++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันเสาร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2553

กฎของกรรม ของ นายโกตุหลิกะ

โดย..หลวงพ่อพระราชพรหมยาน



กรรม ที่น่าคิดก็คือเรื่องโกตุหลิกะ (โกตุหลิกะนี่เป็นตอน หนึ่งของเรื่อง “สามาวดี” )กรรมติดตามกันทั้งบุญและบาป อัน นี้น่าฟังนะ? เรื่องมีอยู่ว่า?

ท่าน โกตุหลิกะนี้ท่านเป็นคนจน ทั้งสองตายายก็จนกันทั้ง คู่? เขายังหนุ่มอยู่ มีลูก อยู่คนหนึ่งยังคลานไม่ได้ เวลานั้นเขาอยู่เมือง อารัพภกะ เขาอยู่แคว้นอารัพภกะเป็นอันว่า เวลานั้นปรากฎว่าข้าวยากหมากแพง ฝน แล้งไม่ตกต้องตามฤดูกาล? ความจนเกิดขึ้น? และก็ประกอบกับโรคอหิวาต์เกิดขึ้น ทั้ง สองคนตายายและลูกน้อยคนหนึ่ง ก็ต่างคนต่างหนีจาก เมืองนั้นมา? เมืองโกสัมพี ก็ เป็นอันว่าคนจนนี่ก็มีอะไรไม่มาก? ก็มีข้าวสุกติดมา เล็กน้อย? กินน้อย ๆ อยู่ได้แค่สามวันแล้วก็ผ่านป่ามา? ยังไม่ทันจะพ้นป่า ข้าวหมด? ต้องเดินอดมาอีกสามวัน อดอาหารสามวันนี่ต้องคิด



ทิ้งลูก



ต่อมาท่านสามีคือ โกตุหลิกะ แกคิดว่าลูกเล็ก ๆ อุ้มไม่ไหว ทิ้งไว้นอนตายกลางป่าดีกว่า ต่อ มา เมื่อท่านพ่อคิดว่าลูกนี้อุ้มไม่ไหว เพราะอดข้าว มาสามวัน ก็ต้องคิด ปรึกษาภรรยาบอกว่าทิ้งซะดีไหม เรา ก็ยังหนุ่มยังสาว อยู่ไม่ช้าก็มีลูกใหม่ได้ สำหรับภรรยามีความรักลูก บอกว่า ไม่ได้ ทิ้งไม่ได้ ต่อมาวัน ที่สี่เธอไม่ไหวจริง ๆ ก็ปล่อยภรรยาเดินออกหน้า ไปไกลหน่อยในป่า เธออยู่ข้าง หลังเห็นภรรยาไปไกล ก็เข้าไปโคนต้นไม้ เอาใบไม้มารอง เอาลูกวางไว้ ทำเดินช้า ๆ กว่าจะทันภรรยาก็ไกล ภรรยาไม่เห็นลูก ก็ถามว่า ลูกไปไหน เธอก็บอกว่า เอาไปวางไว้ที่โคนต้นไม้โน้น? ภรรยาบอกว่า ถ้าไม่มีลูกฉันไปไม่ไหว ก็ กลับมาดูลูก? พอดีลูกตายไปเสียแล้ว ไอ้ นั่นเจตนาจริง ๆ เพราะฆ่าลูก? แต่ ความโกรธของเขาไม่มี มันไม่ไหวจริง ๆ ดูกฎของกรรมต่อไปนะ เรื่องนี้มีกฎของกรรม ตลอด จะได้ทราบเรื่องกฎของกรรม









