Page 1
ทวนกระแสจิตเขามาภายใน
โดยหลวงปูเหรียญวรลาโภ
แหงวัดอรัญบรรพตอ.ศรีเชียงใหมจ.หนองคาย
แสดงธรรมเทศนาที่วัด
โพสทในลานธรรมเสวนาหมวดสติปฏฐาน๔กระทู14576 โดย: รักษา03 มิ.ย. 48
ตั้งใจใหดีตั้งใจใหเปนหนึ่งมีสติกําหนดลมหายใจเขาหายใจออกหายใจเขาก็รูวา
จิตปกติอยูหายใจออกก็รูวาจิตคือความรูสึกนี่เปนปกติอยูนี่เรียกวารูตัวกายก็นั่งอยูตรง
นี้จิตก็มีความรูสึกอยูภายในมีสติประคองความรูสึกอันนั้นไวอยาใหมันคิดสงสายไป
ขางนอกนี่วิธีสํารวมจิตนะใหเขาใจ
เมื่อสํารวมจิตในเบื้องตนนี่ไมไดจิตจะเปนสมาธิตอไปไมไดเลย
ดังนั้นใหรูจักวิธีควบคุมจิตเราทุกคนไดชื่อวาเกิดมาอยูในหวงแหงกองทุกขความ
ทุกขมันครอบงําอยูอยาพากันนิ่งนอนใจอยาพากันเพลิดเพลินมัวเมาไปแตรูปเสียง
กลิ่นรสเครื่องสัมผัสภายนอกไมทวนกระแสจิตเขามาดูรางกายดูจิตใจมันก็ไมรูไมรู
วาตนนั้นเปนทุกขอยางไรไมรูจริงๆนะคนเรานะ ตนเปนทุกขเดือดรอนอยูก็ไมรูตัว
รูอยูแตไมรูหมายความวารูวาเปนทุกขแตไมมีอุบายที่จะระงับทุกขไดนั่นแหนะ
จึงเทากับวาไมรูนั้นแหละ
เมื่อผูใดมาภาวนาทวนกระแสจิตเขามาภายในมากําหนดรูกายรูจิตนี้อยูก็ยอมรูจัก
ทุกขเพราะรางกายนี้มันแปรปรวนอยูเรื่อยไปไมคงที่แลวจิตก็อาศัยอยูในรางกายอันนี้
เมื่อรางกายอันนี้มันแปรปรวนไปมันกระทบกระทั่งกับจิตจิตก็มีความรูสึกเปลี่ยนแปลง
ไมปกติวุนวาย
ถาจิตของทานผูรูทั้งหลายแลวทานไมหวั่นไหวเพราะทานรูวากายนี้ไมใชตัวตน
ของเราเมื่อมันแปรปรวนไปก็เปนเรื่องของมันเราก็บังคับมันไมไดหนาที่ของจิตก็มีแต
กําหนดรูเทาตามเปนจริงอยูเทานั้นเองเราจะไปบังคับใหมันเปนอยางโนนอยางนี้ไมได
เลยดังนั้นใหพึงพากันเขาใจ
Page 2
อันพระพุทธเจาทรงสั่งสอนสัตวโลกจุดมุงหมายที่แทจริงก็คือพระประสงคที่จะ
ใหรูจักทุกขนั่นแหละและก็ใหรูเทาทุกขตามความเปนจริงเพราะวาทุกขนี้เมื่อขันธหา
มีอยูตราบใดทุกขก็ยอมมีอยูตราบนั้นเมื่อจิตยังอาศัยขันธหานี้อยูตราบใดก็ตองรับรู
ความเปลี่ยนแปลงของขันธหาอยูอยางนั้นดังนั้นเมื่อเวลาดวงจิตยังอาศัยขันธหานี้อยูเรา
ก็ตองทําความรูเทาขันธหานี้ไปอยูเสมอๆไปรูจักเหตุใหเกิดทุกข
ก็พูดตรงๆวาเหตุที่จะใหเกิดขันธหานี้ขึ้นมานี่คือตัณหาตัณหาความอยากในใจ
ตัณหาอยากเกิดอีกอยากเปนอยางโนนอยากเปนอยางนี้ทานเรียกวาภวตัณหาเมื่อมี
ความรักใครมากตัณหาก็อยากจะไดสิ่งที่ตนรักตนใครนั่นทานเรียกวากามตัณหา
