++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันศุกร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2551

ดูการทำงานของกฎแห่งกรรม

โดย สิริอัญญา     14 ธันวาคม 2551 18:15 น.
พักนี้ดูการทำงานของกระบวนการยุติธรรมขั้นต้น ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ อัยการ หรือ ป.ป.ช. แล้ว ก็รู้สึกเหมือนๆ กันทุกคนว่าแทนที่จะช่วยชาติบ้านเมืองในการสะสางปัญหาความไม่เป็นธรรม กลับกลายเป็นตัวปัญหาเสียเองแล้ว ทำให้ประชาชนขาดความศรัทธาเชื่อมั่นอย่างร้ายแรงที่สุด
      
        เมื่อใดก็ตามที่ประชาชนหมดศรัทธาเชื่อถือในกระบวนการยุติธรรมเสียแล้ว เมื่อนั้นความเป็นอนาธิปไตยและสภาพบ้านป่าเมืองเถื่อนก็จะเกิดขึ้นเป็นธรรมด า
      
        การชำระสะสางกระบวนการยุติธรรมดังกล่าวนี้ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงเป็นภาระอันสำคัญที่รออยู่เบื้องหน้าและท้าทายรัฐบาลใหม่ เพราะหากไม่ชำระสะสางปัญหานี้แล้ว บ้านเมืองของเราก็หนีไม่พ้นจากสงครามกลางเมืองเป็นแน่แท้
      
        ม าดูการทำงานของกฎแห่งกรรมกันดีกว่า เพราะเป็นกฎที่เที่ยงแท้ไม่แปรผัน ไม่มีใครไปติดสินบาทคาดสินบนให้วิปริตผันแปรไปได้เลย ใครทำกรรมอันใดไว้ย่อมต้องได้รับผลแห่งกรรมนั้นเสมอ
      
        ไม่มีทางแก้เคล็ด ไม่มีทางสะเดาะเคราะห์ ไม่มีทางบนบานศาลกล่าวให้เจ้า เทพ มาร พรหมที่ไหนแก้ไขให้เป็นอื่นไปได้ นี่คือคำประกาศของพระบรมศาสดาของชาวพุทธที่ยังเป็นจริงอยู่ทุกกาล
      
        ในวันนี้หากไม่มีเหตุการณ์เหนือความคาดฝัน ประเทศไทยคงได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ไม่ว่าจะมาจากพรรคประชาธิปัตย์หรือจากพรรคเล็กๆ ก็ตาม ทำให้อำนาจรัฐยักย้ายถ่ายเทออกจากระบอบทักษิณไม่มากก็น้อย
      
        ส อดคล้องกับการโคจรของดาวเดือนในจักรราศีที่วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่พระอาท ิตย์จะโคจรข้ามพ้นราศีพิจิกไปสู่ราศีธนู ทำให้เหตุการณ์บ้านเมืองมีแนวโน้มว่าจะดีขึ้น นั่นคืออย่างน้อยที่สุดก็ดีกว่าที่เป็นอยู่นี้แน่
      
        วันก่อนคุณอัญชะลี ไพรีรักษ์ ได้นำความมาเปิดเผยในรายการข่าวยามเช้าของเอเอสทีวีว่า ขณะนี้อาการของคุณสมัคร สุนทรเวช กำลังทรุดหนักและส่อว่าเข้าขั้นวิกฤตแล้ว
      
        ในฐานะที่เป็นเพื่อนร่วมเกิด แก่ เจ็บ ตาย ก็ได้แต่รู้สึกสังเวชใจและเห็นอกเห็นใจคุณสมัคร สุนทรเวช ตลอดจนครอบครัวเป็นอย่างยิ่ง
      
        แต่อย่างว่านั่นแหละ คนเราทุกคนเกิดมาแล้วย่อมต้องตาย ต่างกันก็แต่จะตายช้าตายเร็วประการใด หรือจะตายด้วยอาการอย่างไรเท่านั้น เพราะเหตุนี้มนุษย์เราจึงมีชื่อเรียกขานอีกอย่างหนึ่งว่ามัจจะหรือผู้ที่จะต ้องตาย
      
        แ ต่ถึงกระนั้นความตายก็เป็นความทุกข์ที่ทุกคนจะต้องประสบ แม้ฉะนี้แล้วคนเราก็ไม่อยากตาย ต่างรักตัวกลัวตายและรักชีวิตด้วยกันทุกผู้คน แล้วไฉนหนอมนุษย์เราจึงยังคงเบียดเบียนซึ่งกันและกันอยู่ ไม่รู้จักละวางกันบ้างเลย
      
        ประเทศไทยเรามีนายกรัฐมนตรีในระยะใกล้นี้ถึง 3 คนแล้ว ที่กำลังประสบกับชะตากรรมที่คาดคิดได้ว่าไม่มีคนไหนอยากเป็น อยากเผชิญ หรืออยากรับชะตากรรมดังที่เป็นอยู่นั้นเลย
      
