น่าอ่าน น่าคิด เมืองไทย
เก็บมาแบ่งปัน
เมื่อวานได้มีโอกาศเสวนากับ CEO ของบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งนึงจากสิงคโปร์
มีเรื่องน่าสนใจมาเล่าแชร์ให้ฟังครับ เป็นสามชั่วโมงของการสนทนาที่ได้ความรู้มาครับ
1. เขาบอกว่าอายุขัยของ กรุงเทพนั้น จากการคำนวนของนักวิทยาศาสตร์
และธรณีวิทยา รวมถึงผู้เชี่ยวชาญหลายสาขา ของสิงคโปร์ เค้าบอกว่า
มีอายุอีกราวๆ 19 ปี (เค้าใช้คำว่า Life span of Bangkok City)
ถ้าไม่มีการแก้ไขใดๆ ทั้งสิ้น
2. หลากหลายเรื่องราวที่เราเห็นจากหน้าหนังสือพิมพ์
เกี่ยวกับการเมืองในประเทศเรานั้น จริงๆ แล้วเป็นฉากละครฉากหนึ่งที่ถูกส้รางขึ้นมา
เพื่อให้ผู้ชม (คนไทย)นั้นเชื่อไปอย่างนั้นเอง
เช่น การทำเหมือนเป็นศัตรูกันของ นักการเมือง
แต่แท้จริงแล้วทะเลาะกันบังหน้า เพื่อผลประโยชน์ ฮั้วกันลับหลัง
หลายๆอย่างที่เราเห็นนั้น รัฐบาลของเค้ามีส่วนอยู่ด้วย เชื่อไหมครับว่า
เงินของทักษิณที่โอนไปเกาะเคย์แมนนั้น รัฐบาลสิงคโปร์
เป็นคนฟอกเงินให้และจัดการส่งไปให้
3. เค้าบอกว่า ไม่ว่าใครจะขึ้นมาเป็นรัฐบาล สุดท้ายเข้าสู่วงจรโกงกินอยู่ดี
แน่นอนเพราะผลประโยชน์และเงินสกปรกจะถูก Offer
มาโดยรํฐบาลของเค้าเอง รวมถึงนักธุรกิจใหญ่ๆจากหลายชาติ
โดยเฉพาะสิงคโปร์ ฉะนั้นอย่าไปหวังเลยว่า สีเหลืองแดง อะไรทั้งหลาย
เขาบอกว่าหนีไม่พ้นหรอก ต่อให้ใครขาวสะอาดมาแค่ไหน
สุดท้ายก็ทนเงินก้อนโตที่ถูกยัดให้ปิดปากไม่ไหว
4. 20 ปีก่อน รัฐบาลไทยเคยเชิญรัฐบาลสิงคโปร์นำผู้เชี่ยวชาญ
มาเพือ่ทำการวิเคราะห์ว่าทำ ยังไงถึงจะแก้ปัญหาผังเมือง
และการขนส่งคมนาคม ผลสรุปคือ แก้ไมได้ เพราะผังเมืองผิดแต่แรกแล้ว
เค้าแนะนำให้ย้ายเมืองหลวงหรือไม่ก็ขยาย ออกรอบนอกไปไกลๆ
แล้วตั้งผังเมืองใหม่ จากวันนั้นจนวันนี้ก็ไม่มีการดำเนินการแต่อย่างใด
ผิดกับรัฐบาลของสิงคโปร์ที่ จัดทำการวางผังและปรับปรุงตลอดเวลาใหม่
ควบคุมแม้กระทั่งการกระจายต ัวของชนชาติต่าง
ไม่ให้กระจุกตัวเพื่อส้รางสังคมเฉพาะใหม่ๆขึ้นมา
รวมไปถึงมีการสร้างเขื่อนกำแพงรอบและประตูกั้นน้ำ
เพื่อป้องกันปัญหา Global warming และน้ำทะเลสูงขึ้นจนท่วมเมืองสิงคโปร์
5. คนไทยนั้น เป็นสังคม idol กล่าวคือ เชิดชู บูชา คนที่เด่นดัง
โดยไม่คิดหน้าคิดหลังให้ดี (ไม่ว่าอยู่ข้างไหนก็ตาม) ฉะนั้นการชนะใจคนไทยนั้นง่ายมาก
จากเหตุนี้ การเข้ายึดประเทศไทยไม่ใช่เรื่องยากเลยสำหรับคนที่มุ่งมั่นตั้งใจ
