++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันอังคารที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2554

ศาสตร์และศิลป์ของการสิ้นชีวิต (ตอนวิวัฒนาการหนีความจริง)

เขียนโดย ศ.นพ.ธีระ ทองสง
วันจันทร์ที่ 10 สิงหาคม 2009 เวลา 12:01

วิทยาการพยายามที่จะยื้อยุดฉุดรั้งวันวัยของชีวิตให้หยุดไว้ที่ความเป็นหนุ่มสาว สื่อทั้งหลายมักจะโฆษณาชวนเชื่อให้เราปรารถนาความนิรันดร์ของสภาวะที่เราถูกโปรแกรมให้เป็นหรือปรารถนาเป็นเจ้าของ จนเราปฏิเสธข้อเท็จจริงในเรื่องของการเปลี่ยนแปลง แกล้งกลบเกลื่อนความหวาดหวั่น ความรู้สึกเสียวสยองต่อการสิ้นความหนุ่มสาวใสปิ๊ง หรืออำนาจอันเป็นสิ่งลวงใจ ซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกมั่นคงขึ้นได้ชั่วขณะ หนึ่ง แม้คนไม่น้อยทำทีเป็นไม่สนใจ แอบอวดอำพรางถึงความเข้มแข็ง ไม่หวาดหวั่นกับความแก่เจ็บตาย ทั้งที่ยิ่งยึดยิ่งกลัว ยิ่งดังยิ่งเปล่าเปลี่ยวยิ่งหวาดเสียวต่อความไม่มีอะไร แม้รู้ทั้งรู้ว่าชีวิตเราไม่มีอะไรมาตั้งแรกเกิด มาไม่มีอะไร อยู่ไม่มีอะไร ไปก็ไม่มีอะไร มีแค่ใจที่หลงผิดคิดว่ามีสิทธิ์เป็นเจ้าของครองเรือนร่างหรือทรัพย์สิน จริงแท้แล้วห้วงลึกในใจเราต่างตระได้ดีถึงความวังเวง เงียบนัก เหงาลึก โดดเดี่ยวในเส้นทางแคบ ๆ ของชีวิตที่มาคนเดียวไปคนเดียว มีความลับลึกซึ้งของจิตใจคร่ำครวญหวนไห้อยู่ภายใน หวาดหวั่นต่อวันพลัดพราก ฝังใจกับชีวิตรุ่งโรจน์ที่มีเสียงกรี๊ดตอบรับ หรือเสียงปรบมือเป็นแบคกราวด์ตลอดทางเดินชีวิต จนเกลียดกลัวความผุเปื่อยเสื่อมโทรม

เราฝันใฝ่ในความรุ่งเรืองจนไม่กล้าเหลียวมองความตกต่ำ จนอาจชินชากับการพะนอตน กลบเกลื่อนความจริงด้วยการไม่กล้านับตัวเลขอายุ หลบเร้นริ้วรอยแห่งวัยด้วยเคมีภัณฑ์ ศัลยกรรมอำพรางสัจจะ โลกทั้งโลกพาพัฒนาไปสู่ความเก่งในการชะลอความตาย และเทคโนโลยีแห่งการสร้างหน้ากากปกปิดรูปลักษณ์ที่แท้จริงแห่งอนิจจังอนัตตา กลบเกลื่อนความเสื่อมสลาย เพื่อหายหวาดกลัวต่อข้อเท็จจริงให้ได้สักขณะหนึ่ง สื่อพากันโหมกระพือให้ผู้คนไม่ยอมรับสัจจะ ทำให้สาวมาดมั่นหรือหนุ่มใจเกินร้อย ต้องดิ้นรนบดบังความไม่เที่ยงอย่างเหน็ดเหนื่อย เส้นผมที่เริ่มหงอกขาวกว่าเมื่อวัน ก่อน เริ่มเป็นคนผมบาง พุงที่เริ่มยื่น รอยยับย่นแห่งวัยเสื่อม น้ำหนักที่ควบคุมไม่อยู่ สิวเม็ดเดียวอะไรเหล่านี้ กลับมามีอิทธิพลกำหนดพฤติกรรมให้ปฏิเสธความจริง แน่ใจหรือว่าไม่ได้หมกมุ่นครุ่นผวากับความจริงธรรมดาที่ถูกโปรแกรมให้เข้าใจผิดเป็นความโหดร้าย จนวิตกกังวล เหงาเศร้าซึมลึกในยามลับตาคน มันสมองอันปราดเปรื่องถูกระดมพัฒนาศาสตร์แห่งการหนีข้อเท็จจริง จนโลกลืมศาสตร์แห่งการเผชิญหน้ากับข้อเท็จจริงได้อย่างชาญฉลาด

ปราชญ์มากหลายมิได้มีชื่อจารึกอยู่บนแผ่นหิน แต่เข้มแข็ง สุขเย็นและฉลาด กล้าประกาศว่า กับร่างกายนี้เผาผมเถิด ให้ผมจากโลกนี้ไปอย่างเงียบ ๆ โดยไม่จำเป็นต้องอยู่ในความทรงจำของใคร โลกทั้งโลกลืมผมได้เลย แม้แต่ศาสตร์การดูแลผู้สูงวัยในวันนี้ ยังเต็มได้ด้วยการทุ่มเทพัฒนาชะลอเวลาให้ชราช้าลงอีกนิด อาจเพิ่มเวลาชีวิตขึ้นมาอีกได้บ้าง แต่มิได้รับประกันคุณภาพการมีชีวิต โลกเราได้พัฒนาไปมากในด้านวิทยาการเพื่อหนีข้อเท็จจริงของชีวิต แต่แทบจะยังไม่ได้เริ่มก้าวของวิทยาการด้านเผชิญข้อเท็จจริงอย่างฉลาด ทำให้การแพทย์ทุกวันนี้เป็นศาสตร์ซ่อมแซมร่างกาย มากกว่าศาสตร์แห่งการเพิ่มคุณภาพชีวิต แม้ว่าโลกเราเก่งขึ้นมาก ฉลาดขึ้นมาก มีสิ่งเอื้ออำนวยความสะดวกมากมาย ใครเลยจะกล้ายืนยันว่าคุณภาพชีวิตคนยุคนี้ดีขึ้นกว่าคนยุคไหน ๆ สงบสุขสุดสุด ทำใจเก่ง ฉลาดในชีวิต มีไหมศาสตร์ใดที่ทำให้มนุษย์ผู้เกิดมาพร้อมกับคราบน้ำตา สามารถอำลาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แววตาสดใส หัวใจผ่องแผ้ว
credit : http://www.dhamma4u.com/index.php/2011-01-07-08-29-00/57-2009-05-07-05-09-23/445-2009-08-10-05-08-24.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น