++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันอังคารที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ไม่มีชื่อตอน

ไม่มีชื่อตอน

พี่เกื้อกูลเคยเป็นทันตแพทย์สาวแสนสวยที่มีชื่อเสียงแถวต้นๆของเมืองไทย มีพื้นเพมาจากครอบครัวที่มีฐานะเป็นปึกแผ่น และเป็นคนที่มีจิตใจโอบอ้อมอารีต่อผู้คนรวมทั้งคนไข้ทั้งหลาย
ในวัยสาวพี่เกื้อกูลเป็นคนที่สดใส มองโลกในแง่ดี ใฝ่ธรรมเพราะสนใจในการอ่านหนังสือธรรมะและชอบฟังเทศน์จากครูบาอาจารย์ ในตอนนั้นโลกทั้งใบสดชื่นกับพี่เกื้อกูลมาก
ตลอดเวลาในการทำงานพี่เกื้อกูลก็ชอบเกื้อกูลคนไข้สมชื่อ โดยคิดราคาย่อมเยาว์ แถมบางรายยังให้ผ่อนใช้ค่ารักษาฟันตามแต่กำลังของคนไข้อีกด้วย ช่างเป็นจิตใจที่งดงามยากจะหาได้เช่นกัน แม้กระทั่งบางรายก็ไม่ได้คิดเงินแม้แต่บาทเดียวก็มี
จากฝีมือในการทำงานทำให้พี่เกื้อกูลได้มีโอกาสได้ทำงานในตำแหน่งดีๆที่ยากจะหาทันตแพทย์ไหนๆเข้าไปทำหน้าที่ดังกล่าวได้ เธอง่วนอยู่กับงานอยู่หลายปี แล้วก็เดินทางไปศึกษาต่อต่างประเทศที่สหรัฐอเมริกาในด้านการจัดฟัน
ภายหลังจบการศึกษา พี่เกื้อกูลบินกลับมา แล้วชวนผู้เขียนทานข้าวด้วยกัน ด้วยบรรยากาศที่อบอุ่น เป็นกันเองพูดคุยกันอย่างสนุกสนานเหมือนเดิม แต่มีความในใจเล็กๆของพี่เกื้อกูลแฝงอยู่ เธอพูดถึงความผิดหวังและความตายอย่างไม่ตั้งใจ แล้วก็กลบเกลื่อนด้วยรอยยิ้มแสนสดใส เหมือนที่เคยเห็นมาทั้งชีวิต
ให้หลังอีกหลายปีที่ได้กลับมาเจอกันอีก พี่เกื้อกูลปล่อยตัวจนดูแก่เกินอายุ ช่างกิน ประหยัดเิกินเหตุ เป็นทุกข์กับตัวเองทั้งทางร่างกายและจิตใจ ป่วยเป็นโรคประสาทเครียดจนไม่สามารถจะเป็นหมอผู้น่ารักให้ใครๆได้
มีแต่ความเจ็บปวดทั้งทางกายและทางใจที่แสดงออกมา น่าเสียดายที่เราเสียบุคคลากรชั้นยอดในวงการทันตแพทย์ไปคนหนึ่ง แต่ถ้าหากพี่เกื้อกูลได้มีความสุขในบั้นปลายชีวิต ก็จะดี
ในตอนหลังสุดที่ได้ยินข่าวของพี่เกื้อกูล เธอต้องเข้าบำบัดทางจิตเวชในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งนานหลายเดือน ด้วยค่าใช้จ่ายสูงลิบลิ่วถึงวันละสองหมื่นบาท ผู้เขียนได้แต่หวังว่ากุศลที่พี่ได้ทำมาจะเกื้อกูลให้เธอหลุดพ้นจากปลักของความทุกข์ได้
คุณหมอสาระ อาจารย์ใหญ่ภาคอายุรกรรมศาสตร์ที่มีผลงานการวิจัยมาก มายตั้งแต่ว่านหางจระเข้ และเป็นหมอที่เชี่ยวชาญในโรคพิศดารที่ใครๆหาไม่เจอแต่ท่านหาจนเจอ
บางกรณีคุณหมอแค่จับแขนบิดเนื้อก็รู้แล้วว่าเป็นโรคเลือด แม้คนไข้พึ่งออกจากโรงพยาบาลมาก็ตาม แล้วท่านก็รีบให้คนไข้เดินทางไปรักษาตัวด่วนในโรงพยาบาลที่ท่านเห็น ว่าดี พร้อมทั้งเขียนใบแนะนำและขออำนวยความสะดวกจากแพทย์ผู้รักษาต่อเนื่องจากท่านให้คนไข้ด้วยความห่วงใย
ว่างจากงานหนักที่โรงพยาบาลท่านก็มาเปิดคลีนิกเล็กๆใกล้บ้านเป็นงานอดิ เรก เพราะท่านไม่ค่อยจะคิดเงินใครสักเท่าไร หรือจะคิดก็น้อยมาก ถูกกว่าที่อื่นเกือบครึ่งหรือเกินครึ่งด้วยซ้ำ
และบ่อยครั้งคุณหมอก็ไม่เคยคิดเงินคนไข้เลย ท่านจึงเป็นที่เคารพรักของชาวบ้านใกล้เคียง ยากที่ใครจะเสมอเหมือน ท่านเป็นหมอใจนักเลง ไม่อ้ำอึ้งในการวิเคราะห์ หากใครเจ็บหนักท่านจะกุลีกุจอติดต่อเจ้าหน้าที่ทางโรงพยาบาลที่ท่านดูแลอยู่ ให้รับตัวคนไข้ไว้รักษาโดยทันที จนชาวบ้านที่ป่วยหนักจะเข้าโรงพยาบาล ล้วนแต่ไปพึ่งท่านที่คลีนิกก่อน
ท่านมีสวนทุเรียนของตนเองที่เมืองนนท์ ส่งทุเรียนเข้าประกวดก็ชนะเกือบทุกปี แม้จะไม่ชนะเลิศก็ตาม จนท่านคุยให้ฟังว่าทุเรียนจากสวนของท่านลูกละหลายพันบาท และท่านก็เป็นคนชอบกินทุเรียนตัวยงด้วย แถมยังชอบดื่มอีกต่างหาก
ในระยะหลังๆผู้เขียนไปพึ่งคุณหมอเห็นท่านซูบลงไปมาก มาทราบที่หลังว่าท่านป่วยเป็นเบาหวานมานานแล้วจนต้องตัดขาทิ้ง แต่ไม่มีคนไข้คนไหนทราบเรื่องนี้มาก่อนเพราะความเข้มแข็งของท่าน
