++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันเสาร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2554

รักแท้หรือจะแพ้ทางกิ๊ก

รักแท้หรือจะแพ้ทางกิ๊ก


เรียนคุณสะมะชัยโย ที่นับถือ

ได้อ่านตามหาแก่นธรรมของคุณมาทุกตอนด้วยความจดจ่อและชื่นชม มันให้ความรู้ สติ และสอนใจได้มาก แม้กระทั่งทุกวันนี้ยังตามอ่านอยู่เหมือนเป็นแฟนประจำ เพราะในบทความใช้คำพูดง่ายๆ กินใจ แถมยังลึกซึ้งอีกต่างหาก น่าอ่านและเชื่อว่ายังมีหลายๆท่านที่คิดเช่นนี้
ผมเองก็ผ่านโลกมานานกว่าห้าสิบปีแล้ว ได้รู้ได้เห็นอะไรมาเยอะ เคยเป็นผู้บริหารสถาบันการเงินแห่งหนึ่งมาเหมือนกัน ทุกวันนี้มีอาชีพอิสระในงานที่ถนัด อาจจะเป็นเพราะความที่เป็นคนตรงไปตรงมา จึงมีงานเข้ามาตลอดเวลา เพราะผมซื่อสัตย์ในวิชาชีพไม่ได้เห็นแก่เงินเป็นหลัก
ในวัยเด็กผมเองก็ต่อสู้มากับความยากจนคับแค้นมาก่อน จนได้มาแต่งงานกับภรรยาในวัยที่น้อยมากสำหรับตอนนนั้น คือกว่ายี่สิบปี แม้จะถูกต่อต้านจากครอบครัวของเธอ ด้วยความรักและความเข้าใจ
ภรรยาของผมเธอเป็นคนใจดี รักจริง และมีน้ำอดน้ำทนสูง งานนอกบ้านก็ดีและงานภายในบ้านก็หาที่ตำหนิไม่ได้ เรามีลูกสาวน่ารักด้วยกันสองคน โดยคนแรกเรียนจนจบแพทย์แล้ว และอีกคนกำลังดำเนินรอยตามพี่สาวของเธอ ขยันหมั่นเพียร ถือว่าเป็นความโชคดีของผมและภรรยา
ผมมีความไม่ซื่อสัตย์ต่อภรรยาอยู่อย่างหนึ่ง แม้เหล้าไม่กิน บุหรี่ไม่สูบ แต่ผมเป็นนักเลงผู้หญิง ( คนสมัยก่อนเรียกว่าอย่างนั้น ) คือมีผู้หญิงมาติดสอยห้อยตามตั้งแต่ยังหนุ่ม อาจจะเป็นเพราะผมเป็นผู้ชายที่ดูอบอุ่นพึ่งได้ แต่ใจร้อนและชอบตัดสินใจด้วยกำลัง ในบางครั้ง เช่นมีอยู่ครั้งหนึ่งมีรถยนต์คันหนึ่งมีผู้โดยสารสี่คน ขับปาดหน้ารถยนต์ของผม ผมก็ขับตามไปปาดหน้าบ้าง แล้วก็ลงไปตบหน้าคนขับรถคันนั้นเป็นการสั่งสอน โดยไม่กลัวพวกมากจะรุมเอา เพราะผมไปคนเดียว
กับเรื่องผู้หญิงที่ผ่านมามาก แต่ภรรยาไม่ทราบระแคะระคายอะไรเลย เพราะหน้าที่การงานมันเอื้ออำนวย
จนเมื่อห้าปีก่อนตอนผมไปตีกอล์ฟที่สนาม และผมไปเจอแค๊ดดีสาวสวยอายุยี่สิบเจ็ดปีคนหนึ่ง เธอชื่อมณี สวยถูกใจผมมาก แล้วเราก็มีสัมพันธ์กันมาตั้งแต่นั้น ผมยอมรับว่าผมติดใจเธอมากกว่าใครๆที่ผมเคยเจอมา ทั้งสาวและสวย แถมมีเสน่ห์ อีกทั้งเธอไม่เคยเรียกร้องอะไรจากผมเลย นอกจากว่าเธออยากจะอยู่ด้วยเท่านั้น ผมเพลินกับชีวิตรักกับเธอมานาน
จนวันหนึ่งเมื่อลูกสาวคนโตของผมเรียนใกล้จบแพทย์แล้ว และผมมาเห็นภรรยาของผมที่มีตำแหน่งเป็นผู้บริหารสถาบันการเงินแห่งหนึ่ง นั่งซักเสื้อผ้าให้ผมและลูกสาวสองคน จึงเกิดอารมณ์คับอกคับใจขึ้นมาว่าทำไมเราถึงได้ทรยศกับคนที่รักเราจนมีกิ๊กไปทั่วเช่นนี้มานานหลายสิบปี ทั้งที่เธอดีกว่าใครๆ
