++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพุธที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2552

8 เม.ย.52 – ไม่มี (ไม่) นองเลือด!!??

โดย สำราญ รอดเพชร    


การขับไล่ทักษิณ ชินวัตร และระบอบทักษิณรอบแรกเมื่อ 2549 จบลงที่การรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 ทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศไทยในสายตานานาประเทศไม่ค่อยดีนัก นอกจากนั้น สังคม – การเมืองแตกแยกอย่างรุนแรง นี่คือค่าใช้จ่ายที่สังคมต้องจ่าย
      
       แต่สิ่งที่ได้ก็คือ ทำให้คนชื่อ ทักษิณ ชินวัตร พ้นจากอำนาจ ระบอบทักษิณที่ปล้นบ้านกินเมืองชะลอตัวลงชั่วคราว แม้ต่อมาจะค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นมาใหม่
      
       การขับไล่นอมินีระบอบทักษิณรอบสอง ในปี 2551 โดย พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็น หัวหอก ต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายก็คือ ชีวิต เลือดเนื้อของประชาชน ล้มตาย 11 คน บาดเจ็บทุพพลภาพ 21 คน บาดเจ็บทั่วไปอีก 600 กว่าคน สังคมแตกแยก
      
       สิ่งที่ได้ก็คือ หยุดการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อฟอกผิดและการกลับมามีอำนาจของคนชื่อทักษิณ ชินวัตร หยุดและเปิดโปงขบวนการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ที่กำลังฟักตัว แพร่ระบาด จุดประกายให้ผู้คนตื่นตัวปฏิเสธการเมืองเก่า แสวงหาการเมืองใหม่ และรวมตัวกันเป็นพลังทางศีลธรรมในการพิทักษ์ปกป้องบ้านเมืองให้เดินไปบนหน ทางคุณธรรมภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข...
      
       ………………….
      
       เบื้องหน้า คือวันนี้ 8 เม.ย.2552 เมื่อกองทัพเสื้อแดงเคลื่อนตัวภายใต้การนำของคนชื่อ ทักษิณ ชินวัตร นักโทษชายหนีคุก คำถามที่ทุกคนกำลังรอคำตอบก็คือ...ใครจะแพ้ ใครจะชนะ บ้านเมืองจะบอบช้ำยับเยินเพียงใด สถาบันพระมหากษัตริย์จะถูกกัดกร่อนทำลายแค่ไหน..!?
      
       เบื้องต้นพอจะมองเห็นกันได้ไม่ยากว่า “ต้นทุน” หรือ “ค่าใช้จ่าย” หนนี้แพงมาก ประการสำคัญยิ่งก็คือต้นทุนแพงแต่ถ้าผลประโยชน์ตกกับประชามหาชนคนส่วนใหญ่ก็ ยังจะพอทำใจกันได้บ้าง แต่นี่ชัดเจนแล้วว่า ผลประโยชน์เพื่อคนชื่อทักษิณคนเดียว...
      
       เพราะถ้าทำศึกชนะ คดีหลุด พ้นโทษ ก็มีโอกาสกลับมามีอำนาจ ถ้าแพ้ตัวนักโทษชายอาจจะยังหลบหนีอยู่ที่ต่างประเทศได้ มีเหยื่อรับเคราะห์แทนคือคนเสื้อแดงและประเทศชาติ
      
       8 เม.ย. 2552 น่าจะพูดได้ว่า...ประเทศไทยคล้ายถูกนักโทษชายจับไว้เป็นตัวประกัน
      
       ทำไมมันเป็นไปได้ถึงขนาดนี้ !!??
       ………………
      
       ถามว่าสงครามครั้งสุดท้ายของนักโทษชายทักษิณจะลงเอยอย่างไร?
      
       มองภาพกว้างอย่างไม่ประมาทคนเสื้อแดง ผมเชื่อว่าการศึกหนนี้เสื้อแดงจะมาร่วมชุมนุมหลายหมื่นคน อย่างมากน่าจะเฉียดแสนคน ชัดเจนว่าพวกเขาได้ปรับยุทธศาสตร์ยุทธวิธีในการต่อสู้เมื่อประมาณ 5 -6 วันที่ผ่านมา ด้วยการชูธงว่า ขอเชิดชูการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่จะโค่นล้มระบอบอำมาตยาธิปไตย ซึ่งในที่นี้พวกเขาพุ่งเป้าถล่มโจมตีไปที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี
      
       การ ปรับเปลี่ยนทางยุทธวิธีอย่างตอหลดตอแหลหนนี้ น่าจะเป็นเพราะพวกเขาคงรู้ดีว่าภาพลักษณ์ของพวกเขาที่ผ่านมาก็คือ ความท้าทาย จาบจ้วงต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งคนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย ขณะเดียวกันพวกเขาอาจประเมินสถานการณ์ว่า ถึงที่สุดพวกเขาอาจจะต้องพลิกเกมเคลื่อนพลไปขอพึ่งพระบารมี ดังที่มีรายงานข่าวว่า ได้มีการล่าชื่อเพื่อขอถวายฎีกาให้นิรโทษกรรมนักโทษชายทักษิณไว้แล้ว
      
       ด้วยจำนวนผู้คนหลายหมื่นคนหรืออาจจะเฉียดแสนคน เหตุการณ์ที่มีโอกาสเกิดขึ้นจากการชุมนุมเป็นไปได้หลายประการ อยู่ที่การตัดสินใจขั้นสุดท้ายของนักโทษชายทักษิณ เป็นสำคัญ
      
       ผมลองวาดภาพเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นดูเล่นๆ เพื่อการพิจารณา
      
       1) นองเลือด จลาจล เผาบ้านเผาเมือง เกิดการเจรจาไกล่เกลี่ยโดยบุคคลระดับสูง
       กรณีนี้นักโทษชายทักษิณอาจได้รับประโยชน์จากการเจรจาไกล่เกลี่ย
      
       2) นองเลือด จลาจล เผาบ้านเผาเมือง เกิดคณะรัฐประหารออกมารักษาความสงบ
      
       กรณีนี้นักโทษชายทักษิณอาจได้รับประโยชน์ในการอ้างขอลี้ภัยการเมือง ตั้งรัฐบาลผลัดถิ่นในอนาคต
      
       3) ปะทะ บาดเจ็บ แต่ทหาร – ตำรวจสามารถรักษาสถานการณ์โดยรวมเอาไว้ได้ กลุ่มเสื้อแดงอาจเคลื่อนพลไปถวายฎีกา ประกาศชัยชนะสลายการชุมนุม
      
       กรณีนี้น่าจะหมายถึงยังจะมีศึกใหญ่รอบต่อๆ ไป บ้านเมืองยังเต็มไปด้วยหลุมขวาก และระเบิดเวลา
      
       4) ตึงเครียด แต่ไม่มีเหตุการณ์นองเลือด สลายตัว ประกาศนัดชุมนุมใหม่ หรือไม่สลายตัว แต่ประกาศชุมนุมยืดเยื้อต่อไปจนกว่าจะได้ชัยชนะ
      
       ตามความรู้สึกส่วนตัวของผม ข้อที่ 4 มีโอกาสจะเกิดขึ้นน้อยที่สุด นั่นหมายความว่าโอกาสที่บ้านเมืองจะเกิดความวุ่นวาย เกิดจลาจล มีความเป็นไปได้สูงเป็นอย่างสูง...
      
       การศึกหนนี้..ต้องหมายเหตุว่าหลังจากออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาล – กองทัพออกมาปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ เมื่อ 30 มี.ค. 2552 แล้ว พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ประกาศจะไม่เกี่ยวข้อง หรือไม่ออกมาเผชิญหน้ากับคนเสื้อแดง เพราะรู้ดีว่าหากออกมาเผชิญหน้าอาจตกเป็นเหยื่อถูกกวาดทั้งคู่ ดังนั้นจึงเป็นพันธกิจภารกิจของรัฐบาลและหน่วยงานด้านความมั่นคง โดยเฉพาะกองทัพที่จะได้สำแดงบทบาท วิธีคิด หรือ “กึ๋น” ออกมาให้เห็นกันอย่างเต็มที่...
      
       .........................................
      
       และต้องหมายเหตุก่อนจบบทความบทวิเคราะห์นี้ด้วยว่า ไม่ว่าศึกหนนี้จะจบลงอย่างไร แต่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ซึ่งเป็นทั้งเป้าหลอกและเป้าลวงของคนเสื้อแดง ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าไม่ได้ประหวั่นพรั่นพรึงกับนักโทษชายทักษิณแม้แต่ น้อย ขณะเดียวกันก็ยังยืนอยู่บนจุดความเป็นผู้ใหญ่ของบ้านเมืองที่อยากเห็นคนไทย มีความรัก ความสามัคคี และสนับสนุนคนดีให้มีอำนาจมีโอกาสรับใช้บ้านเมือง
      
       อีกสองท่านที่ทำให้สังคมหูตาสว่าง ตอกตะปูฝาโลงให้ทักษิณเป็นโมฆบุรุษโดยสมบูรณ์แบบก็คือ พล.อ.พิจิตร กุลละวณิชย์ “บิ๊กเสือ” องคมนตรี รวมทั้ง ท่านอำพล เสนาณรงค์ องคมนตรี ที่ออกมาบรรยายว่าใครที่คิดร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์มักมีอันเป็นไปเสมอ...
      
       ครับ มองผิวเผินศึกหนนี้ ใครหลายคนบอกว่านักโทษชายทักษิณน่าจะมีแต่ได้กับได้ เพียงแต่จะได้มากหรือได้น้อย แต่ประสาชาวพุทธอย่างเราๆ ท่านๆ ผมเชื่อว่าคนที่คิดเอาแต่ได้ ไม่ยอมรับโทษตามกฎบ้านกบิลเมือง พูดจาหมิ่นเหม่ต่อสถาบัน จับประเทศไว้เป็นตัวประกันไม่มีทางที่จะชนะได้..
      
       เชื่อหรือไม่ว่า...ในที่สุดถ้ารัฐบาล กองทัพ พลาดท่าหรือปล่อยให้นักโทษหนีคุกมายึดบ้านยึดเมืองไปต่อหน้าต่อตา ประชาชนคนไทยทั้งเสื้อเหลือง เสื้อเขียว เสื้อขาวและอีกหลากสี เขาจะออกมาจัดการกันเอง
      
       ถึงวันนั้นประเทศไทยอาจเละยิ่งกว่าโจ๊กกองปราบ
      
       ผมได้แต่ภาวนาอย่าให้มีวันนั้นเลย!!
      
       samr_rod@hotmail.com

http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9520000039289

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น