        แต่อย่าโทษใครไหนอีกเลย ควรจะพิจารณาบุญกรรมที่ทำไว้ เพราะชะตากรรมที่เป็นไปในวันนี้ก็เป็นผลกรรมที่ได้ทำไว้แต่ก่อน ไม่มีใครไปเสกสรรปั้นแต่งยัดเยียดให้เลย ทำความคิดอย่างนี้ให้เกิดขึ้นในตนได้เมื่อใด ความอาฆาตพยาบาทผูกเจ็บจองเวรหรือความดิ้นรนกระสนเสือกต่างๆ ก็จะค่อยๆ หมดไป จะค่อยๆ เกิดความสงบเย็นในใจเป็นลำดับๆ ไป
      
        อดีตนายกรัฐมนตรีคนแรกที่ควรกล่าวถึงก็คือคุณทักษิณ ชินวัตร
      
        ใช้คำว่าคุณทักษิณทีไร ก็มีมิตรรักแฟนเพลงโพสต์เข้ามาต่อว่าต่อขานไม่เว้นแต่ละคราวว่าทำไมไปให้เกี ยรติเรียกคุณ ควรจะเรียกให้สอดคล้องกับฐานะที่เป็นจริงว่านักโทษชาย
      
        ก็ต้องขออภัยเถิด ที่ทำในใจให้ชิงชังอย่างนั้นไม่ได้ เพราะสถานหนึ่ง เคยมีไมตรีกันมาแต่กาลก่อน สถานหนึ่ง คุณทักษิณก็เป็นเพื่อนร่วมเกิด แก่ เจ็บ ตายด้วยกัน และอีกสถานหนึ่ง ยามนี้ตกอยู่ในความทุกข์เข็ญ ผู้มีใจเป็นอุเบกขาก็ควรมองและปฏิบัติต่อด้วยเมตตาจะเป็นการดีที่สุด
      
        ค ุณทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ร่วม 7 ปี มีคนรักก็มาก คนชังก็ล้น จนเกิดเป็นความขัดแย้งแตกแยกใหญ่ในบ้านเมืองชนิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
      
        จนคุณทักษิณต้องพ้นไปจากอำนาจ แต่คุณทักษิณกลับไม่วางมือ ยังคงผูกอาฆาตจองเวรกรรมเอากับผู้กระทำกรรมกับตนและทำการต่อสู้เรื่อยมา สมคล้อยกับความต้องการของสมุนบริวารที่ต้องการตำแหน่งลาภยศและอามิสจากคุณทั กษิณที่ไม่ยอมให้คุณทักษิณวางมือหรือหยุดการต่อสู้
      
        ดังที่เคยมีคนกล่าวไว้ว่าคุณทักษิณในวันนี้เหมือนกับเอลซิส นักรบผู้แกร่งกล้า ออกรบจนตัวตายแล้ว ลูกน้องยังไม่ยอมให้หยุด จับเอาศพเอลซิสสวมเกราะมัดเข้ากับหลังม้า นำกองทัพออกไปรบอีก ฉันใดก็ฉันนั้น
      
        ย ิ่งรบก็ยิ่งแรง ยิ่งแรงก็ยิ่งร้าย ยิ่งร้ายผลกระทบและความเสียหายก็เกิดทั่วทั้งแผ่นดิน และลุกลามไปทั่วทุกสถาบัน จึงก่อเกิดเป็นกระแสต้านอันกว้างใหญ่ชนิดที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเลย
      
        ทำให้คุณทักษิณในวันนี้ต้องหย่าขาดกับศรีภริยาผู้เป็นที่รักที่สุด ต้องพลัดพรากจากลูกเต้า และที่พำนักอาศัย จนแต่ละวันก็ไม่รู้ว่าจะซุกหัวนอน ณ แห่งใด และอนาคตจะเป็นประการใดก็ไม่รู้ วันๆ มีแต่คนมาขอนั่นขอนี่ ดูไปแล้วยิ่งกว่าพระพรหมหน้าเอราวัณที่ผู้คนไปบนบานศาลกล่าวขอนั่นขอนี่ จนเหม็นกลิ่นธูปควันเทียนและไม่เป็นอันสงบเลย
      
        ความวิตก ความคับแค้นใจ ความทุกข์ร้อน ย่อมบังเกิดขึ้นแก่ใจเป็นแน่แท้ มีสภาพเหมือนหนึ่งไฟที่เผาผลาญใจอยู่ มีความรุ่มร้อน แห้งใจอยู่เป็นนิจ สภาพเช่นนี้แหละที่เขาเรียกว่าสวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ
      
        ธรรมโอสถเท่านั้นที่จะสามารถแก้ไขบรรเทาทุกข์ร้อนนี้ได้ และธรรมโอสถที่ว่านี้ก็คือความเมตตา ความไม่อาฆาตจองเวร ความรู้จักพอ รู้จักหยุด น้อมนำให้เกิดขึ้นในใจเมื่อใด ความสงบเย็นก็จะเกิดขึ้นเมื่อนั้น
      
