กรรมที่เกิดจากการทำแท้งบุตรนั้น ถือได้ว่าเป็นบาปกรรมอย่างมหันต์จะทำให้ผู้ที่ทำแท้งต้องดวงตกอย่างหนัก นานอย่างน้อยถึง ๗ ปี ยังรวมไปถึงฝ่ายผู้ชาย ( ผู้เป็นพ่อ ) และผู้อื่นที่ร่วมกันคบคิดวาง แผนทำแท้งบุตร ผู้ที่ให้คำปรึกษาแนะนำ ชี้ช่องทางการทำแท้ง ผู้ที่ให้เงินสนับสนุนไปทำแท้ง ผู้ที่ลงมือทำแท้งให้ บุคคลที่กล่าวมาข้างต้นนั้น ล้วนแล้วแต่จะมีส่วนร่วมในผลกรรมนี้ด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
กรรมนี้หนักมาก ด้วยเพราะดวงวิญญาณที่จุติลงมาถือกำเนิดเป็นมนุษย์ได้นั้น คือ ผู้ที่มีบุญเก่าสะสมไว้ การได้มีโอกาสกลับมาเกิดอีกครั้งก็เพื่อมาสร้างบุญ ดังคำที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ว่า “ การได้เกิดนั้นเป็นของยาก “ ซึ่งผู้ที่ทำแท้งนั้นก็เหมือนกับการฆ่าชีวิต ของผู้ที่มีบุญนั้นให้ต้องดับสูญสิ้นไป ซึ่งถ้าหากเขาได้เกิดมาเป็นตัวเป็นตนแล้ว เขาจะมีโอกาสได้สร้างบุญกุศลอีกมากมายอย่างเช่น หากได้เกิดเป็นเด็กผู้ชายเมื่อเติบใหญ่ จะได้บวชเรียนอยู่ในร่มกาสาวพัสตร์ บวรพระศาสนา ได้ถือศีลปฏิบัติธรรม เป็นต้น
แต่หากว่าดวงจิตวิญญาณนั้นเกิดได้หลุดออกไปเอง ( ตกเลือดโดยไม่เจตนา ) ก็ถือว่าบุญเก่าของผู้นั้นได้สะสมมาน้อยเกินไป จึงมีอันต้องดับสูญสิ้นไปก่อน ในส่วนนี้กรรมที่เกิดขึ้นจะไม่แรงเท่ากับเจตนาทำแท้ง แต่ถึงอย่างไรก็หลีกเลี่ยงกรรมนั้นไม่ได้ ดวงวิญญาณนั้นยังคงติดอยู่กับผู้ที่เป็นมารดา หรือบิดา จนกว่าจะได้ทำการอุทิศกุศลผลบุญให้แก่ดวงวิญญาณนั้น และทำอย่างสม่ำเสมอ ไม่นานความทุกข์และกรรมทั้งหลายก็จะคลายลงไปเอง
ผลกรรม ที่ทำแท้งบุตร
ประการที่ ๑ ครอบครัวแตกแยก อยู่ร่วมกันไม่มีความสุข
ประการที่ ๒ ชีวิตจะตกต่ำ ( ดวงตก ) ทำมาหากินไม่ขึ้น ลงทุนทำอะไรก็ขาดทุน เสียหาย ถูกบดบังด้วยเงาดำแห่งความอาฆาต
ประการที่ ๓ ลูกหลาน บริวาร สร้างแต่ปัญหา จะมีเรื่องเดือดร้อนให้แก้ไขตลอด
ประการที่ ๔ เงินทองหามาได้มากแค่ไหน ก็เก็บไว้ไม่อยู่ มีเหตุให้ต้องเสียเงิน เสียทองอยู่เรื่อยไปหรืออาจเสียแบบไม่มีสาเหตุ
วิธีแก้กรรม
ประการที่ ๑ ให้ถวายผ้าไตรจีวรครบชุด ( เหมือนกับการบวชพระ )
ประการที่ ๒ ให้ถวายสังฆทานเป็นอาหารสด จัดใส่ปิ่นโต ๑ เถา น้ำดื่ม ๑ ขวด ดอกไม้ ธูป เทียน
ประการที่ ๓ พระประจำวันเกิดของเด็ก ๕ นิ้ว ๑ องค์ แต่ถ้าหากไม่รู้วันเกิดควรถวายพระทั้ง ๗ วัน