ท่านเปิดคลีนิกจนเดือนสุดท้ายก่อนที่ท่านจะป่วยหนัก และติดเชื้อในกระแสเลือดและตายจากไปก่อนวัยวันควร ด้วยอายุเพียงห้าสิบกว่าปีเท่านั้นเอง วงการแพทย์สมัยใหม่จึงขาดแพทย์นักวิจัยชั้นดีไปอีกคน
หมอสมิธ เป็นศัลยแพทย์ที่มีชื่อเสียงเรืื่องลือในการรักษาพยาบาล กล่าวได้ว่าตั้งแต่เริ่มต้นจากอาชีพแพทย์จวบจนกระทั่งทุกวันนี้ ไม่มีคนไข้คนไหนตายในมือท่าน ในวันที่ท่านอยู่เวรฉุกเฉินเลย
ท่านดูแลคนไข้หนักปางตาย ที่ต้องผ่าตัดเอาหัวใจออกมาจากร่างเมื่อหลายสิบปีก่ิอที่ยังไม่มีเครื่องมือที่ทันสมัยเหมือนตอนนี้และรักษาจนคนไข้จนหายป่วย
กระทั่งทุกวันนี้ คนไข้้ก็ยังมีสุขภาพที่แข็งแรงดี มาเยี่ยมหมอให้เกิดความดีใจกันทั้งสองฝ่าย
ท่านยังเป็นแพทย์ผู้ต่อสู้ให้กับความยุติธรรม สมกับหนังทีวีที่ท่านชื่นชอบคือเปาบุ้นจิ้น
ด้วยความรู้ความสามารถในอาชีพของท่าน ผลักดันให้ท่านก้าวไปสู่จุดสูงสุดในชีวิตของงานราชการ ท่านเครียดกับตำแหน่งอยู่หลายปี
พอถอดหัวโขนออกสุขภาพที่ย่ำแย่ของท่านก็ดีขึ้นโดยฉับพลัน แข็งแรงมากจนฮอร์โมนในร่างกายท่านสูบฉีดอย่างรุนแรง จนต้องมีกิ๊กมาสู่อ้อมอกท่านอยู่หลายคน ซึ่งท่านก็ดูแลเป็นอย่างดี ในฐานะบริวาร
ในวัยเกษียณที่ยังมุ่งมั่นทำงานและดูแลผู้ป่วยให้มีสุขภาพดีถ้วนหน้า อย่างตั้งใจและเรียนรู้เพิ่มพูนความสามารถตลอดเวลา ทำให้ผู้ป่วยหลายคนหายและสบายมากขึ้นจากโรคภัยไข้เจ็บที่คอยเบียดเบียน จนท่านเป็นขวัญใจของคนไข้ในทุกโรงพยาบาลที่ท่านไปดูแล ด้วยหัวใจของความเป็นแพทย์ที่อยากให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดี
ด้วยคำแนะนำที่มีค่า ที่ผ่านมาจากประสบกา์ณ์รักษาคนไข้และการดูแลตัวเองให้แข็งแรงเฉกเช่นทุกวันนี้ หวังว่าคุณหมอคงจะแข็งแรงเป็นที่พึ่งของผู้ป่วยไปนานๆนะครับ
ไอ้ปั๊มหมาวัยห้าหกปี ที่ถูกเจ้าของล่ามโซ่อยู่นานเป็นปี เจ้าของปล่อยให้มันอดอยาก แถมยังตีมันให้เจ็บ จนบางครั้งขาบวมตาปูดอยู่เป็นประจำ เวลามันหิวจัดๆมันจะร้องโหย หวนเพื่อจะขอข้าวกิน จนชาวบ้านทนไม่ได้ก็เลยแอบหาข้าวไปให้มันกิน
ไอ้ปั๊มหมาไทยยังโชคดี ที่วันหนึ่งตาแก่ผู้เป็นเจ้าของ ถอดโซ่ตรวนออกจากคอให้มัน เพื่อให้ออกมาหากินกับผู้คนนอกบ้าน
ด้วยความฉลาดของมัน ทำให้ไอ้ปั๊มเอาตัวรอดจากความหิวโหยได้ แต่หลังจากตะรอนไปตะรอนมา มันก็จะกลับไปนอนเฝ้าหน้าบ้านให้นายมันทุกค่ำคืน
หกเดือนที่มันเป็นอิสระจากโซ่ตรวน มันดูอ้วนท้วนสมบูรณ์ขึ้น และเริ่มมาอยู่เป็นนักเรียนประจำที่บ้านผู้เขียน ความหยาบคายดุร้ายหวงของกินของมันเริ่มลดลง
ไอ้ปั๊มมันเป็นหมาขี้เล่นและขี้ประจบ วิ่งวุ่นชวนเล่นกับทุกผู้คนที่ชอบให้ของ กินกับมัน นอกจากนั้นมันยังเดินตามไปไหนมาไหนกับเขาราวกับเป็นผู้คุ้มกัน หลายๆครั้งที่คนในบ้านของผู้เขียนป่วย มันก็เดินตามไปส่งถึงที่รถ แถมยังส่งเสียงร้องราวกับจะบอกว่าไปหาหมอแล้ว กลับบ้านนะครับ และทุกครั้งผู้คนที่ไอ้ปั๊มไปส่งก็งยังคงกลับมาบ้าน
มิตรภาพของคนในบ้านกับไอ้ปั๊มเติบโตอย่างรวดเร็ว เด็กที่กลัวหมาอย่างหนัก เพราะถูกหมากัดบ่อยๆ เริ่มไว้ใจมัน ให้มันเข้าใกล้ แถมยังซื้อหมูปิ้งมากำนัลให้แก่มันด้วยความรู้สึกที่ดีต่อกัน
ในหลายชีวิตที่เอ่ยถึงในแก่นธรรมตอนนี้ แสดงให้เห็นความรักแท้ที่เกิดจากความกรุณาที่มีต่อกันระหว่างคนต่อคน แม้กระทั่งคนต่อหมา หลายๆคนจากไปเพราะหมดวาระ หลายๆคนก็ยังอยู่ดำเนินชีวิตต่อไปในโลกใบทุกข์ที่หมุนเวียนไปตามโลกธรรมที่มีทั้งทุุกข์และสุข
แต่ผู้ที่เห็นทุกข์โดยชัดเเจ้งแล้ว ท่านจะไม่ปล่อยเวลาให้เสียเปล่า จนมีใครเอามีดมาจ่อคอหอยหรอกนะ ละครมีฉากเริ่มต้น และฉากจบ บางครั้งเราก็เขียนบทสุดท้ายให้ตัวเองได้นะ หากกรรมไม่บังตาซะทั้งหมด