กามตัณหานี่สําหรับใหเกิดความดิ้นรนทะเยอทะยานในปจจุบันนี้แหละตาไดเห็นรูป
สวยๆก็รักใครชอบใจอยากจะไดหูไดฟงเสียงไพเราะเพราะพริ้งก็อยากจะฟงเรื่อยๆไป
จมูกไดสูดกลิ่นถากลิ่นเหม็นไมชอบถากลิ่นหอมชอบใจลิ้นไดรับรสอรอยก็ชอบใจถา
ไดรับรสที่ไมอรอยก็ไมพอใจกายไดสัมผัสถูกตองเย็นรอนออนแข็งก็ชอบใจบางไม
ชอบใจบางใจไดรับรูอารมณทั้งหานั้นก็ทําใหเกิดความชอบใจบางไมชอบใจบางนี่
เรียกวากามตัณหาความใครในรูปเสียงกลิ่นรสเครื่องสัมผัสดังนั้นผูปฏิบัติธรรมอยาให
มันเกิดความใครขึ้นมาอยางนั้นเพราะมันเปนเหตุใหเกิดทุกขมันไปรักไปใครในสิ่งที่
ไมเที่ยงไดมาแลวมันก็แปรปรวนไปแตกดับไปความอาลัยเสียดายก็เศราโศกรองไหร่ํา
ไรในสิ่งที่ไดมาแลวมันไมยั่งยืนของรักของชอบใจทั้งหลายพลัดพรากจากไปก็เปน
ทุกขเดือดรอนเนี่ยมนุษยและสัตวทั้งหลายก็มักจะติดอยูในกามคุณนี้เอง
ดังนั้นผูปฏิบัติธรรมอยาไปถือวาเปนเรื่องธรรมดามันไมใชเปนเรื่องธรรมดามัน
เปนเรื่องกอใหเกิดทุกขเปนเรื่องกอใหเกิดทุกขทั้งกายทั้งใจก็เมื่อเกิดความรักความใคร
อยากไดขึ้นมาแลวก็แสวงหาถามีไดยินไดฟงทานกลาววาเมื่อทําบุญใหทานใหของ
สวยๆงามๆดอกไมก็สวยงามผานุงผาหมก็สวยๆงามๆเมื่อใหทานอยางนี้เกิดไปชาติ
หนาก็จะมีรูปสวยรูปงามมีเสียงไพเราะเพราะพริ้งอะไรตางๆหมูนี้นะเมื่อไดยินอยางนี้
ก็อยากอยากใหมีรูปสวยรูปงามก็ขวนขวายสิ่งเหลานั้นมาทําบุญทําทานนี่ทานเรียกวา
กามุปาทานความยึดมั่นถือมั่นในกามทั้งหลายมันเปนเหตุใหเกิดทุกขเมื่อไดรูปอันนี้
มาแลวรูปอันนี้จะสวยยังไงงามยังไงหรือขี้รายอยางไรก็ตามมันก็ไมเที่ยงถึงเวลามัน
แปรปรวนมันก็แปรปรวนไปเปนยังงั้นจิตที่อาศัยอยูในรูปอันนี้นะทนทุกขทรมาน
Page 3
แตนี้ก็ยังชั่วนะการที่จิตไดอาศัยรางอันเปนมนุษยนี่ความทุกขก็ยังไมมหันตทุกข
เทาไหรถาจิตนี้ไดไปอาศัยรางของเปรตรางของสัตวนรกเปนอยูเชนนี้แลวก็ไดรับทุกข
ทนทรมานมากมายก็ใหพึงสันนิษฐานดูถาเปรตที่วานั้นเราไมเห็นตัวจริงมันแตดูที่
รูปรางของมนุษยก็แลวกันรูปรางของมนุษยที่ไมสมบูรณที่มีความวิบัติมีโรคภัยอัน
รายแรงเบียดเบียนแลวก็บกพรองเชนตาบอดขางหนึ่งเห็นแตขางเดียวอยางนี้นะหูก็
หนวกฟงเสียงอะไรก็ไมชัดรางกายก็มีโรคอันรายแรงเบียดเบียนทนทุกขทรมานอัน
นี้นะเรียกวาจิตมาอาศัยในรางอันที่บาปตกแตงใหมันก็ยอมไดรับทนทุกขทรมานอยู
