สปสช.เผยพบผู้ติดเชื้อเอดส์บัตรทองพุ่งถึง 1 แสน 4 หมื่นราย ชี้แนวโน้มดื้อยาเพิ่มขึ้นทุกปี
นพ.สรกิจ ภาคีชีพ ผู้จัดการกองทุนเพื่อบริการผู้ติดเชื้อเอชไอวี/ผู้ป่วยเอดส์ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ปัจจุบันผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่ใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ที่ขึ้นทะเบียนและมีชีวิตอยู่มีจำนวน 140,000 คน โดยในจำนวนนี้ไม่สามารถใช้ยาสูตรพื้นฐานประมาณ 10,000 คน เนื่องจากมีภาวะดื้อยาสูตรแรก ทั้งยาซิโดวูดีน (Zidovudine) ลามิวูดีน (lamivudine) สตาวูดีน (stavudine) เอฟาไวเรนซ์ (Efavirenz) หรือ เนวิราพีน (Nevirapine) จึงต้องหันมาใช้ยาสูตรสำรอง หรือยาสูตร 2 ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้ยายาโลพินาเวียร์/ริโทนาเวียร์ (Lopinavir/Ritronavir ) ซึ่งเป็นยาที่ประกาศสิทธิเหนือสิทธิบัตรยา หรือซีแอล นอกจากมีภาวะแทรกซ้อน อาทิ ไขมันสูง อาเจียน แพทย์จะเปลี่ยนเป็นยาอะทาซานาเวียร์ (Atazanavir ) ซึ่งเป็นยาสูตร 2 เช่นกัน
โดยยาดังกล่าวต้องมีข้อบ่งชี้ และต้องอนุญาตโดยแพทย์ เนื่องจากเป็นยาที่มีราคาแพง ตกค่าใช้จ่ายเดือนละ 5,000 บาท ปัจจุบันมีผู้ป่วยในระบบทานยาอะทาซานาเวียร์ ประมาณ 500 คน แต่ที่น่ากังวล คือ ยังผู้ติดเชื้อประมาณ 300 คน มีภาวะแพ้ยาสูตรสำรองในกลุ่มนี้ ทำให้ต้องหันมาใช้ยาสูตร 3 ที่เรียกว่า ดารูนาเวียร์ (Darunavir) แต่ปัจจุบันยากลุ่มนี้อยู่นอกบัญชียาหลัก ทำให้มีราคาแพงมากตกเดือนละ 7,000-8,000 บาท ผู้ป่วยที่ไม่สามารถจ่ายค่ารักษาตรงนี้ต้องยอมใช้ยาสูตรเดิมต่อไป ซึ่งทำให้อาการก็ทรงตัวเรื่อยๆ
“ปัจจุบันยาดารูนาเวียร์ ไม่อยู่ในบัญชียาหลัก จึงไม่สามารถให้ได้ในผู้ป่วยในระบบรักษาฟรี ทำให้ผู้ป่วยในกลุ่มนี้ต้องออกเงินรักษาเอง หรือต้องจำยอมใช้ยาสูตรเดิม เพื่อคงอาการไม่ให้ทรุดลงเรื่อยๆ ซึ่งแนวโน้มจะนำยาตัวนี้เข้าบัญชียาหลักค่อนข้างยาก เพราะราคาแพง อีกทั้งมีผู้ป่วยไม่มากนักเมื่อเทียบกับทั้งประเทศ ซึ่งปัจจุบันผู้ติดเชื้อเอชไอวีทั้งประเทศที่มีการขึ้นทะเบียนไว้อยู่ประมาณ 180,000-200,000 คน แบ่งเป็นในระบบรักษาฟรีประมาณ 140,000 คน แต่มีประมาณ 500 คน ที่ต้องใช้ยากลุ่มนี้ ทำให้การนำเข้าสู่บัญชียาหลักไม่ใช่เรื่องง่าย อาจต้องรอให้ราคายาลดลงเหลือประมาณ 5,000 บาทต่อเดือนจากปัจจุบันตกเดือนละ 7,000-8,000 บาท” นพ.สรกิจ กล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น