แม้ตลอดเวลาที่แต่งงานกันเราไม่เคยไปเที่ยวไหนกันเลย จนลูกคนโตเรียนจบ เพราะเธออ้างว่าอยากดูแลลูกๆ ผมจึงพาเธอไปเที่ยวเชียงใหม่ด้วยกันเป็นครั้งแรกตามลำพัง และมันทำให้ผมยิ่งรู้ว่าเธอรักผมแค่ไหน
จากรูปถ่ายที่ถ่ายเอาไว้ที่เชียงใหม่ เธอยังสวยงามแม้เวลาจะล่วงเลยมานานแล้ว ส่วนผมใบหน้าเหี่ยวย่น ริ้วรอยเต็มไปหมด จนผมต้องเอารูปไปแต่งใบหน้าในคอมพิวเตอร์เพื่อลดริ้วรอยของความเหี่ยวย่นในรูปที่ถ่ายคู่กับภรรยา เพราะรู้สึกว่าตัวเองแก่ไปมาก แต่ภรรยายังไม่แก่เลย เธอนอกจากจะรูปสวยแล้ว ใจเธอยังสวยอีกด้วย
ความคับอกคับใจที่กล่าวข้างต้นอันเนื่องมาจากความรักของครอบครัวที่เราเป็นผู้ทรยศ ผมจึงตัดสินใจบอกเลิกกับมณี หญิงคนรักอย่างกล้ำกลืน เพราะผมยังรัก หวงและคิด ถึงเธอเสมอ เพราะผมคิดว่าเธอรักผมจริง ดังที่กล่าวว่าเธอไม่เคยเรียกร้องอะไรจากผมเลย อา รมณ์ดีเสมอเมื่อผมอยู่ใกล้ พลอยให้ใจเป็นสุข เหมือนเธอเป็นส่วนเติมเต็มชีวิตของผม
การบอกตัดขาดกับหญิงอันเป็นที่รักทำให้ผมปวดร้าวรันทดใจเป็นอย่างมาก ฟุ้งซ่าน เพ้อคิดถึงแต่เธอ แม้เวลาจะผ่านมาหลายเดือนก็แล้ว ใจผมก็อดจะพร่ำคิดถึงเธอไม่ได้ ยิ่งเห็นหน้าสวยของเธอแล้ว ใจมันอดหวั่นไหวไม่ได้เสียที ผมนั่งสมาธิ สวดมนต์จิตยังตกมาก
ทั้งๆที่เคยบวชเรียนมาแล้วที่วัดปากน้ำภาษีเจริญ จนกระทั่งผมได้มาอ่านบทความตามหาแก่นธรรมของคุณสะมะชัยโย แล้วรู้สึกตัวขึ้นมา ความฟุ้งซ่านมันเริ่มลดลง จิตเริ่มตั้งตัวได้ แต่ก็ยังไม่วาย...
คุณสะมะชัยโยคงจำผมได้นะครับ ที่ผมกับเพื่อนไปพบคุณที่บ้านและขอหนัง สือธรรมะมาอ่าน พร้อมทั้งยังร่วมทำบุญผ้าป่าสามัคคีแก่นธรรมด้วย รู้สึกขอบคุณและดีใจที่ได้อ่าน บทความนี้ ทำให้รู้และเข้าใจจิตตัวเองมากขึ้น ทุกวันนี้ผมอ่านหนัง สือธรรมะมากขึ้น แต่ก็ยอมรับนะครับว่า ยังอดคิดถึงมณีไม่ได้ แม้เธอจะมีผู้ชายมาแสดงตัวว่าจะแต่งงานกับเธอที่บ้านของผมใ้ห้ภรรยาผมทราบแล้วก็ตาม
ผมเองทั้งงงและตกใจว่าบ้านจะแตกในคราวแรก แต่เรื่องที่ผมเจอกลับเป็น การให้อภัยจากภรรยาของผม เหมือนข้อความในแก่นธรรมที่เขียนเลยว่าที่สุดของสามีและภรรยาคือการให้อภัย
ผมยอมรับเลยว่าความรักที่ผมเคยมีกับภรรยาที่ว่ามากแล้ว กลับเพิ่มมากขึ้นอีกจนทำให้ผมทำใจกับมณีได้ดีขึ้น และเธอก็แต่งงานไปแล้วด้วย แต่ก็ยังไม่วายติดต่อมายังผมอีก
ผมเองก็ยังวุ่นวายใจอ ยู่แต่น้อยลงยามคิดถึงมณี มีกระสับกระส่ายบ้างในบางครั้ง ใจเริ่มสงบลง แต่ก็ไม่วายคิดถึงมณี คงเป็นเจ้ากรรมนายเวรกันมาก่อน
ขอบคุณนะครับที่ส่งตามหาแก่นธรรมมาให้อ่านเสมอๆ จนผมติดและอ่านทุกครั้งที่ส่งมา ทำให้หูตาสว่างขึ้นบ้าง และจะไม่ยอมเสียครอบครัวที่มีลูกสาวน่ารักทั้งสองคนและภรรยาอันเป็นที่รักไป แต่ผมก็ยังยอมรับนะครับว่ายังอดไม่ได้ที่จะคิดถึง....มณี

