแหล่งเรียนรู้ท่องเที่ยวของประชาชนผู้สนใจ


ห้องชมภาพยนตร์

       สำหรับ โซนที่ 1 “พระราชพิธีในวิถีเกษตร” จัดแสดงหุ่นจำลองการประกอบราชพิธีมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ พิธีเพื่อความเป็นสิริมงคลสร้างขวัญกำลังใจให้แก่ชาวนา พร้อมประกอบด้วยคำอธิบาย ความเป็นมาและความหมายของพระราชพิธี


ทางเดินวงกลมรอบห้องชมภาพยนตร์จัดแสดงพระราชกรณียกิจตลอดการครองราชย์กว่า 60 ปี

       ถัดไปในโซนที่ 2 เป็นห้องฉายภาพยนตร์ เรื่อง “กษัตริย์ เกษตร” เผยแพร่เรื่องราวของราษฎร ที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ จนสามารถเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตให้มีพออยู่พอกิน ถ่ายทอดเรื่องราวผ่านภาพยนตร์ทางการ์ตูน แอนิเมชัน ซึ่งเมื่อดูแล้ว ฉันรู้สึกซาบซึ้งปีติในน้ำพระทัยของงพระองค์ท่านอย่างมาก
     
       ในโซนนี้ที่ข้างนอกห้อง ยังมีการจัดแสดงเรื่องราวพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตลอดระยะเวลาที่ครองสิริราชสมบัตินานกว่า 60 ปี โดยมีการจัดทางเดินเป็นวงกลมรอบห้องฉายภาพยนตร์


วีดีทัศน์ถ่ายทอดพระราชจริยวัตร ที่ โซนที่ 5

       เมื่อเดินออกมาจะเป็นโซนที่ 3 มีซุ้มประตูรวงข้าวโดดเด่น จัดแสดง “เรื่องของพ่อในบ้านของเรา” นำเสนอเรื่องราวหลักการทรงงานทั้ง 23 ข้อที่ทำให้คนไทยกว่า 60 ล้านคนอยู่เย็นเป็นสุขมาถึงปัจจุบัน และพอสุดทางเดินนั้นก็ได้พบกับ บ้านชาวนาและสวนผักจำลอง เป็นพื้นที่ในโซนที่ 4 “หัวใจใฝ่เกษตร” เป็นจุดนันทนาการสำหรับเด็ก คล้ายๆสนามเด็กเล่น แต่เป็นของเล่นในแบบอุปกรณ์การเกษตร


พื้นที่จัดแสดง จำลองศูนย์ศึกษาการพัฒนา อันเนื่องมาจากพระราชดำริ “อ่าวคุ้งกระเบน”

       ฉันเดินต่อมาสู่พื้นที่เปิดโล่งในโซนที่ 5 โซนนี้จัดแสดงนิทรรศการ “ตามรอยพ่อ อยู่อย่างพอเพียง” ห้องโถงโล่ง มีโคมไฟตกแต่ง แสดงเรื่องราวเศรษฐกิจพอเพียง จัดแสดงวีดีทัศน์ที่ถ่ายทอดพระราชจริยวัตร พระราชกรณียกิจที่สะท้อนหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เป็นตัวอย่างที่ควรน้อมนำไปใช้เป็นแบบอย่าง
     
       เป็นที่ทราบกันดีว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มิได้ทรงงานแต่ในพระราชวังเพียงเท่านั้น พระองค์ท่านยังได้ทรงเสด็จเยี่ยมเยียนราษฎรตามภูมิภาคต่างๆทั่วประเทศ โดยทรงมีพระราชกรณียกิจมากมายในการแก้ไขพื้นที่ที่ได้รับความเดือนร้อน พระองค์ท่านทรงค้นคว้าทดลองโครงการส่วนพระองค์ขึ้นมามากมาย แต่ละโครงการนั้นล้วนแล้วแต่นำพาประโยชน์สุขมาสู่ประชาชน เช่น โครงการหลวง ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริทั้ง 6 เป็นตัวแทนการแก้ไขปัญหาในแต่ละภูมิภาค ซึ่งความรู้ในส่วนนี้จัดแสดงอยู่ที่โซน 6 “วิถีเกษตรของพ่อ”


แท่นจัดแสดงรางวัล จากพระอัจฉริยภาพด้านการเกษตร

       ส่วนโซนที่ 7 “นวัตกรรมของพ่อ” จัดแสดงเรื่องราวสิ่งประดิษฐ์ ด้วยพระวิริยะและพระปรีชาสามารถทรงได้ประดิษฐ์คิดค้นอุปกรณ์ต่างๆเพื่อพัฒนาการเกษตรไทย ตัวอย่างเช่น กังหันน้ำชัยพัฒนา พระองค์ทรงมีพระราชดำริ “ให้จดสิทธิบัตร จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าและแจ้งในสิ่งที่คิดค้นเพื่อเป็นสมบัติและภูมิปัญญา เป็นมรดกสำหรับคนไทยและประเทศไทย” และยังมีสิ่งประดิษฐ์ในด้านอื่น จัดแสดงไว้ให้ชม


