"น้ำอบ" กลายเป็นสัญลักษณ์ของวันสงกรานต์ไปโดยปริยาย เพราะตั้งแต่เด็กจนโตคนไทยก็คุ้ยเคยกับการนำน้ำอบมาสรงน้ำพระ รดน้ำขอพรผู้ใหญ่ หรือแม้แต่สาดน้ำสงกรานต์อวยพรปีใหม่ไทยให้แก่กันและกัน แต่วันนี้น้ำอบไทยที่เราๆใช้กันทุกปีกำลังจะเปลี่ยนโฉมไป เหมือนเอาของเก่ามาเล่าใหม่ และไลฟ์ ออน แคมปัส ขอยืนยันว่าไฉไลกว่าเดิม
แต่เดิมน้ำอบที่เราใช้กันในวัน สงกรานต์จะมีกลิ่นเดียวโดดๆ ไม่ค่อยมีให้เลือกมากนัก แต่ที่สถาบันภาษา ศิลปะ และวัฒนธรรม มสด. มีไอเดียใหม่เปลี่ยนน้ำอบดั้งเดิมเพิ่มกลิ่นดอกไม้ไทยเข้าไป อาทิ การเวก ชมนาถ พุด มะลิ โมก กระดังงา กุหลาบ จำปี บัว ฯลฯ แถมปีนี้ยังเพิ่มกลิ่นกล้วยและแอ๊ปเปิ้ลขึ้นมา เป็นอีกสองกลิ่นที่ชาวมสด.เชื่อว่าถูกใจเด็กๆและวัยรุ่นแน่นอน
รองศาสตราจารย์ชวนี ทองโรจน์ รอง อธิการบดีฝ่ายวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต (มสด.) กล่าวว่า ได้จัดทำน้ำอบไทยถวายสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถเนื่องในวันสงกรานต์มา หลายปีแล้ว เพียงแต่ปีที่ผ่านๆมานำทูลเกล้าฯถวายผ่านสำนักราชเลขาธิการ ส่วนปีนี้เป็นปีพิเศษที่อยากร่วมเฉลิมฉลองในวาระที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ หัวทรงมีพระชนมพรรษาครบ 84 พรรษา และเป็นการถวายพระพรให้พระองค์ทรงมีพระพลานามัยที่แข็งแรงสมบูรณ์
"เรา คิดเรื่องกลิ่นน้ำอบกลิ่นใหม่ๆขึ้นมา เดิมจะเป็นกลิ่นดอกไม้ไทยต่างๆแต่ปีนี้เพิ่มกลิ่นผลไม้ ซึ่งเป็นกลิ่นที่แปลกออกไปจากน้ำอบไทยแบบดั้งเดิม ก็ไปกันได้ดี เหมือนเป็นฟิวชั่นน้ำอบที่ประยุกต์ขึ้นมาใหม่ ก็ทดลองดูแล้วผู้คนก็ชอบกัน ที่ผ่านมาน้ำอบของ มสด.เราก็ได้รับการตอบรับที่ดีมาโดยตลอดทุกๆปี ทำมาตั้งแต่สมัยที่เป็นโรงเรียนการเรือนที่ถูกถ่ายทอดสูตรจากรุ่นสู่รุ่น" รองอธิการฯ กล่าว
รองอธิการฯ ยังเล่าอีกว่า การมอบน้ำอบไทยให้แก่กันในวันสงกรานต์ เป็นวิธีหนึ่งในการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทย บางคนอาจมองว่าเป็นแค่ของชิ้นหนึ่ง แต่ในความหมายของมันแล้วสามารถสื่อได้มากกว่าการเป็นแค่ขวดน้ำอบ เพราะเราใช้เพื่อแสดงความเคารพผู้หลักผู้ใหญ่ แสดงความระลึกถึง และความอ่อนน้อมถ่อมตนของผู้ให้ ซึ่งเป็นประเพณีที่ดีงามของไทย ส่วนตัวน้ำอบเองก็เป็นศาสตร์อย่างหนึ่งที่ต้องทำอย่างประณีตพิถีพิถัน
"สิ่ง เหล่านี้ควรถ่ายทอดให้นักศึกษารุ่นใหม่ได้รู้สึกซาบซึ้งถึงความเป็นไทย และเขาจะได้นำไปประยุกต์ใช้ประโยชน์ต่อไปได้ในวันข้างหน้า การสอดแทรกเข้าไปอย่างนี้เรื่อยๆ ก็เป็นหนึ่งในกรอบมาตรฐานของคุณวุฒิของคนที่จะจบปริญญาตรีด้วย ว่าจะต้องมีเรื่องของคุณธรรมจริยธรรมบวกกับทักษะในการคิดวิเคราะห์ บางทีเราหลงลืมตรงไปหรือคิดว่าเป็นเรื่องเชยๆ พอเราดูถูกว่าของดั้งเดิมของเราเป็นเรื่องเชยแล้ว มันก็จะเอามาสืบสานต่อได้ลำบาก ในอนาคตเราก็พยายามผลักดันให้เห็นรูปแบบใหม่ๆมากขึ้น อยากให้เด็กรุ่นใหม่ได้ทดลองหันมาเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ ไม่ให้หลงลืมภูมิปัญญาไทย และเป็นการช่วยประเทศชาติให้อยู่รอดได้อีกทางด้วย" รองอธิการฯ เพิ่มเติม