ธรรมะสวัสดี

วิด


ตามหาแก่นธรรมตอนนี้สื่อความหมายไว้หลายนัยยะ ตามทัศนะของผู้เขียน ไม่ทราบท่านผู้อ่านเห็นต้องคล้อยตามกันบ้างหรือเปล่า แม้จะเป็นตอนที่พูดถึงโลกธรรมมากไปสักหน่อย ไม่ว่าจะมีลาภ เสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศ มีทุกข์ สุข สรร เสริญและนินทา ที่ไม่รู้จักจบสิ้น
การดำเนินชีวิตของคนปกติ ต่างเดินแสวงหาความสุข ตามความต้องการ ความอยาก ปรารถนาจะได้ในสิ่งที่หวัง ไม่อยากป่วยไม่อยากเจ็บไม่อยากตาย ซึ่งเป็นความปรารถนาที่ผิดไปจากความเป็นจริง ที่ไม่มีใครหนีพ้น
ความสุขแท้เกิดจากภายในมิได้เกิดจากวัตถุภายนอกเลย
ความสุขแท้มันไม่บีบรัด ไม่เค้นใจให้แน่น
ความสุขแท้ไม่มีขอบเขตและที่สิ้นสุด
และความสุขแท้เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ยกตัวอย่างว่าอุเบกขาธรรม หากเกิดขึ้นเนืองๆทุกข์จะน้อยหรือหายหมด เพียงแต่ว่าเรารู้จักธรรมอันนี้แน่แล้วหรือ
อย่ามัวไปถามใจคนโน้นถามใจคนนี้อยู่เลยครับ ถามใจตัวเองเถอะว่า รู้แล้วเห็นอะไร

สะมะชัยโย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น