++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันศุกร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2553

นิทานเซน : เพชรที่หาได้จากโคลนในถิ่นสลัม

โดย พุทธทาสภิกขุ
เรื่องที่สอง เรื่อง เพชรที่หาได้จากโคลนในถิ่นสลัม อาตมา ต้องขอใช ้คาอย่างนี้ เพราะไม่ทราบ
ว่า จะใช ้คาอย่างไรดี ที่จะให้รวดเร็ว และสั้นๆ ท่านจะรู้สึกอย่างไร ก็ตามใจ ที่จะต้อง ใช ้คาอย่างนี้ "เพชร
ที่หาพบจากโคลนในถิ่นสลัม" เรื่องนี้ก็เล่าว่า
อาจารย์แห่งนิกายเซ็นชื่อ กูโด เป็นอาจารย์ของพระจักรพรรดิแห่งประเทศญี่ปุ่นใน
สมัยนั้น ท่านอาจารย์องค์นี้ชอบเที่ยวไปไหนคนเดียวโดดๆ อย่างนักบวชเร่ร่อนแบบ
ปริพาชก ไม่ค่อยได้อยู่กับวัดวาอาราม ครั้งหนึ่ง ท่านเดินทางไปยังตาบลอีโด เพื่อ
ประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่งของท่านที่จะมีแก่คนอื่น ท่านได้ผ่านตาบล ๆ หนึ่ง
เย็นวันนั้น ฝนก็ตกมา ท่านจึงเปียกปอนไปหมดและรองเท้าของท่านที่ใช้เป็น
รองเท้าทาด้วยฟาง เพราะ นักบวชนิกายเซ็นใช้รองเท้าฟางถักทั้งนั้น เมื่อฝนตกตลอด
วันรองเท้าก็ขาดยุ่ยไปหมด ท่านจึงเหลียวดูว่าจะมีอะไรที่ไหน จะแก้ปัญหาเหล่านี้ได้
บ้าง ก็พบกระท่อมน้อยๆ แห่งหนึ่งในถิ่นใกล้ๆ นั้น เห็นรองเท้าฟางมีแขวนอยู่ด้วย ก็คิด
จะไปซื้อสักคู่หนึ่ง เอาแห้งๆ มาใส่ เพื่อเดินทางต่อไป หญิงเจ้าของบ้านนั้น เขาถวาย
เลยไม่ต้องซื้อ และเมื่อเห็นว่า เปียกปอนมาก ก็เลยขอนิมนต์ให้หยุดอยู่ก่อน เพราะฝน
ตกจนค่า ท่านก็เลยต้องพักอยู่ที่บ้านนั้น ด้วยคาของร้องของหญิงเจ้าของบ้าน
หญิงเจ้าของบ้าน เรียกเด็กๆ และญาติๆ มาสนทนาด้วยท่านอาจารย์; ท่านได้
สังเกตเห็นว่า สกุลนี้เป็นอยู่ด้วยความข้นแค้นที่สุด ก็เลยขอร้องให้บอกเล่าตรงๆ โดย
ไม่ต้องเกรงใจว่าเรื่องมันเป็นอย่างไรกัน หญิงเจ้าของบ้านก็บอกว่า
"สามีของดิฉัน เป็นนักการพนัน แล้วก็ดื่มจัด ถ้าเผอิญเขาชนะ เขาก็ดื่มมันจนไม่มี
อะไรเหลือ ถ้าเขาแพ้เขาก็ยืมเงินคนอื่น เล่นอีก เพิ่มหนี้สินให้มากขึ้น เขาไม่เคยมา
บ้านเลย เป็นวันเป็นคืน หรือหลายวัน หลายคืน ก็ยังมี ดิฉันไม่รู้ว่าจะทาอย่างไรดี"
ท่านอาจารย์กูโดว่า ไม่ต้องทาหรอก ฉันจะช่วยทา แล้วก็ว่า
“นี่ ฉันมีเงินมาบ้าง ช่วยให้ซื้อเหล้าองุ่น มาให้เหยือกใหญ่ๆ เหยือกหนึ่ง แล้วก็
อะไรๆ ที่ดีๆ ที่น่ากิน เอามาให้เป็นจานวนเพียงพอ เอามาวางที่นี่ แล้วก็กลับไปทางาน