บ้านนาย โคบาล เศรษฐี

หลังจากนั้นเดินออกจากป่าก็เข้า ถึงเขตเมืองโกสัมพี เมื่อเข้าเขตโกสัมพี เขาก็เข้าไปถึงบ้านนายโคบาล คำ ว่าโคบาลนี่คนเลี้ยงวัวขาย เลี้ยงโคนม เขามีวัวมาก วันนั้นบังเอิญบ้าน นายโคบาลเขามีงานประจำปี เป็นการฉลองทำบุญประจำปี แต่การทำบุญประจำปีคราวนั้น ก็ มีพระปัจเจกพุทธเจ้าองค์หนึ่งที่เขานิมนต์ไว้ สองคน ตายายออกจากเขตป่าแล้วหิวโซเซ ก็เดินเข้าไปในบ้าน เขา เขาก็ถามว่าคุณสองคนมาจากไหน สอง คนตอบว่า มาจากแคว้นอารัพภกะ เขาถามว่า จะมาทำไม บอกว่า อยากจะมาทำงาน รับจ้างทำงาน นายโคบาลเห็นคนท่าทางทรุดโทรมมาก จึง คิดว่าเรื่องทำงานเป็นของไม่ยาก? ทีนี้บ้านนี้มีงาน ให้ทำ? แต่ขอให้สองคนรับประทานอาหารเสียก่อน? คงจะหิวมากเขาก็จัดข้าวมธุปายาส เขามีงานประจำปีของเขา ทำบุญ ประจำปี มีข้าวมธุปายาสมาก เลี้ยงคนจำนวนมาก เขานำข้าวมธุปายาสสองชามใหญ่ ๆ มาให้สองสามีภรรยา นี่ความจริงข้าวมธุปายาสนี่คนจนกินไม่ได้ เห็นข้าวมธุปายาสก็หม่ำไม่ยั้งตัว กินนะ ไม่เรียกว่ากินนะคุณนะ ต้องหม่ำ นะ ว่าไม่ยั้งตัว สำหรับท่านภรรยา กินน้อย ๆ ค่อย ๆ กิน ประเดี๋ยวเดียว โกตุหลิกะกินหมดชาม ภรรยาก็ ห่วงสามี ถามว่า พอไหม แกบอกว่ายังไม่พอ ภรรยาก็ส่งส่วนของเธอให้ เธอก็ กิตต่ออีกไม่ยั้งเหมือนกัน

สามีตาย แล้วเกิดเป็นสุนัข

แต่ขณะที่กินข้าวมธุปายาส เวลานั้นนายโคบาลก็กินข้าวเหมือนกัน เขา มีสุนัขตัวหนึ่ง เป็นพันธุ์พื้นเมือง เป็นตัวเมีย เป็นหมาที่เขาเลี้ยง ในเวลาที่ เขากินข้าวเขาก็แบ่งอาหารที่เขากิน เป็นกับข้าวดี ๆ ให้สุนัขกิน เอาจานมาวางเข้าแบ่งอาหารให้กิน เป็นอาหารที่เขากินนะ โกตุหลิกะ ก็มีความรู้สึกว่า เราเป็นคนยังไม่มีอาหารดี ๆ อย่างนี้กิน สุนัขตัวนี้มันดีกว่าเรา กำลังชมเชยสุนัขอยู่แบบนั้น ไอ้โรคลมก็ดัน ขึ้นมาอืดตาย ตายปัจจุบัน อาศัยที่ใจเกาะสุนัข อยู่ก่อน จิตออกจากร่างก็เข้าท้องสุนัขทันที อาศัยที่เขาตายจากคนเป็นคนแล้ว ก็เป็นสุนัข จึงรู้ภาษามนุษย์มาก เกิด มาก็เป็นสุนัขแสนรู้ในระหว่างนั้น ตาม ปกตินายโคบาลก็มีพระปัจเจกพุทธเจ้าองค์หนึ่ง ที่เขามีความเคารพ เวลาพ้นจากฤดูฝนคือเดือนสิบสองมาแล้ว เขา นิมนต์ท่านจากภูเขาคันธมาศน์ มาอยู่ประจำที่ภูเขาข้างบ้าน เช้า ท่านก็ไปนิมนต์ท่านมาฉันภัตตาหาร? พอเจ้าสุนัขตัวนี้ โต เวลาเขาไปนิมนต์พระปัจเจกพุทธเจ้าเขาก็พาไปด้วย ไป ถึงที่ตรงเป็นสุมทุมพุ่มไม้รกมาก นายโคบาลก็เกรงว่าสัตว์ร้ายจะอาศัยอยู่ เวลาที่พระปัจเจกพุทธเจ้าเดินมา? อาจ จะทำร้ายพระปัจเจกพุทธเจ้าได้ แกจึงเอาไม้ตีพุ่มไม้ และก็ส่งเสียงดังเพื่อไล่สัตว์ ไอ้เจ้าสุนัขตัวนั้น ก็จำ พอไปถึงปากถ้ำพระปัจเจกพุทธเจ้า นายโคบาลก็หมอบคลานเข้าไปหาพระปัจเจกพุทธเจ้า แสดงความรักแสดงความเคารพต่อมาบางวันที่นายโคบาลไปนิมนต์ พระปัจเจกพุทธเจ้าไม่ได้? ก็สั่งเจ้าสุนัขตัวนี้บอก เจ้าจงไปนิมนต์พระมาฉันเช้า? เจ้าสุนัขตัวนั้นมันก็ ไป ถึงที่พุ่มไม้ที่นายโคบาลเคยตี มัน ก็เห่าบ้างกระโชกบ้างเพื่อไล่สัตว์ พอไปถึงหน้าถ้ำ พระปัจเจกพุทธเจ้าก็เห่าบ้าง หอนบ้าง เป็นการแสดง ว่า เขามานิมนต์? พระปัจเจกพุทธเจ้าห่มจีวร? แล้วก็ตามเจ้าสุนัขมาเข้าบ้าน บาง วันพระปัจเจกพุทธเจ้าท่านก็ลอง คิดว่าเจ้าสุนัขนี้ จะรู้แน่หรือไม่รู้แน่ พอถึงทางเลี้ยวท่านทดลอง? พอเจ้าสุนัขเลี้ยวท่านไม่เลี้ยวตาม เลี้ยว จะเข้าบ้าน ท่านเดินเลยไป? เจ้า สุนัขก็วิ่งไปกั้นหน้า? ในเมื่อท่านไม่หยุดมันก็เลย คาบสบงดึงมา ถ้าคาบจีวรดึงไม่มาได้นะคุณนะ ถ้าสบงไม่มาสบงหลุดนะ ต้องมา มันฉลาด ฉลาดพอ