เนื่องในวันสงกรานต์และวันปี ใหม่ไทยนี้ รองอธิการฯก็ได้ร่วมอวยพรด้วยว่า ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองให้คณาจารย์ - นักศึกษา และคนไทยทุกคนได้รับความสุขความเจริญและประสบความสำเร็จในชีวิต ขอให้ปีนี้เป็นปีที่ประเทศไทยมีความราบรื่น ให้ทุกสิ่งทุกอย่างดำเนินไปตามครรลองที่ควรจะเป็น ขอให้ประเทศพัฒนาต่อไปได้ เป็นประชาธิปไตยที่อยู่ภายใต้พระประมุขของเราคือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เราจะได้อยู่อย่างมีความสุขเหมือนเช่นเดิม
มาถึงคนสำคัญที่เนรมิตน้ำอบฟิวชั่นใหม่ในวงการน้ำอบขึ้นมาอย่าง "แจ๊ค" บุษกร เข่งเจริญ วิทยากรฝ่ายส่งเสริมและพัฒนาศิลปวัฒนธรรม สถาบันภาษา ศิลปะและวัฒนธรรม มสด. กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของน้ำอบกลิ่นใหม่ว่า ปีนี้เป็นปีแรกที่น้ำอบกลิ่นผลไม้ เนื่องจากสถาบันภาษาฯตั้งอยู่ใกล้กับโรงเรียนอนุบาลละอออุทิศ เมื่อผู้ปกครองมาซื้อน้ำอบจะพาเด็กๆมาด้วย ก็อยาก จะดึงดูดให้เด็กๆได้เข้ามามีส่วนร่วมกับประเพณีของไทยในวันสงกรานต์ และโดยธรรมชาติของเด็กยังไม่ค่อยรู้จักดอกไม้ไทยมากนัก จึงคิดประยุกต์เอากลิ่นผลไม้ที่เด็กๆคุ้นเคยอยู่แล้วอย่างกล้วยและแอ๊ปเปิ้ล เสริมเข้ามา เป็นการทำให้เขาได้รู้จักของไทยๆได้ง่ายขึ้น
"ตอน นี้บุคคลภายนอกให้การตอบรับดีค่ะ ส่วนใหญ่จะเดินทางมาซื้อเอง น้ำอบของเราจะขายที่นี่ที่เดียว ไม่มีสาขาหรือวางขายที่อื่น ถ้าอยู่ต่างจังหวัดก็ส่งให้ได้ พอลูกค้าได้ลองกลิ่นผลไม้หลายคนก็ชอบและแนะนำเข้ามาด้วยว่าให้เพิ่มกลิ่นส้ม และสตรอเบอร์รี่ ซึ่งกลิ่นสตรอเบอร์รี่เป็นกลิ่นที่ถูกถามถึงมากที่สุด ก็คาดว่าปีหน้าเราจะทำน้ำอบกลิ่นผลไม้อื่นๆเพิ่มขึ้นมาด้วย" วิทยากรเล่า
วิทยากรสาว ยังแย้มถึงขั้นตอนการทำน้ำอบไทยคร่าวๆว่า ขั้นแรก ต้องนำใบเตยหอม จันทน์เทศสับ และชะลูดต้มกับน้ำสะอาดจนเดือดและได้สีน้ำชาเข้มๆออกมา จากนั้นตั้งทิ้งไว้ให้เย็นสนิท ขั้นต่อไปคือการปรุงให้มีกลิ่นหอมควัน โดยนำน้ำมาใส่ในโถกระเบื้องเคลือบเพื่ออบควันเทียนอย่างน้อย 3-4 ครั้งๆละ 15 นาที จากนั้นก็ต่อด้วยการอบร่ำ โดยต้องเตรียมเครื่องหอม คือ จันทน์เทศป่นหยาบ ผิวมะกรูดป่น กำยานป่น น้ำมันจันทน์ น้ำตาลทรายแดง และน้ำตาลทรายขาวมาคลุกผสมกัน
" 2 อย่างหลังไม่ใช่เครื่องหอมค่ะ แต่ใส่เพื่อช่วยในการเผาไหม้ เพราะเราต้องนำเครื่องหอมที่ผสมกันแล้วไปใส่ใน ตะคัน(ถ้วยดินเผาเล็กๆคล้ายถ้วยตะไล)ที่เผาไฟจนร้อนแล้วเพื่อให้เครื่องหอม เผาไหม้และเกิดควันจากนั้นนำไปอบในน้ำอบ ขั้นตอนนี้ก็ต้องอบ 3-4 ครั้งๆละ 15 นาทีเช่นกัน แล้วพักไว้ ขั้นต่อมา คือ การนำพิมเสน แป้งหิน และหัวน้ำมันหอมกลิ่นต่างๆ อย่างกลิ่นผลไม้ จากนั้นนำมาบดรวมกันให้ละเอียด แล้วนำไปผสมกับน้ำที่อบควันให้เข้ากัน จากนั้นเทคืนลงโถกระเบื้องเคลือบผ่านผ้าขาวบางเพื่อกรองเอาแป้งที่ไม่ ละเอียดและคราบน้ำมันหอมระเหยออกไป นำไปบรรจุขวดแก้วก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย" วิทยากรเสริม
