นักวิชาการ สพฐ.ชี้เทรนด์เลี้ยงลูกแบบ “เทิดทูน” ทำเด็กไทยอ้วนลงพุง
เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพร่วมกับเครือข่ายคนไทยไร้พุง จัดงานเสวนา “โฟกัสกรุ๊ปข้อเสนอเชิงนโยบาย :การแก้ปัญหาโรคอ้วน/ลงพุงในบริบทประเทศไทย” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการศึกษาเพื่อพัฒนาข้อเสนอเชิงนโยบายการแก้ปัญหาอ้วนลงพุงในประเทศไทย ในชุดโครงการจัดการความรู้และสร้างนวัตกรรมเพื่อสนับสนุนเครือข่ายคนไทยไร้พุง โดย ศ.พญ.วรรณี นิธิยานันท์ ประธานเครือข่ายคนไทยไร้พุง ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวสรุปว่า อ้วนลงพุง เป็นมหันตภัยเงียบที่เราคาดไม่ถึงว่าจะเป็นสะพานต่อไปยังโรคต่างๆ เช่น โรคความดันสูง โรคเบาหวาน มาตรการพิชิตอ้วน คือ 1.ปรับเปลี่ยนการบริโภคอาหาร 2.เคลื่อนไหวออกแรงและออกกำลังกาย 3.ควบคุมอารมณ์และความรู้สึก
นางพนอ อี้รักษา นักวิชาการศึกษา ชำนาญพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กล่าวว่า ตามที่ได้จัดการเรื่องการบริโภคในโรงเรียน พบว่า เด็กไทยมีเทรนด์ถูกเลี้ยงดูแบบ “เทิดทูน” คือ การที่พ่อแม่ซื้ออาหารกักตุนไว้ในเด็ก เช่น ไส้กรอก ขนมเค้ก ขนมหวาน โดยเฉพาะหลังเลิกเรียน ทำให้บางครั้งเด็กเลือกที่จะไม่บริโภคอาหารที่ทางโรงเรียนจัดไว้ เพราะเคยชินกับอาหารฟาสต์ฟูด ขณะที่บางโรงเรียนยังมีร้านค้าและสิ่งแวดล้อมที่เอื้อให้เด็กหาสิ่งมาบริโภค เด็กก็จะเลือกแต่อาหารที่ตนเองเคยชิน ทำให้เสี่ยงต่อการบริโภคอาหารที่มันและหวาน ทำให้มีโอกาสเป็นโรคเบาหวานและโรคกระดูก ฉะนั้น ควรสร้างความร่วมมือระหว่างบ้าน ชุมชน และโรงเรียน ฉะนั้นควรจัดสื่อและเผยแพร่ข้อมูลให้ถึงผู้บริโภคมากปัจจุบัน
นางฐิติรัตน์ พูนศิริชัยกิจ ผู้ดำเนินรายการ Healthy Time สถานีวิทยุ FM 99 อสมท กล่าวว่า ประสิทธิภาพในการแก้ปัญหาโรคอ้วนต้องเริ่มจากตัวเองและครอบครัวในการจัดการเรื่องการบริโภคอาหาร เพื่อนำไปสู่โรงเรียน เพราะเด็กต้องเริ่มเรียนรู้จากครอบครัว พ่อแม่ผู้ปกครองต้องสอนและเตรียมอาหารที่เหมาะต่อสุขภาพ อย่าตามใจเด็กและอย่ากลัวว่าเด็กจะหิว เพราะหากพ่อแม่ผู้ปกครองพยายามหาอาหารที่ดีต่อสุขภาพให้และเด็กกินอิ่มก็จะไม่เกิดการหิวอาหารขยะ ซึ่งผู้ปกครองบางคนรู้แต่รู้ผิด และนักวิชาการอย่าเอาเรื่องของการตลาดเข้าไปจับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น