ตามเรื่องเถอะ ฉันจะนั่งอยู่ที่นี่ ตรงหน้าที่บูชา”
ข้อนี้ หมายความว่า บ้านนั้นก็มีหิ้งบูชาพระ เมื่อผู้ชายคนนั้น กลับมาบ้านเวลาดึก
เขาก็เมา เขาก็พูด ตามประสาคนเมา นี่คานี้ จะแปลว่ายังไง Hey! wife; ก็ต้องแปลว่า
เมียโว้ย! มาบ้านแล้วโว้ย; มีอะไรกินบ้างโว้ย ตัวหนังสือ เขาเป็นอย่างนี้ ซึ่งมันก็
เหมือนๆ กับในเมืองไทยเรา นี้เอง นี่ลองคิดดูว่า คนๆ นี้ จะเป็นอย่างไร
ฉะนั้น กูโด ท่านอาจารย์ที่นั่งที่หน้าหิ้งพระก็ออกรับหน้าบอกว่า
“ฉันได้มีทุกอย่าง สาหรับท่าน เผอิญฉันมาติดฝนอยู่ที่นี่ ภรรยาของท่านเขา
ขอร้องให้ฉันพัก ค้างฝน ที่นี่ตลอดคืนนี้ ฉันก็ควรจะมีส่วนตอบแทนท่านบ้าง ฉะนั้น
ขอให้ท่านบริโภคสิ่งเหล่านี้ตามชอบใจ
ชายคนนั้นดีใจใหญ่ มีทั้งเหล้าองุ่น มีทั้งปลา มีทั้งอาหารต่างๆ เขาก็ดื่มและ
รับประทาน จนนอนหลับไปไม่รู้สึกตัวอยู่ตรงข้างๆ เข่าของท่านอาจารย์ กูโด ที่นั่ง
สมาธิ ตลอดคืนนั้น เหมือนกัน
ทีนี้ พอตื่นขึ้นมาตอนเข้า ชายคนนั้นก็ลืมหมด ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร เพราะเมื่อคืน
นี้เขาเมาเต็มที่ และถามว่า ท่านเป็นใคร และจะไปข้างไหน ท่านอาจารย์ ก็ตอบว่า
อ๋อ! อาตมาคือ กูโด แห่งนครเกียวโต กาลังจะไปธุระที่ตาบลอิโด ตามเรื่องที่ว่า
มาแล้ว เมื่อกี้นี้
ถ้อยคาอย่างนี้ มันประหลาดที่ว่า บางครั้งก็มีอิทธิพลมากมาย คือว่า ชายคนนั้น
Page 2
ละอายจนเหลือที่จะรู้ว่า จะอยู่ที่ไหน จะแทรกแผ่นดินหนีไปที่ไหนก็ทาไม่ไหว แทรก
ไปไม่ได้มันละอายถึงขนาดอย่างนั้นแล้ว ก็ขอโทษขอโพย ขอแล้วขออีก จนไม่รู้จะ
ขออย่างไร ต่ออาจารย์ของพระจักรพรรดิ ซึ่งจับพลัดจับผลูเข้ามาอยู่ที่บ้านเขา
ท่านกูโด ก็ยิ้มละไมอยู่เรื่อย แล้วก็พูดขึ้นช้าๆ บอกว่า
"ทุกอย่างในชีวิตนี้ มันเปลี่ยนแปลงเรื่อย เป็นกระแสไหลเชี่ยวไปทีเดียว และทั้ง
ชีวิตนี้ มันก็สั้นเหลือเกินด้วย ถ้ายังเล่นการพนันและดื่มอยู่ดังนี้ ก็หมดเวลาที่จะทา
อะไรอื่นให้เกิดขึ้น หรือสาเร็จได้นอกจากทาตัวเองให้เป็นทุกข์แล้ว ก็จะทาให้
ครอบครัวพลอยตกนรกทั้งเป็นกันไปด้วย"
ความรู้สึกอันนี้ได้ประทับใจนายคนนั้น มีอาการเหมือนกับว่า ตื่นขึ้นมาในโลกอื่น
เหมือนกับตื่นขึ้นมาจากความฝัน ในที่สุด ก็พูดกับท่านอาจารย์ว่า
“ที่ท่านอาจารย์กล่าวนั้น มันถูกหมดเลย มันถูกอย่างยิ่ง ถ้าอย่างไร ก็ขอให้กระผม