กังหันน้ำชัยพัฒนา

       โซนที่ 8 โซน“ภูมิพลังแผ่นดิน” มีจุดเด่นเป็นโดมที่ใช้ไม้สนในการสร้างแบบยุโรปเพื่อสื่อถึงความอบอุ่น เมื่อได้เข้าไปด้านใน ภายในประกอบด้วยภาพวีดีโอ ที่ย้อนไปเมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังทรงพระเยาว์ จัดแสดงภายในโดมไม้สน และยังมีการจัดแสดงยุคสมัยที่ 1-7 ตั้งแต่ที่พระองค์ได้พระราชสมภพ ขึ้นครองราชย์ และ ปฏิบัติพระราชกรณียกิจอย่างมิทรงย่อท้อเหน็ดเหนื่อย
     
       ทุกคนต่างทราบดีในเรื่องสายพระเนตรที่ยาวไกลและพระอัจฉริยะภาพของพระองค์ท่าน ในการบริหารจัดการน้ำ ที่ทำให้เกิดโครงการในพระราชดำริด้านการพัฒนาแหล่งน้ำ เพื่อพสกนิกรปวงชนชาวไทย จะได้มีน้ำใช้น้ำกิน ซึ่งสามารถรับรู้ถึงพระอัจฉริยะภาพของพระองค์ท่านได้ในโซนที่ 9 ที่รออยู่ข้างหน้า


พื้นที่จัดแสดง จำลอง โครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา

       โซนที่ 9 เป็นโซน “น้ำ คือ ชีวิต” โซนนี้นอกจากการจัดแสดงต่างๆแล้ว ยังมีสิ่งเตือนใจคนไทยด้วยพระราชดำรัสของในหลวง ณ สวนจิตรลดา 17 มี.ค. 2529 ซึ่งมีความว่าตอนหนึ่ง “หลักสำคัญว่าต้องมีน้ำไว้บริโภค มีน้ำไว้ใช้ เพราะว่าชีวิตอยู่ที่นั้น ถ้ามีน้ำคนอยู่ได้ ไม่มีน้ำ คนอยู่ไม่ได้" จัดแสดงพระราชกรณียกิจต่างๆ วิธีการทรงงานของพระองค์ท่านในการพัฒนาแหล่งน้ำ เพื่อใช้ในด้านอุปโภคบริโภคและใช้ในการเกษตร


โซนจัด แสดง “น้ำ คือ ชีวิต”

       มาถึงโซนสุดท้าย ตั้งอยู่กลางอาคารจัดแสดง โซนที่ 10 “ลานภูมิปัญญา” บรรยากาศของโซนนี้เป็นพื้นที่ร่มรื่น สงบเหมาะกับนั่งพักหลังการเดินชมในส่วนต่างๆ ประดับฝาผนังด้วยรูปพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และได้ประดับแผ่นศิลาฤกษ์ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จมาทรงวางศิลาฤกษ์ อาคารพิพิธภัณฑ์การเกษตรเฉลิมพระเกียรติฯ เมื่อ พ.ศ.2539 ด้านบนเป็นภาพนูนต่ำ แสดงสัญลักษณ์ กรม กองต่างๆ ของกระทรวงเกษตรและ สหกรณ์ ไว้ให้ผู้ที่ได้มานั่งพัก ได้ชมกัน
     
       เมื่อฉันได้เดินชมทั่วแล้ว ได้เห็นถึงน้ำพระทัยที่พระองค์ทรงดูแลทุกข์สุข ของประชาชนของท่าน อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ทำให้ฉันได้รับรู้และเรียนรู้ เรื่องราวต่างๆมากมายด้านการเกษตรของพระองค์ท่าน


“ลานภูมิปัญญา”

       นอกจากสิ่งน่าสนใจใน 10 โซนแล้ว ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ยังมี ส่วนจัดแสดงภายนอกอาคาร เป็นส่วนเนื้อหาภาคปฏิบัติที่สอดคล้องเชื่อมโยงกับเนื้อหาที่จัดแสดงภายในอาคาร มีการเรียนรู้ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง อาทิ ฐานชุมชนพอเพียง 1 ไร่พึ่งตนเอง ฐานมหัศจรรย์เกษตรไทย ฐานนวัตกรรมพลังงานทดแทน
     
       นับได้ว่าที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวเรียนรู้ชั้นดี ให้ผู้ที่เข้าชมได้ซึมซับนำมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิต โดยเฉพาะกับแนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งถ้าหากคนไทยส่วนใหญ่ของประเทศอยู่ด้วยพื้นฐานของคำว่า“พอเพียง เพียงพอ” ประเทศของเราจะสวยงามน่าอยู่กว่านี้อีกมากโข
     
       **************************************************************
       พิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตั้งอยู่ที่ 13 ถนนพหลโยธิน ต.คลอง1 อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี 12120 ตรงข้ามโรงพยาบาลนวนคร เปิดบริการวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 09.30-15.30 น.สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร.0-2529-2212-13 หรือ www.wisdomking.or.th เปิดให้เข้าชมฟรี ถ้าต้องการมาเป็นหมู่คณะ กรุณาติดต่อทางสำนักงานพิพิธภัณฑ์ฯ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น