วิทยากรยังแย้มว่า วัตถุดิบเหล่านี้หาไม่ยากซื้อได้ตามร้านขายสมุนไพรไทยทั่วไป และสามารถทำได้เองที่บ้าน แต่ต้องใช้เวลาหน่อย การทำน้ำอบใช้เวลาประมาณ 1 วัน เนื่องจากต้องรอน้ำต้มเครื่องหอมครั้งแรกให้เย็นสนิทจริงๆ และการอบควันเทียน อบร่ำ รวมถึงการกรองเอาน้ำมันบนผิวน้ำอบออกแต่ละครั้งก็ใช้เวลานาน
ด้าน "เมย์" เมทินี วรรธนะโสภณ นัก ศึกษาหลักสูตรภาษาอังกฤษ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ในฐานะคนต้นแบบสวนดุสิต คิดดี ทำดี ปี53 กล่าวถึงความสำคัญของน้ำอบไทยกลิ่นใหม่นี้ว่า ปกติเราจะคุ้นเคยกับน้ำอบไทยกลิ่นดอกไม้ อาทิเช่น กลิ่นมะลิ กุหลาบ แต่ สำหรับปีนี้มีความพิเศษมากยิ่งขึ้นไปอีกเพราะ ทางสถาบันภาษาฯ มีการคิดค้นปรุงน้ำอบไทยเป็นกลิ่นผลไม้ สร้างความแปลกใหม่ให้กับน้ำอบไทย เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของคนรุ่นใหม่ที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย และบรรจุภัณฑ์ที่ทันสมัย สวยงาม แต่ยังคงดำรงความเป็นไทยไว้
"วัน สงกรานต์เป็นวันปีใหม่ไทย เรามักจะทำกิจกรรมต่างๆร่วมกันภายในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นการทำบุญตักบาตร ฟังเทศน์ฟังธรรม เล่นน้ำสงกรานต์ รวมถึงพิธีรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ ซึ่งเราจะใช้น้ำอบน้ำปรุงในการรดน้ำดำหัว ปัจจุบันนี้วัยรุ่นส่วนใหญ่มักจะให้ความสำคัญกับพิธีรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ลด น้อยลง อยากจะเชิญชวนให้ทุกคนร่วมกันอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของไทยนี้ไว้ เพื่อสืบทอดถึงคนรุ่นต่อๆไป ก็มั่นใจได้เลยว่า พิธีรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่กับน้ำอบไทยก็จะเป็นสิ่งที่ต้องอยู่คู่กันเพื่อแสดง ถึงเอกลักษณ์ของวันสงกรานต์และอยู่คู่กับคนไทยตลอดไปค่ะ" เมย์เล่า
ส่วน "โค้ก" ณรงค์พัทธ์ ศิริโสภาพงษ์ นัก ศึกษาสาขาบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ คณะวิทยาการจัดการ คนต้นแบบฯปี53 อีกคน กล่าวว่าในวันสงกรานต์ทุกๆปี โค้กได้เข้าร่วมพิธีรดน้ำขอพรจากคุณตาและคุณยายที่จังหวัดฉะเชิงเทรา จากนั้นคุณตาคุณยายก็จะพาลูกหลานไปสรงน้ำพระที่วัดใกล้บ้าน โดยสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ น้ำอบ กับดินสอพอง ซึ่งหลังจากที่เสร็จสิ้นพิธีรดน้ำเหล่าบรรดาญาติมิตรก็จะมาเล่นน้ำกันอย่าง สนุกสนาน
"ผม ได้ทราบข่าวว่าทางมหาวิทยาลัยมีน้ำอบไทย ที่จัดทำขึ้นเองภายในมหาวิทยาลัยฯ และได้ลองใช้ตอนจัดโครงการสรงน้ำพระของกองพัฒนานักศึกษา ก็มีกลิ่นหอมสดชื่น และมีให้เลือกหลากหลายกลิ่น ซึ่งผมเห็นว่าเป็นสิ่งที่ดีมากที่มหาวิทยาลัยฯของเราคิดต่อยอดกับผลิตภัณฑ์ น้ำอบ เนื่องจากเป็นสิ่งที่สื่อถึงประเพณีสงกรานต์ และความเป็นไทยมาแต่โบราณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมหาวิทยาลัยฯของเราเคยเป็นโรงเรียนการเรือนมาก่อน ยิ่งทำให้น้ำอบไทยสวนดุสิต เป็นที่น่าเชื่อถือ และเป็นที่ชื่นชอบของทุกคน โดยเฉพาะปีนี้ได้มีการคิดค้นกลิ่นใหม่คือแอปเปิ้ล ซึ่งหอมมาก นับเป็นการเอาใจคนรุ่นใหม่ครับ" โค้กกล่าวทิ้งท้าย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น