ได้สนองพระคุณอาจารย์ในคาสั่งสอนที่ประเสริฐนี้ เพราะฉะนั้น ขอให้กระผมออก
ติดตามท่านอาจารย์ ไปส่งท่านอาจารย์ ในการเดินทางนี้สักระยะหนึ่ง”
ท่านอาจารย์กูโด ก็บอกว่า “ตามใจ”
สองคนก็ออกเดินทาง ไปได้ประมาณ ๓ ไมล์ ท่านอาจารย์ก็บอกว่า “กลับเถอะ”
นายคนนี้ก็บอก “ขออีกสัก ๕ ไมล์”
อาจารย์ขยั้นขยอให้กลับอีกว่าถึงคราวที่ต้องกลับแล้ว นายคนนั้น ก็บอกว่า ขออีก
สัก ๑๐ ไมล์เถอะ ในที่สุดก็ต้องยอม พอถึง ๑๐ ไมล์ ท่านอาจารย์ ขยั้นขยอให้กลับ
เขาก็ว่า ขอตลอดชีวิตของผมเถอะ
นี่ก็เป็นอันว่า ไปกับท่านอาจารย์ ไปเป็นนักบวชแห่งนิกายเซ็น ซึ่งต่อมาก็เป็น ปรมาจารย์พุทธ
ศาสนาแห่งนิกายเซ็นในญี่ปุ่น นิกายเซ็นทุกสาขาที่เหลืออยู่ในญี่ปุ่นในทุกวันนี้ ออกมาจากอาจารย์
องค์นี้องค์เดียวเท่านั้น ล้วนแต่เป็นลูกศิษย์ที่สืบมาจากอาจารย์องค์นี้องค์เดียว ท่านกลับตัวชนิดที่
เราเรียกกันว่า เพชรที่พบจากโคลนในถิ่นสลัม นี้เป็นอย่างไรบ้าง ก็ลองคิดดู
ในประเทศญี่ปุ่น นายกรัฐมนตรีบางคน ก็มาจากเด็กที่ขายเต้าหู้หาบหนังสือพิมพ์ ก็เป็น
นักเขียนหนังสือพิมพ์น้อยๆ สั้นๆ และเขื่องขึ้นๆ จนเป็นบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ที่มีชื่อเสียง และไป
เป็นนายกรัฐมนตรีสมัยหนึ่งในที่สุด นี่เราจะบอกเด็กๆ ตาดาๆ ของเราว่า สิ่งต่างๆ นั้นเปลี่ยนแปลงได้
ถึงอย่างนี้กันสักทีจะได้ไหม เด็กๆ เขาจะมีความรู้สึกอย่างไร ในฐานะของเขา เขาจะทาตัวให้เป็น
เหมือนกับ "เพชรที่พบในโคลนจากถิ่นสลัม" ได้อย่างไร โดยมากเขามักจะขายตนเองเสียถูกๆ จน
เป็นเหตุให้เขาวกไปหาความสุขทางเนื้อทางหนัง ต่าๆ เตี้ยๆ ไม่น่าดูนั้น ก็เพราะว่า เขาเป็นคนที่ไม่
เคารพตัวเอง ท้อถอยต่อการที่จะคิดว่า มันจะเป็นได้มากอย่างนี้
พระพุทธเจ้า ท่านก็ยังตรัสว่า เกิดมาเป็นคน นี่ ไม่ควรให้ตัวเอง "อตฺตาน น ทเทยฺยโปโส"
แปลว่า เป็นลูกผู้ชาย เป็นบุรุษ ไม่ควรให้ซึ่งตน
“ให้ซึ่งตน” นี้หมายความว่า ยกตนให้เสียแก่กิเลส หรือ ธรรมชาติฝ่ายต่า มันก็ไม่ได้คิด ที่จะมี
อะไร ที่ใหญ่โตมั่นคง ที่จะเป็นนั่น เป็นนี่ ให้จริงจังได้ข้อนี้ เรียกว่า เราควรจะถือ เป็นหลักจริยธรรม
ข้อหนึ่งด้วย เหมือนกัน
คัดลอกจาก http://www.dharma-gateway.com/
ผู้คัดลอกและเรียบเรียง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น