เขียนโดย ศ.นพ.ธีระ ทองสง
วันจันทร์ที่ 10 สิงหาคม 2009 เวลา 12:15
สิ่งทั้งหลายเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย บอกความจริงลึกซึ้งว่าสิ่งทั้งหลายมิได้เป็นไปตามใจใคร หรือตามใจเรา มันแปรเปลี่ยนอยู่เช่นนั้นตามแรงผลักดันของเหตุ ที่เราไม่ค่อยได้หยั่งรู้ถึงมัน ทุกการเปลี่ยนแปลงเป็นปรากฏการณ์ อย่างมีเหตุผล เจอแล้วจาก พบแล้วจำพราก เกิดแล้วดับ ดับแล้วแปรสภาพ เป็นเรื่องสามัญของเหตุผล การที่ปรากฏการณ์ธรรมชาติเหล่านี้เปลี่ยนไปแบบไม่ได้ดั่งใจ บังเกิดเป็นความผิดหวัง รู้สึกโศก รู้สึกสูญเสีย จำพราก นั่นคือการที่เราไม่ยอมรับกฎแห่งเหตุผล มันมาจากแก่นใจที่ยังสำคัญตนผิดเป็นเรา เป็นของเรา สิ่งทั้งหลายควรเป็นไปตามใจเรา
แม้มนุษย์น้อยนี้มีส่วนบ้างในการเปลี่ยนแปลงบางสถานการณ์ นั่นก็เป็นเพียงสกรูตัวเล็กในเครื่องจักรจักรวาลที่ส่งผลการเปลี่ยนแปลง คนเราอาจคิดว่าเราคือผู้มีอำนาจบงการความเป็นไป ผิดไปถนัด เราแทบจะไม่มีความหมายอะไรในสายตาของฟ้าดิน ธรรมชาติไม่อาจเอื้ออำนวยต่อความต้องการเราเสมอไปหรอก แม้เราจะสร้างภาพลักษณ์ของผู้มีความ เชื่อมั่น หัวใจเกินร้อย หยิ่งทะนงในชีวิตสักเพียงใด ในที่สุดชนสามัญหรือชั้นเทพ บิ๊กที่มากบริวาร ดาวเด่นในโลกบันเทิงและแฟนคลับ มาเฟียเชิงธุรกิจ เจ้าพ่อวิชาการ นักบริหารที่เลื่องชื่อ ต่างถูกต้อนเรียงคิวเข้าสู่ประตูแห่งความเสื่อมโทรมแล้วแตกสลาย แปรธาตุ นี่อาจจะเป็นกฏเกณฑ์ที่ไม่มีปากเสียงกับมนุษย์ผู้บางครั้งโอหังบางครั้งอวดดี แต่นี่คือโองการเงียบที่เฉียบขาดคมกริบที่สยบทุกความเย่อหยิ่งเสมอมา ทั้งๆ ที่น่าจะทราบกันดีว่าไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า ได้เวลาก็แตกดับ ละครมีระยะเวลา พระพุทธองค์ทรงชี้ให้ดูว่า “จงดูร่างกายที่สวยงามนี้เถิด เต็มไปด้วยบาดแผล สร้างขึ้นด้วยกระดูก เต็มไปด้วยโรค มากด้วยความครุ่นคิดปรารถนา หามีความยั่งยืนคงทนไม่”ทั้งหมดนี้คือความจริงง่าย ๆ ที่หลายคนไม่เชื่อ ไม่ยอมรับ หลายคนต้องรอวันล้มละลาย วันที่ทราบว่าเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย วันเกษียณ จึงจะเริ่มเข้าใจว่าสิ่งทั้งหลายเป็นไปตามเหตุปัจจัย ไม่ได้เป็นไปตามใจเรา สิ่งที่จิตใจยึดไว้อย่างเหนียวแน่นกำลังจากลาเราไป การที่หัวใจเราไม่ยอมจากมัน คือปัญหาที่แท้จริง
credit : http://www.dhamma4u.com/index.php/2011-01-07-08-29-00/57-2009-05-07-05-09-23/446-2009-08-10-05-19-47.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น