อยางนั้น
ใหพากันดูเมื่อเห็นคนพิกลพิการตางๆอยาไปหัวเราะอยาไปเยาะเยยใหนอมเขา
มาพิจารณาดูตนของตนพิจารณาสอนตนนะรางอันนั้นนะบาปตกแตงมันทําบาปมัน
เบียดเบียนบุคคลอื่นสัตวอื่นมาแตชาติกอนโนนไปทุบไปตีเขาไปฟนไปแทงเขาให
เจ็บใหปวดใหถึงตายใหพิกลพิการไปไอกรรมนั้นมันก็ติดสอยหอยตามมาสนองเอา
ทําใหรางกายพิกลพิการตางๆนี่มันเห็นประจักษในปจจุบันชาตินี้เอง
ถาเราพูดถึงเรื่องที่เรามองไมเห็นดวยตามันก็ไมคอยจะเชื่อก็ดูเอาที่เรามองเห็น
ดวยตาหนังๆนี้หละมันก็มีอยูดาษดื่นนี่หละบาปกรรมตกแตง
ดังนั้นนะพระพุทธเจาจึงไดทรงสอนใหละเวนจากการเบียดเบียนซึ่งกันและกัน
ทรงสอนใหมีเมตตากรุณาตอกันและกันเชนนั้นถาสํารวมกายวาจาใจของตนใหดีไม
เบียดเบียนบุคคลอื่นและสัตวอื่นและไมเบียดเบียนตนดวยอยางนี้ละก็ถายังมีเกิดอีกอยู
เกิดไปชาติใดก็จะมีรางกายสมบูรณไมวิบัติขัดของไมมีโรคภัยอันรายแรงเบียดเบียน
แลวก็จะมีโอกาสไดบําเพ็ญกุศลคุณงามความดีไดเต็มที่
เราที่มารวมกันอยูในศาลาการเปรียญนี้แหละลองสังเกตดูซิตางคนตางก็มีรางกาย
อันดีมีกําลังเรี่ยวแรงดีสามารถประกอบกุศลจิตตางๆไดโดยเฉพาะไหวพระสวดมนต
นั่งสมาธิภาวนาเราก็นั่งไดฝกจิตดวงนี้ใหเขาถึงความสงบระงับเราทําไดเพราะจิตนี้ได
อาศัยรางกายอันไมทรุดโทรมจึงสามารถทําความเพียรไดเต็มที่ถาหากวาไปไดรางกาย
อันออนแอทรุดโทรมดั่งที่กลาวมาแลวนั้นยอมไมมีโอกาสที่จะมาบําเพ็ญทางจิตใจได
อยางนี้จิตใจก็ออนแอไปตามรางกายเพราะใจไมมีคุณธรรมมันก็ออนแอไปตามรางกาย
นั่นแหละเมื่อเปนเชนนี้มันก็มีแตทุกขเทานั้นเองหาความสบายไมได
Page 4
ดังนั้นเมื่อรูวาตนเปนผูมีบุญคนหนึ่งบุญกุศลไดนําดวงจิตนี้มาอาศัยรางอันนี้เกิด
ในรางของมนุษยนี่อยางนี้นับเปนวาสนานาบุญสําหรับผูที่ยังสรางบุญบารมียังไมเต็ม
เราก็ตองอาศัยรางอันนี้แหละไดสรางบุญบารมีไปผูมีศรัทธาออกบวชก็ไดบวชมาแลว
ก็ตั้งใจประพฤติปฏิบัติตามธรรมวินัยคําสอนพระพุทธเจาใหเต็มความสามารถ
พระพุทธเจาทรงแสดงธรรมทรงบัญญัติวินัยคือระเบียบขอบังคับกายวาจาใหอยู
ในขอบเขตอันดีงามไมใชเปนเรื่องบีบคั้นใหเปนทุกขเดือดรอนอะไร ไมใชเลย
พิจารณาดูใหดีวินัยตางๆนั้นนะลวนแตเปนขอบังคับความประพฤติทางกายวาจาให
เรียบรอยไมใหเปนคนซุกซนเกะกะระรานผูอื่นลองคิดดูซิวินัยที่บัญญัติไวนั่นนะเมื่อ
