++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันอังคารที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2548

รักษาความรู้สึก สิ่งแวดล้อม


เมื่อสัก 2-3 วันก่อน ผู้เขียนได้รื้อชั้นหนังสือรวมถึงพยายามที่จะกำจัดสิ่งละอันพันละน้อยต่างๆ ที่เป็นกระดาษ เช่น ใบปลิวสวยๆ โปสการ์ดโฆษณาสินค้าที่ไม่สามารถใช้ส่งให้ใครได้ เพราะด้านหลังของโปสการ์ดมีไว้เพื่อแนะนำสินค้า ไม่ใช่บันทึกหรือส่งความระลึก
ถึงใคร ซองจดหมายและเอกสารต่างๆ ที่พยายามเก็บรวบรวมเอาไว้เพื่อต้องการนำมาใช้งานอีกครั้งหนึ่ง
สิ่งของเหล่านี้เมื่อได้มาครั้ง แรกก็ต้องการที่จะเก็บไว้อย่างดี
ไม่ใช่เพื่อต้องการสะสม เพียงแต่รู้สึกว่าต้องการเก็บ จึงไม่ได้มีการรวบรวมหรือแยกให้เป็นประเภท เหมือนอย่างที่นักสะสมสิ่งของต่างๆ เขาทำกัน เมื่อนานวันเข้ามันก็เลยรก แล้วเมื่อต้องการที่จะสะสางคราใด ก็เกิดความรู้สึกสองจิต
สองใจทุกทีว่า จะทิ้งหรือจะเก็บ ถ้าจะทิ้งก็เสียดายความสวยงามของสิ่งเหล่านั้น
และต้องนึกอยู่ตลอดเวลาอีกว่า ของดีๆ ทำไมต้อง ให้มันกลายมาเป็นขยะด้วย
ในขณะที่อีกใจหนึ่งก็นึกว่า
ถ้าไม่ทิ้งมันก็รกบ้าน แล้วเราไม่ได้ต้องการสะสมสักหน่อย ประกอบกับพื้นที่ของบ้านไม่เอื้ออำนวยกับการสะสมของเหล่านี้เท่าใดนัก มันก็จะกลายเป็นขยะในบ้านของเราอยู่นั่นเอง ที่เป็นปัญหาหนักคือซองจดหมายต่างๆ
ที่ส่วนใหญ่ประทับตราไปรษณีย์ผ่านการใช้แล้วมีอยู่เต็มไปหมด ตอนแรกที่เก็บไว้ก็เพื่อจะนำไปใช้ใส่เอกสารต่างๆ
แต่ไม่ได้นำไปส่งให้ใคร แต่ความต้องการในการใช้เพื่อเหตุดังกล่าวมีไม่เท่ากับปริมาณซองที่เพิ่มมากขึ้นทุกวัน
จำได้ว่า เคยมีคนรู้จักอยู่คนหนึ่งเขานำเอาซองจดหมายและเอกสารเหล่านี้มาหมุนเวียนใช้อีก เขาเอาสติ๊กเกอร์สีขาวที่มีขายทั่วไปตามร้านเครื่องเขียนมาแปะทับ แล้วเขียนชื่อคนที่ต้องการส่งทับลงไป
ส่วนมุมซองที่เป็นตำแหน่งติดแสตมป์และประทับตราไปรษณีย์ เขาก็ลอกออกโดยใช้น้ำและใช้ยางลบลบตราไปรษณีย์ออก
ถึงแม้จะไม่หมดเกลี้ยง แต่ก็เหลือเพียงรอยจางๆ ที่ไม่เกะกะแต่อย่างใด
เขาทำอย่างนี้มานานจนติดเป็นนิสัย จนผู้เขียนสงสัย ลองถามดูว่าไม่รู้สึกว่าที่ทำอยู่ทุกวันนี้ไม่ยุ่งยากมากไปหรือกว่าจะได้ซองใหม่มาใช้สักซองหนึ่งเพื่อส่ง เขาก็บอกกลับมาว่า "ถ้าคิดจะช่วยเหลือสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง
ก็ต้องจริงใจและอดทนกับมัน ทุกวันนี้เราสะดวกสบายมากเกินไปกับการใช้ชีวิต เราถึงเป็นแบบนี้
ใช้ทรัพยากรอะไรก็ตามเพียงครั้งเดียวแล้วทิ้ง โดยไม่เคยคิดเลยว่าสิ่งนั้นจะนำมาใช้ได้อีกหรือไม่
แม้แต่การที่เราใช้โฟมใส่อาหาร ก็เพราะเราเห็นว่ามันสะดวกสบาย ช้อนพลาสติกกินเสร็จแล้วก็ไม่ต้องล้าง"
นอกจากนี้ เขายังเล่าให้ฟังอีกว่า
การที่เขาใช้ซองใช้แล้วส่งให้ใครๆ บางคนก็รู้สึกไม่พอใจที่นำซองไม่สวยสะอาดตามาส่งให้เขา
ดูแล้วเหมือนเป็นการไม่ให้เกียรติ จนถูกว่าเอาตรงๆ เหมือนกัน แต่เขาก็ไม่สนใจ
พยายามอธิบายให้เขาฟังว่า ระหว่างความเหมาะสมและการให้เกียรติกับการสร้างขยะและทำลายสิ่งแวดล้อม ถึงแม้ว่าความรู้สึกแรกจะเกิดขึ้นกับคนที่มีชีวิตจิตใจ และความรู้สึกหลังเกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อมที่ใครๆ หลายคนรู้สึกว่ามันไม่มีชีวิตจิตใจก็ตาม แต่เขาก็ยังจะเลือกรักษาความรู้สึกสิ่งแวดล้อมมากกว่า เพราะมันไม่ใช่ของของเขาคนเดียว แต่เป็นของคนอีกหลายคน รวมถึงลูกหลานในอนาคตด้วย
ผู้เขียนจึงเริ่มต้นเก็บซองจดหมายและเอกสารอีกครั้ง
รวมถึงพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนว่า อะไรที่คิดว่าจะทิ้งตอนแรกนั้น
จะนำมาใช้อีกได้หรือไม่
โดยคุณ : บุศรินทร์ เลิศชวลิตสกุล

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น