ประการที่ ๔ ปัจจัย ( เงินทำบุญ ) ตามแต่กำลัง
ประการที่ ๕ ตั้งชื่อให้กับดวงวิญญาณแก่เด็กนั้น
ประการที่ ๖ ให้จัดเสื้อผ้าครบชุดเท่ากับอายุ ของเด็ก คือ เสื้อ กางเกง รองเท้า ถุงเท้า เป็นต้น ( ให้นับตั้งแต่ปีที่เสีย เช่น ทำแท้งเมื่อ ๕ ปีก่อน ปัจจุบันเด็กก็อายุได้ ๕ ขวบ )
ประการที่ ๗ ให้ร่วมบวชพระหรือบวชเณรให้ได้ครบทั้ง ๗ รูป (แทนวัน๗ วัน)
จาก ประการที่ ๑ – ๖ ให้นำของทั้งหมดถวายพระสงฆ์เหมือนสังฆทาน ให้ทำอย่างนี้ทุก ๆ ปี อย่างน้อยปีละ ๑ ครั้ง กรรมและแรงอาฆาตจึงจะทุเลาเบาบางลงไปเรื่อย ๆ ควรงดเว้นการบริโภคเนื้อสัตว์ใหญ่ ทานอาหารมังสวิรัติและงดการมีเพศสัมพันธ์ในวันพระด้วยจะยิ่งดีเมื่อถวายสิ่ง ของแล้ว เวลากรวดน้ำให้ระลึกนึกถึงดวงวิญญาณ ของเด็ก ขอให้อโหสิกรรม และอธิฐานว่าบุญกุศลต่าง ๆ ที่ได้กระทำให้ในครั้งนี้ขอให้ ………. ( ชื่อที่ตั้งขึ้นให้ ) ………. จงได้รับทั้งหมดทั้งมวล และขอให้ช่วยเปิดทางทำมาหากิน เปิดแสงสว่างให้แก่ ………. ( แม่ )… ( พ่อ ) ………. ให้พบกับความเจริญรุ่งเรืองด้วยเทอญ
อีกวิธีหนึ่ง
ต้อง ขอขมากรรม ให้จุดธูป ๓ ดอกกลางแจ้ง ตั้งนะโม ๓ จบ ว่า “ ข้าพเจ้าชื่อ ………. ขอขมากรรมวิญญาณลูก พ่อและแม่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ขออโหสิกรรมให้ขาดจากกัน “ จะทำบุญใส่บาตรด้วยพระสะดุ้งมาร ๓ นิ้ว พร้อมอาหาร ทำใส่บาตรตอนเช้า แล้วกรวดน้ำขณะที่พระให้พร ตั้งนะโม ๓ จบ กุศลผลบุญที่ทำบุญใส่บาตรพร้อมกับพระสะดุ้งมาร ขอให้เจ้ากรรมนายเวร คือวิญญาณลูกรับแล้ว ขอให้ไปเกิดบนศาลา ขอให้อโหสิกรรมให้ขาดจากกันเดี๋ยวนี้ ขอให้ข้าพเจ้ามีความสำเร็จ โชคลาภ ทำสิ่งใดก็ขอให้สำเร็จ
ผู้ ที่ทำแท้งลูกจะโดยธรรมชาติหรือไม่ แม้กระทั่งหมอพยาบาล ผู้ร่วมมือ ให้เงิน พาไป เป็นธุระเห็นดีด้วย จะเป็นตราบาปมาก วิญญาณเด็กจะอาฆาต เพราะดวงวิญญาณไม่สามารถกลับโลกเกิดได้ ต้องเวียนว่ายอยู่ในสภาพมีแต่นาม ( วิญญาณ ) ไม่มีรูป ธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ จนกว่าจะสิ้นอายุขัย จึงกลับศูนย์ดุลยกรรม เพราะการเกิดเป็นมนุษย์แสนยาก ต้องการมาสร้างบารมีใช้กรรม ผู้กระทำจะทำมาหากินไม่ขึ้น เจ็บป่วย แตกร้าว ทุกข์ ผิดหวัง ลาภก็ถูกปิดกั้น
แก้กรรมเสร็จแล้วต้องหมั่นทำความดี กตัญญูต่อบิดามารดา และผู้มีพระคุณ จากกรรมหนักจะกลายเป็นเบา ถ้ากรรมเบาก็จะหายไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น