ขอแสดงความนับถือ

สุรเดช


ขอบคุณนะครับคุณสุรเดชที่ส่งเรื่องราวส่วนตัวมาให้เผยแพร่ในแก่นธรรม เพื่อสาระประโยชน์ของคนหมู่มาก
รัก โลภ โกรธ หลงเป็นเรื่องธรรมดาของสภาวะธรรม ขึ้นอยู่กับว่าเราจะจัดการกับมันได้แค่ไหนอย่างไร ให้สุขสงบ ขอย้ำว่าที่สุดของสามีภรรยา ก็คือการให้อภัย และ อภัย ทานเป็นยอดแห่งทาน
ความเพลินหรือนันทิเป็นตัวล่อให้เราหลงจมลงในอบาย นักฝึกจิตท่านจึงใคร่ครวณธรรมกันโดยไหว้พระ สวดมนต์ ปฎิบัติกรรมฐานแล้วแต่ความถนัดที่จิตชอบ เพื่อละนันทิหรือตัวชักจูงที่ร้ายเหลือ คำว่าทำใจกับตัดใจ อย่างไรทุกคนก็ต้องเจอ แม้มันจะยากแสนยาก เพียงแต่ว่าเราทำได้แค่ไหน
ถ้าถึงขั้นตัดใจที่เป็นนายใหญ่ได้ ไหนเลยกายจะเล่นงานได้ ขอให้คุณสุรเดชและครอบครัวผ่านมรสุมไปได้ด้วยดี
ขอบคุณที่ร่วมกันทำบุญในผ้าป่าสามัคคีแก่นธรรคุณหมอจักรพันธ์ เอื้อนรเศรษฐ์ ที่เราจะส่งมอบเงินให้ท่านในวันที่29/10/54 เวลาประมาณ 10.00น. ใครที่มีจิตเป็นกุศลในผ้าป่ากองนี้ โปรดอย่าลืมนะครับ ใกล้เข้ามาแล้วครับ และขอให้ท่านทั้งหลายเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปครับ
แล้วโปรดอย่าลืมนะครับว่าทุกข์อยู่ที่ใจแก้ที่ใจนี้แหละครับ ไม่ต้องไปแก้ที่ ไหนหรอกครับ

สะมะชัยโย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น