สื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาล มีการตั้งฉายารัฐบาล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี ประจำปี 2553 โดยฉายารัฐบาลคือ "รัฐบาลรอดฉุกเฉิน" ซึ่งตลอดปี 2553 รัฐบาลต้องเผชิญกับวิกฤตหลายด้าน ทั้งวิกฤตเศรษฐกิจ วิกฤตภัยธรรมชาติ วิกฤตการเมือง ทั้งในและนอกสภา เกิดความขัดแย้งและแตกแยกอย่างรุนแรงในสังคม จนต้องประกาศใช้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ในหลายพื้นที่เพื่อควบคุมสถานการณ์ ยังไม่รวมวิกฤตสังคมอื่นๆ จนทุกฝ่ายมองว่า รัฐบาลไม่น่าจะบริหารราชการแผ่นดินต่อไปได้ แต่สุดท้ายรอดจากวิกฤตต่างๆ รวมทั้งรอดพ้นจากคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ ท่ามกลางข้อกังขาจากสังคม
ส่วนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ฉายา "ซีมาร์คโลชั่น" เนื่องจากประเทศไทยได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก วิกฤตความขัดแย้งทางสังคม เปรียบเสมือนผู้ป่วยหนักที่ต้องการยารักษาโรคให้หายขาด บางปัญหาต้องทำการผ่าตัด-ปรับโครงสร้าง สังคมคาดหวังว่านายกรัฐมนตรีจะเข้ามาแก้ไขปัญหาและรักษาอาการของประเทศได้ แต่ผลการปฏิบัติหน้าที่ของนายกรัฐมนตรียังทำได้ผลเพียงการบรรเทาโรค เปรียบเสมือนการใช้ "ซีม่าโลชั่น" ทาแก้คันเท่านั้น
"ทศกัณฐ์กรำศึก" เป็นฉายาของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นบุคคลที่มีบทบาทสำคัญในทุกเรื่อง เปรียบเหมือนทศกัณฑ์ที่มีหลายหน้า อาทิ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง แม่บ้านพรรคประชาธิปัตย์ ผู้จัดการรัฐบาล บิดาของนายแทน เทือกสุบรรณ ที่ถูกโจมตีเรื่องการครอบครองที่ดินเขาแพง ทำให้ต้องเผชิญศึกหนักจากรอบด้าน แต่ด้วยความที่มีประสบการณ์การเมืองสูง จึงเอาตัวรอดมาได้
พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี ฉายา "ลิ้นชาละวัน" ผลงานในตำแหน่งไม่เป็นที่ประจักษ์นัก แต่บทบาทชัดคือการเดินสายเจรจาสร้างความปรองดองกับทุกพรรคการเมือง ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล และกลุ่มผลประโยชน์ทางการเมืองทุกสี รวมทั้งการเจรจากับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แต่ไม่สำเร็จ เปรียบเหมือนการใช้ลิ้นจระเข้ที่ไม่มีต่อมรับรส การเจรจาจึงไม่มีการตอบรับจากทุกฝ่าย
ฉายา "โย่งคาเฟ่" เป็นของ นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพราะแสดงบทบาทไม่สมกับขุนคลัง ทั้งเปิดผับเชียร์บอลโลก สวมบท พ.ต.ประจักษ์ มหศักดิ์ ในละครวนิดา ภาคปลดหนี้ จนถูกวิจารณ์
"หัวเทียนบอด-แบน" เป็นฉายาของ นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือไอซีที ที่คนไทยต้องผิดหวัง ทั้งเรื่องระบบ 3 จี บัตรประชาชนอเนกประสงค์ เหมือนรถที่หัวเทียนบอด แต่ผลงานมีเพียงไล่บี้ สั่งแบนเครือข่าย พ.ต.ท.ทักษิณ
นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ฉายา "นางฟ้า สต๊อกลม" อดีตแอร์ผันตัวมาเล่นการเมือง ก่อนรับบทแม่ค้า และมักมีปัญหาส่อความไม่ชอบมาพากล จนถูกสำนักงานคณะกรรมการป้องกนและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตั้งอนุกรรมการสอบสวน พบสินค้าบางรายการเป็นเพียงสต๊อกลม และมีที่มาไม่โปร่งใส ขณะเดียวกัน ยังเกิดปัญหาสินค้าราคาแพง ทำให้สบช่องจัดรายการธงฟ้าราคาประหยัด
ฉายา "เสืออิ่ม สิงห์โอด" นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ถูกวิจารณ์ว่าเป็นยุคตกต่ำสุดของนักปกครอง ที่มีโลโก้เป็นสิงห์ มีข่าวไม่ชอบมาพากลสารพัด ทั้งการแต่งตั้งโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรม ทำลายสถิติมีว่าที่ปลัดกระทรวงมากที่สุด
นายมั่น พัธโนทัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ฉายา "หยากไย่" เป็นนักการเมืองรุ่นเก่าที่ได้เข้ามาร่วมรัฐบาลชนิดที่หลายฝ่ายคาดไม่ถึง แม้ไม่มีผลงานชัดเจน แต่ยังชักใย-เกาะติดอยู่กับฝ่ายรัฐบาลได้ทุกยุค
ฉายา นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี "กริ๊ง...สิงสื่อ" แม้จะพ้นจากการกำกับดูแลสื่อในช่วงครึ่งปีหลัง แต่บทบาทที่เด่นชัดคือ สั่งการสื่อต่างๆ ของรัฐ โดยเฉพาะช่วงที่มีการชุมนุมทางการเมือง เพื่อชี้นำและกำหนดทิศทางการนำเสนอข่าว
ฉายา "ป้อมทะลุเป้า" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นพี่ใหญ่ของนายพลทุกเหล่าทัพ แม้คนภายนอกมองบทบาทของเขาไม่โดดเด่น แต่ในความเป็นจริงกลับสร้างผลงานได้ทะลุเป้าในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการกุมอำนาจฝ่ายความมั่นคง ปฏิบัติการกระชับพื้นที่ชุมนุมย่านราชประสงค์ การขออนุมัติใช้งบกองทัพ ที่ถูกครหาว่าสูงเป็นประวัติการณ์
สำหรับวาทะแห่งปี 2553 ยกให้วาทะที่ว่า "ถ้าเลือกตั้งแล้วนองเลือด แล้วผมชนะ ผมไม่เอาหรอก"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น