++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันศุกร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2552

อนามัยโลกคาดอีก 11 ปี ผู้ป่วยซึมเศร้าพุ่งไต่อันดับรองโรคหัวใจ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

สำรวจพบหญิงป่วยซึมเศร้ามากกว่าชาย อนามัยโลกคาดการณ์ อีก 11 ปี
ผู้ป่วยซึมเศร้าจะพุ่งเป็นอันดับ 2 รองจากโรคหัวใจ
ห่วงหญิงหลังคลอดเกิดภาวะซึมเศร้าสูง ส่งผลกระทบลูกมีปัญหาทางอารมณ์

วันที่ 31 มีนาคม ที่สถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา
ในการเสวนาเรื่อง "ผู้หญิงแกร่ง 2009" นพ. ชาตรี บานชื่น
อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า
จากตัวเลขของผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาที่สถาบันจิตเวชศสาตร์สมเด็จเจ้า
พระยา พบว่า ผู้หญิงจะมีโอกาสป่วยเป็นโรคซึมเศร้ามากกว่าเพศชาย โดยปี
2551 ที่ผ่านมา พบว่า
มีสัดส่วนของผู้ป่วยเพศหญิงมากกว่าแบ่งเป็นผู้ป่วยนอก หญิงมีถึง 6,338 คน
เทียบกับชายมีเพียง 2,558 คน และผู้ป่วยใน หญิงมี 78 คน ส่วนชายมี 36 คน
คิดเป็นอัตราการเกิดโรคในเพศหญิงจะมากกว่าชาย 2 ต่อ 1 จาก
ข้อมูลขององค์การอนามัยโลกระบุว่าปี 2020
ผู้ป่วยซึมเศร้าจะพุ่งขึ้นเป็นอันดับ 2 รองจากโรคหัวใจ
ซึ่งถือเป็นภาวะที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง

"สาเหตุ ที่ส่งผลให้หญิงเป็นโรคซึมเศร้ามากกว่าเพศชาย
อาจเกิดได้จากการเลี้ยงดู ซึ่งส่วนใหญ่จะมีลักษณะเก็บตัว สมยอม ไม่โต้ตอบ
ทำให้เกิดภาวะซึมเศร้ามากกว่าเพศชายที่มักแสดงออกทางอารมณ์มากกว่า
เมื่ออยู่ในวัยมีครอบครัวผู้หญิงก็ต้องเป็นผู้ดูแลภาระครอบครัวไปพร้อมกับทำ
งานนอกบ้าน ซึ่งส่งผลให้เกิดความเครียดได้มากกว่า
และยังมีผลจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
ซึ่งทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าได้"นพ.ชาตรี กล่าว

นพ.ชาตรี กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ พบว่า
ผู้หญิงมีภาวะซึมเศร้าหลังคลอดสูงถึง ร้อยละ 15
ซึ่งส่งผลต่อเด็กที่มีมารดาป่วยเป็นโรคซึมเศร้า
เพราะมารดาจะมีพฤติกรรมแยกตัว ไม่สนใจเลี้ยงดูบุตร
มีการสื่อสารกับเด็กน้อย หรือ สื่อสารอย่างไม่เป็นมิตร
ทำให้เด็กมีปัญหาทางอารมณ์ ไม่มั่นใจต่อความผูกพันของแม่
และมีพัฒนาการทางสติปัญญาลดลง นอกจากนี้ ปัญหาการถูกคุกคามและทารุณทางเพศ
เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคซึมเศร้าในเพศหญิงขึ้นได้
เพราะจะรู้สึกมีคุณค่าในตัวเองลดลง โทษตัวเอง และแยกตัวเองออกจากสังคม

"ที่ น่าเป็นห่วงคือ 2 ใน 3
ของผู้ป่วยโรคซึมเศร้าไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม
เนื่องจากไม่รู้ว่าเป็นอาการของโรคซึมเศร้า รวมทั้งคนรอบข้างก็ไม่ทราบ
และคิดว่า เป็นคนขี้เกียจ หรืออ่อนแอเท่านั้น
ซึ่งโรคซึมเศร้าจำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยยา หรือ
การรักษาด้วยจิตบำบัด
ซึ่งสามารถขอรับคำปรึกษาได้ที่โรงพยาบาลสังกัดกรมสุขภาพจิตและโรงพยาบาลใกล้
บ้าน"นพ.ชาตรี

http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9520000036549

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น