พ้น 19 ปี น้ำทะเลจะหนุน จนทำให้เกิดการท่วมถาวรในบางพื้นที่ จนสุดท้าย
อสังหาริมทรัพย์และโครงส้รางพื้นฐานใหญ่ๆทั้งหลายที่เคยลงทุนไปโดยรัฐบาล
จะใช้ไม่ไ ด้ เสียเงินลงทุนไปเปล่าๆ เค้าบอกว่า
ถ้ายังทะเลาะกันไม่เลิกแบบน ี้ ก็เตรียมขายที่ดินใน กทม ทั้งหมดได้เลย
6. พอเริ่ม AEC เมื่อไหร่ คนไทยรากหญ้าจะเป็นกลุ่มแรก ที่ซวยที่สุด
ตามมาด้วยตระกูล Smes ทั้งหลาย
7. เค้าบอกว่า อย่าได้คิดว่า คนที่ดูดีภายนอก (พวกนายก)
จะไม่ทำเรื่องสกปรก คนส่วนมากไม่รู้ แค่นั้นเอง ยกตัวอย่างเช่น
นายกของสิงคโปร์เอง ลีกวนยู ที่ส้รางคุณูปการยิ่งใหญ่ทั งหลายแก่สิงคโปร
ทำให้สิงคโปร์พัฒนามาจนมีวันนี้ เบื้องหลังแล้วนั้น
เค้าจับคนยัดข้อหาเข้าคุกมากมายโดยที่ไม่มีความผิดอันใด
แม้แต่เพื่อเขาเองเขาก็ทำมาแล้ว จุดประสงค์เพียงเพื่อต้องการเสถียรภาพของการปกครอง
บางครั้ง คนที่ยิ่งใหญ่มันก็จำเป็นต้องทำเรื่องเลวๆบ้าง นายกของไทยกี่คนต่อกี่คน
ก็เช่นกัน ไม่มีข้อยกเว้น
8. จุดยุทธศาสตร์ของประเทศไทยน ั้น จริงๆแล้วดีมากๆในแง่ของที่ตั้งและการเชื่อมต่อ
แต่เขาสงสัยว่าทำไมรัฐบาลไทยมัวแต่ทำอะไรอยู่
ถ้าวางโครงส้รางพื้นฐาน และ วางกำหนดทิศทางประเทศให้เป็น Center of AseanDistribution ให้ดี
ประเทศไทยเราป่านนี้ คงจะเจริญไปไกลแล้ว
9. ทั้งไทย และมาเลเซีย รวมถึงเวียดนาม มีปัญหาเดียวกันคือ
การรับเงินสกปรกใต้โต๊ะ การจะเป็นเจ้าของสัมปทานอะไรบางอย่าง
หรือธุรกิจอะไรที่จะผูกขาดบางอย่าง เช่น กลุ่มพลังงานหรือเหมืองแร่ธาตุสำคัญอะไรทั้งหลาย
ทำได้ง่ายกว่าประเทศอื่นๆ เพราะคน "ซื้อ" กันได้
10. เค้าแนะนำให้รัฐบาลหาทางเปล ี่ยนโครงส้รางของค่านิยมและความคิด
ของประชากรไทย ที่ไม่เอื้อต่อการพัฒนาประเ ทศ ไม่อย่างนั้น
เราก็จะอยู่แค่นี้ คนที่รวยจะรวย คนที่จนจะยิ่งจน และสุดท้าย
โครงสร้างของชนชั้นทางสังคม จะกลายเป็น M society กล่าวคือ
M ไหล่ซ้ายแทนคนรวย M ไหล่ขวาแทนคนจน แปลว่าคนชนขั้นกลางจะหายไป
หรือ เหลือน้อยลงไปมาก อนาคต จะกลายเป็นเหลือแค่คนจน และข้ามไปคนรวยเลย
11. เค้าบอกว่า คนไทยเป็นสังคมที่แปลกคือ เป็นสังคม "รู้ทั้งรู้"
คือทุกคนรู้ดีว่าอะไรคือปัญหา และทุกคนรู้ดีว่าจะแก้ยังไง และ
ทุกคนก็รู้ดีว่าจะไปทางไหน แต่ทั้งๆที่รู้ทั้งรู้ แต่ก็เหมือนไม่ทำอะไร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น