        อดีตนายกรัฐมนตรีอีกท่านหนึ่งซึ่งได้เกริ่นนามมาแต่ต้นแล้วคือคุณสมัคร สุนทรเวช
      
        อันคุณสมัคร สุนทรเวช นั้นแม้จะปากร้าย ท่าทางกร้าวแข็งประการใด แต่ในใจไม่ได้ร้ายตามไปด้วย หลายครั้งที่ถูกผลักดันให้ปราบปรามประชาชน ก็ไม่อาจตัดใจทำได้ลงคอ ครั้นพอคนที่หวังดีและมีไมตรีกันมาท้วงติงแนะนำเพียงเบาๆ ก็เชื่อฟังปฏิบัติตามแต่โดยดี
      
        ดังนั้นแม้คุณสมัคร สุนทรเวช จะโผงผางก้าวร้าวอย่างไร ในเหตุการณ์ชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็ไม่มีใครเสียเลือดเน ื้อ
      
        แ ต่กรรมก็มาถึงตัวคุณสมัคร สุนทรเวช เข้าจนได้ ดังที่ได้เคยเตือนไว้ก่อนจากบทพยากรณ์ตอนหนึ่งที่ว่าชะตากำลังร้ายนัก จะเสียทั้งตำแหน่ง จะต้องทั้งอาญาแผ่นดิน และอาจจะเสียชีวิตด้วย
      
        คุณสมัคร สุนทรเวช เป็นคนกินไม่เลือก และคงกินของผิดสำแดงเข้า ดังนั้นนอกจากโรคภัยเล็กๆ น้อยๆ อื่นๆ แล้ว โรคใหญ่ก็มาเยือน นั่นคือโรคตับ และเป็นโรคตับประเภทที่เป็นมะเร็ง
      
        มะเร็งนั้นท่านว่ามีอยู่สองจำพวก คือพวกที่อยู่ร่วมกับชีวิตทุกชีวิตตั้งแต่เกิดจนตาย สามารถอยู่ร่วมกันอย่างสันติได้ เว้นแต่จะไปทำศึกสงครามแก่กันก็จะกลับกลายเป็นมะเร็งจำพวกที่สอง คือเป็นศัตรูที่จะเอากันถึงตาย
      
        และเมื่อกลับกลายเป็นศัตรูแล้วก็จะมีฐานะเป็นอุ้งหัตถ์แห่งมัจจุราชที่จะมาค ร่าเอาชีวิตให้สูญสิ้นไป เมื่อใดที่มะเร็งแสดงบทนี้ก็อย่าฝืนดิ้นรนให้ยุ่งยากลำบากเลย ทำความเข้าใจขึ้นในใจให้ดีว่าบัดนี้พยาธิอันร้ายหมายเอาชีวิตไปจากโลกมาถึงต ัวแล้ว จะทำการใดก็ทำเสียให้แล้วเสร็จ จากนั้นก็เตรียมตัวเดินทางไกลไปแต่ผู้เดียวเถิด
      
        ย่อมดีกว่าการดิ้นรนใดๆ เพราะถึงอย่างไรก็หลีกหนีไปจากอุ้งหัตถ์แห่งมัจจุราชไม่ได้ คุณสมัคร สุนทรเวช ไปเชื่อใครก็ไม่รู้ หลงเดินทางไปรักษาตัวถึงต่างประเทศ ในที่สุดอาการก็ทรุดลง ซึ่งยังไม่รู้ว่ากาลกริยาจะมาถึงเมื่อใด ก็ได้แต่แสดงความห่วงใยให้ปรากฏไว้ในที่นี้
      
        อดีตนายกรัฐมนตรีอีกท่านหนึ่งคือคุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตศิษย์ร่วมสำนักวัดระฆังโฆสิตารามมาด้วยกัน
      
        ก็ได้เตือนไว้ก่อนแล้วว่าการได้รับตำแหน่งคราวนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องอำนาจวาสน าอะไรเลย แต่เป็นทุกขลาภที่จะต้องทุกข์เข็ญลำเค็ญและเสียผู้เสียคน ดีร้ายจะพาเอาครอบครัวเดือดร้อนไปด้วย
      
        แล้วมันก็เป็นจริง เพราะคุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นคนเกรงใจเมีย เชื่อฟังเมีย ดังนั้นจึงทำให้รัฐบาลนั้นกลายเป็นร่างทรง 100% จึงมีอายุขัยได้เพียง 2 เดือน และยังต้องแบกชนักติดหลังทั้งทางสังคมและอรรถคดีต่อไปอีก
      
        ดังนั้นเมื่อพ้นตำแหน่งจึงต้องถึงกับทำบุญล้างซวยกันเลยทีเดียว
      
        เ ห็นหรือยังว่ากฎแห่งกรรมทำงานอย่างไร ดังนั้นใครที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ก็อย่าได้ดูหมิ่นกฎแห่งกรรมเป็นอัน ขาด จึงพึงทำกรรมดีเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน ย่อมเป็นมงคลแท้แก่ตัวอย่างแน่นอน

http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9510000146987

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น