ตายจาก สุนัขเกิดเป็นเทวดา

ต่อมาเมื่อถึงฤดูฝน พระปัจเจกพุทธเจ้าต้องไปจำพรรษาที่ภูเขาคันธมาศน์ อาศัย เจ้าสุนัขรักพระปัจเจกพุทธเจ้ามาก ท่านก็ลานายโคบาล ไป เมื่อลาเสร็จ ท่านก็ลาสุนัข แล้ว ท่านก็เหาะไป เหาะไปช้า ๆ สุนัข ตัวนี้ก็มองตามพระปัจเจกพุทธเจ้า เห่าบ้าง หอนบ้าง แสดงถึงความอาลัย พอพระ ปัจเจกพุทธเจ้าสุดสายตา สุนัขก็ขาดใจตาย ทีนี้การนึกถึงพระปัจเจกพุทธเจ้า ถ้า เป็นอย่างที่เราทำกันเขาเรียกว่า พุทธานุสสติ กรรมฐาน เป็นการนึกถึงพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้าท่านก็เป็นพระพุทธเจ้าประเภทหนึ่ง เหมือนกัน? บรรลุเองเหมือนกัน มี บุญมาก อาศัยที่มีความเคารพรักในพระปัจเจกพุทธเจ้า บุญอันนี้เป็นปัจจัยให้สุนัขตัวนั้นตายจากความเป็น สุนัขไปเกิดเป็นเทวดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงสเทวโลก มี วิมานทองคำเป็นที่อยู่ มีนางฟ้า 1,000 เป็นบริวาร อันนี้จากกฎของกรรมที่เก็นกุศล จำ ไว้นะว่าสุนัขก็ทำบุญ เป็นสัตว์เดรัจฉานก็ทำบุญได้ต่อมาตามบาลีท่านบอกว่า อาศัยที่เห่าที่หอน แสดงความเคารพ และ ป้องกันพระปัจเจกพุทธเจ้า เทวดาองค์นี้จึงมีนามว่า โฆษก เทพบุตร โฆษก เขาแปลว่า กึกก้อง เสียงดังมาก แค่กระซิบ ๆ เสียงดังไป 16 โยชน์ กระซิบ นะ แย่มั้ง นี่ไม่ต้องใช้สถานีวิทยุ ถ้าหากหัวเราะเต็มที่ดังก้องทั่วดาวดึงส์ แต่ ว่าอาศัยที่สัตว์นี้บำเพ็ญกุศลในกำลังสูง คือมีพุทธานุสสติกรรมฐาน นึกถึงพระปัจเจกพุทธเจ้าเป็น อารมณ์ กำลังบุญใหญ่ แต่ว่า ปริมาณบุญน้อย มีเวลาทำน้อย กำลังใจน้อย ไปเป็นเทวดาไม่ช้าไม่นานนัก ก็จุติจากความเป็นเทวดา ญาติโยมฟังตรงนี้จงคิดว่า เวลา ที่เขาเป็นเทวดาอาศัยบุญที่เป็นกุศลนะ กรรมที่เป็น กุศลที่เรียกว่ากุศลกรรม คือเคารพในพระปัจเจก พุทธเจ้า บันดาลให้เขาเป็นเทวดา แล้ว ไอ้กรรมที่ทิ้งลูกให้ตายยังมาไม่ถึง ตอนนี้ถึงละ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น