++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันศุกร์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2557

เป็นโรค bipolar ควรฝึกจิตอย่างไร



ปุจฉา - ผมเกิดอาการกลัวโดยไม่ทราบสาเหตุทุก ๆ ครั้งที่ตื่นนอนผมอายุ 54 เคยทำงานส่วนตัวแต่ตอนนี้ไม่ได้ทำแล้ว ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า เป็น ๆ หาย ๆ อยู่บ้านคนเดียวลูกสาวไปทำงานนอกบ้านไปเช้ากลับเย็น มีวิธีคิดอย่างที่จะไม่เกิดความกลัวครับ admin - ไม่ทราบว่าเป็นความกลัวอะไรครับ เช่น กลัวตาย ความว่างเปล่า หรือความหวั่นใจทั่วๆ ไปที่บอกได้ไม่ชัด ปุจฉา - กลัวความหวั่นใจทั่วๆ ไปของวันรุ่งขึ้นกลัวความเหงากับความล้มเหลวเพราะเลิกกิจการมา 2-3 เดือน ผมนั่งฟังนอนฟังคำบรรยายของท่านพระอาจารย์เวลาที่รู้สึกว่าไม่สามารถอยู่โดยลำพัง..รู้สึกดีขึ้นครับ..ช่วงเวลาที่ผมทำงานอยู่ผมไม่เคยที่จะสนใจในธรรมเลยครับ...ทำให้ความรอบคอบในการตัดสินใจพลาด ผมป่วยเป็นไบโพลามา 20 ปี โรคนี้มันตรงข้ามตามคำสอนของพระอาจาร์ยเลยครับดีใจก็ดีใจสุด ๆ เสียใจก็เหมือนตกเหวเลยครับ ขอแนวทางดำเนินชีวตแบบสงบด้วยครับ (ปัจจุปันที่เป็นห่วงมากคือลูกสาววัย 22 และการดำเนินชีวิตต่อไปข้างหน้าอย่างไม่ต้องกลัวครับ..ผมอายุ 54 ยังโง่อยู่เลยครับ) พระไพศาล วิสาโล วิสัชนา - ความกลัวของคุณ คงเป็นผลมาจากอาการไบโพลาร์ โดยเฉพาะตอนที่ซึมเศร้าหรือจิตตก จิตจะเกิดความรู้สึกย่ำแย่ รวมทั้งเกิดความกลัวโดยไร้สาเหตุ อาการดังกล่าวอาตมาคิดว่า มีสาเหตุทางกายภาพเป็นหลัก ดังนั้นจึงควรอาศัยคำแนะนำและการช่วยเหลือของหมอเป็นเบื้องตน อย่างไรก็ตาม การฝึกจิต ก็ช่วยให้ดีขึ้นได้ จนไม่ต้องพึ่งยาเลยก็ได้ ในเรื่องการฝึกจิตนั้น อาตมาอยากแนะนำให้คุณลองฝึกมีสติเวลาทำกิจวัตรต่าง ๆ แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย เช่น ล้างหน้า ถูฟัน อาบน้ำ เช็ดตัว ซักผ้า พยายามมีความรู้สึกตัวอยู่กับสิ่งนั้น คือรู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ หากทำบ่อย ๆ ก็จะรู้ทันความฟุ้งซ่านหรือความคิดที่เผลอแวบไป ต่อไปก็จะรู้ทันอารมณ์ที่เกิดขึ้น เวลามีความกลัวขึ้นมา สติจะช่วยให้รู้ทันความกลัวได้ไวขึ้น คุณไม่ต้องทำอะไรกับมัน แค่รู้เฉย ๆ ก็พอแล้ว ไม่นานความกลัวก็จะหายไป หรือถึงแม้จะยังไม่หาย มันก็จะรบกวนรังควานคุณน้อยลง เพราะ คุณเพียงแต่ “เห็น” มัน แต่ไม่ได้ “เป็น”มัน คือ เห็นความกลัว แต่ไม่ได้เป็นผู้กลัว แต่จะทำอย่างนั้นได้ก็ต้องฝึกสติในอิริยาบถต่าง ๆ จนมีสติว่องไว หาไม่แล้วเวลามีความกลัวเกิดขึ้น แทนที่จะเห็นความกลัวเฉย ๆ จิตกลับพลัดจมอยู่ในความกลัว ทำให้เป็นทุกข์ย่ำแย่ ที่จะแนะนำเพิ่มเติมก็คือ คุณไม่ควรนั่งนิ่งเฉย ๆ ควรหาอะไรทำ โดยมีสติอยู่กับสิ่งนั้น จะทำสวน กวาดบ้าน ก็ได้ ถ้าอยู่นิ่ง ๆ ใจก็จะปรุงแต่งสารพัด หรือพลัดจมเข้าไปในอารมณ์ต่าง ๆ ได้ง่าย การหาอะไรทำ ยังช่วยให้จิตตื่นตัว ไม่เศร้าซึมง่าย ๆ
โดย: พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น