เปนผูมีวินัยอยางนั้นแลวก็เปนผูมีความประพฤติทางกายวาจาเรียบรอยดีก็นํามาซึ่ง
ความเลื่อมใสของบุคคลผูไดพบไดเห็นก็เปนประโยชนแกผูอื่นบัดนี้เปนประโยชนแก
ตนคือตนไมมีบาปครอบงําจิตใจแลวก็ทําใหผูอื่นไดทําบุญทําทานไดกราบไดไหวเขา
ก็พลอยไดบุญไดกุศลไปดวยนี่ใหมองเห็นใหพากันมองดูใหมันเห็น
การที่เราประพฤติธรรมประพฤติวินัยคําสอนพระพุทธเจานี้นะมันทําใหเปน
ประโยชนทั้งตนและทั้งผูอื่นอยางนี้นับวาชีวิตไมเปนหมันทีเดียวเกิดมาชาตินี้อันโลก
นี้นะที่มันอยูดวยกันโดยความสงบระงับไมไดก็เพราะมันไมมีระเบียบไมมีวินัยอยูกัน
ตามอํานาจของกิเลสสุดแลวแตกิเลสมันจะจูงไปใหทําอยางไรพูดอยางไรเอาเชน
ความโกรธเมื่อมันเกิดขึ้นในใจแลวระงับไมไดมันก็แสดงกิริยากายอันหยาบคายออกมา
ทุบคนอื่นตีคนอื่นทุบสัตวอื่นตีสัตวอื่นใหเจ็บใหปวดใหลมใหตายอยางนี้แหละที่
มันแสดงออกมา
เมื่อบุคคลที่ไมฝกตนนะไมฝกจิตไมหามจิตของตนไมยึดเอากุศลความดีเปนที่พึ่ง
ไปยึดเอาความโลภความโกรธความหลงเปนที่พึ่งกิเลสเหลานี้มันก็ทําพิษนะบัดนี้นะ
ดลบันดาลใหความประพฤติทางกายวาจาเหลวไหลไปแลวถึงไดเบียดเบียนกันอยู
อยางนี้มนุษยโลกนี้ก็เพราะขาดวินัยไมยินดีที่จะปฏิบัติตามระเบียบวินัยที่พระพุทธเจา
ทรงบัญญัติไวทั้งคฤหัสถทั้งนักบวชนั้นแหละคฤหัสถอยางนี้สิกขาบทหาประการนั้น
นะลวนแตหามไมใหเบียดเบียนตนเบียดเบียนผูอื่นทั้งนั้นเลยพระองคนะทรงมีพระ
มหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญไพศาลตอสัตวโลกแตสัตวโลกไมสนองตามพระประสงค
ของพระองคสวนมากนะไมยอมรับปฏิบัติตามไมยอมเวนตาม
Page 5
เชนนั้นนะมันถึงไดเบียดเบียนกันใหเปนทุกขเดือดรอนอยูอยางนั้นแมผูเขามา
ปฏิบัติอยูในวัดวาศาสนาแลวก็ตามก็ยังเบียดเบียนกันอยูเมื่อบุคคลประมาทไมฝกกาย
ไมฝกจิตใหสงบระงับใหตั้งมั่นลงไปใหเขมแข็งมันก็สูอํานาจกิเลสไมไดพอมีอะไร
กระทบกระทั่งมาก็ฉุนเฉียวขึ้นมาเลยพอมีสิ่งที่นารักนาพอใจกระทบกระทั่งมาก็เอาเกิด
ความรักความพอใจขึ้นมาอยางรุนแรงแมจะมาปฏิบัติธรรมอยูในวัดวาศาสนามันก็
เบียดเบียนกันไดถาผูใดไมยอมละกิเลสเหลานี้ไมยอมทําความเพียรไมยอมเอาทุกขเปน
ทุนกลัวแตเปนทุกขนอนนอยก็กลัวจะไมสบายตองนอนใหมากๆคืนทั้งคืน...เทปจบ
มวน
โดย: รักษา03 มิ.ย. 48 - 17:3
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น