++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันศุกร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2554

วิธีอยู่เหนือดวงชะตา

ความเป็นจริง ไม่มีใครอยู่เหนือดวงชะตา หรือหนีกรรมพ้น ได้ทั้งหมด

แต่ข้อแนะนำด้านล่างนี้หากทำได้ เมื่อมีอกุศลกรรมเข้าสนองก็จะได้รับน้อยลง

ผลร้ายถึงต้องตกไปอบายภูมิ ๔ ก็ไม่มี



มีวิธีเดียวที่จะหนีพ้นกรรมหรืออยู่เหนือดวงได้ คือการเข้าพระนิพพาน



ดังนั้นมีเพิ่มอีกข้อเป็นข้อ ๑๕ คือเมื่อได้กระทำตามข้อ ๑ – ๑๔ แล้ว ให้นึกต่อว่า



“ขอผลบุญนี้ จงเป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้าได้ถึงซึ่งพระนิพพานในชาตินี้เถิด”



ลุงจิ้ง




เร่งสร้างบุญกุศุลตอนนี้ยังไม่สายเกินไป

"สัตว์ทั้งหลาย"
เป็นผู้มีกรรมเป็นของตน (กัมมัสสะกา)
เป็นผู้รับผลของกรรม (กัมมะทายาทา)
กระทำกรรมอันใดไว้ (ยัง กัมมัง กะริสสันติ)
ดีหรือชั่ว (กัลยาณัง วา ปาปะกัง วา)
จักเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น (ตัสสะ ทายาทา ภะวิสสันติ)

วิธีอยู่เหนือดวงชะตา

(โดยเฉพาะเวลาดวงตก หรือ ป่วยใกล้ หมดอายุ)

๑. รักษาศีล ๕ ตลอดชีวิต (หาโอกาสถือศีล ๘ หรือ ศีลอุโบสถบ้างในวันพระ)

๒. ถวายสังฆทานเป็นประจำ หรือบ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถ้าดวงกำลังตกหรือมีเคราะห์หนัก ภายใน ๓ วัน ต้องไม่ต่ำกว่า

๗ วัด ถ้าได้ ๙ วัดจะยิ่งดี ถ้า ได้มากกว่านั้นจะดีเลิศ

๓. ปล่อย โค กระบือ นก ปลา เต่า หอยขม หอยโข่ง หรือสัตว์ที่กำลังจะถูกฆ่า ฯลฯ โดยด่วน

๔. ทำบุญ ใส่บาตรพระ ทุกวัน อย่างน้อยวันละ ๑ รูป หรือ ถ้าได้มากเท่าไหร่ยิ่งดี

๕. นั่งสมาธิ ให้ได้ก่อนนอนทุกคืน สวดมนต์ ทำวัตรเช้า-เย็น เป็นประจำ สม่ำเสมอ

๖. ตอบแทนบุญคุณพ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย และผู้มีพระคุณ ให้ท่านชื่นใจทุกวิถีทาง เท่าที่สามารถจะกระทำได้เพราะ

ทำบุญกับท่านเหล่านี้จะให้ผลมาก

๗. สงเคราะห์คนชราที่เร่ร่อน ขาดคนอุปถัมภ์ เลี้ยงดู เด็กกำพร้า เด็กพิการ ผู้ด้อยโอกาส ฯลฯ สม่ำเสมอ

๘. สงเคราะห์ญาติมิตรที่ลำบาก คนยากจน คนตกงานโดยเต็มใจ และเมตตา อย่างจริงใจ และฝึกการเป็นผู้ให้ จนติด

เป็นนิสัย

๙. มีความจริงใจ บริสุทธิ์ใจกับทุกๆคน ให้อภัยผู้อื่นเสมอ ให้มองหาแต่ความผิดความบกพร่องของตนเอง และพยายามแก้

(ข้อนี้สำคัญที่สุด) คนเลว คนชั่ว จะมองหาแต่ความผิด ความเลวของผู้อื่น

๑๐. ไม่นินทาว่าร้าย อิจฉาริษยาผู้อื่น เมื่อเขาผิดพลาด หรือได้ดีกว่าตน มองแต่ความผิดพลาดของตนเองและพยายามแก้ไข ๑๑ การกล่าวโทษว่าร้ายผู้อื่น ถ้าแม้จะจริงก็ตาม เราก็จะได้รับผลตามที่ติเตียน หรือกล่าวร้ายเขาหนักยิ่งกว่าหลายเท่า

๑๒. ไม่ถือสา โกรธเคืองผู้ใด หรือผูกอาฆาต พยาบาท จองเวรใคร เพราะผู้ที่ทำให้เราโกรธ หรือไม่พอใจ นั้น เขาได้ทำบาป

ทำผิด อยู่แล้วที่มีพฤติกรรมเช่นนั้น ถ้าเราโกรธตอบ แสดงว่าเราก็เช่นเดียวกับเขา และแย่ยิ่งกว่าเขา สองเท่า เพราะรู้

แล้วยังทำ ให้แผ่เมตตาหรือทำเฉยๆ เสีย อย่าเอาใจใส่

๑๓. ให้พยายามทำใจให้รักและเมตตาสงสารคน และสัตว์ทุกๆ คน เพราะเขาเกิดมาก็เป็นทุกข์ เช่นเดียวกับเรา คือทุกข์

เพราะการเกิด ความแก่ ความเจ็บป่วย ความตาย ความพรัดพรากจากของรัก ความไม่สมหวัง ในสิ่งที่ปรารถนา (ได้มา

แล้วย่อมเสียไป) เป็นเช่นนั้นทุกๆ สรรพสิ่งในโลก

๑๔. ทุกครั้งที่ทำความดี จะรู้สึกมีความสุข อิ่มใจ สดชื่น แจ่มใส ขณะนั้นบุญกุศลเกิดเต็มเปี่ยม จงแบ่งความสุขเหล่านั้น คือ

ผลบุญที่ทำให้เจ้ากรรมนายเวร โดยการไม่ลืมอุทิศผลบุญกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรทุกๆ ครั้งด้วย และแถมท้ายด้วยการ

ขออโหสิกรรมกับเขาด้วย เสร็จแล้ว แผ่เมตตา อุทิศผลบุญกุศลให้กับพ่อ แม่ ผู้ที่มีพระคุณต่อเราทุกๆ คนด้วย บุญของเรา

ก็จะแผ่ไพศาลกว้างไกล อยู่เหนือดวงชะตาในที่สุด



ขออานิสงส์ของการเผยแพร่บทความนี้จงส่งผลให้ผู้ที่เผยแพร่ทั้งหลาย โชคดี มีความเจริญ คิดสิ่งใดที่ดีงามขอให้สมหวังดังปรารถนาทุกประการ มีดวงตาเห็นธรรม ในการที่จะดำเนินชีวิตที่มีความสุขกาย สุขใจ ประสบแต่สิ่งที่ดีงาม เพื่อสังคม เพื่อประเทศไทย เพื่อโลกจะได้มีสันติสุข

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น