ธนบัตรเมกันคือกงเต็ก แต่มีค่า เพราะชาติต่างๆ ให้ความเชื่อถือ และพากันใช้อ้างอิงอัตราแลกเปลี่ยนของแต่ละประเทศ
ผลที่เกิดขึ้นคือ ชาติต่างๆ นำทองคำมาค้ำสกุลเงินดอลลาร์โดยปริยาย(ชาติต่างๆมีทองคำค้ำสถาะเงินตราตัวเอง) โดยเอาทองคำไปไว้ที่ฟอร์นอกซ์
เกิดระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบฟิกซ์
กาลต่อมา ด้วยเทคโนโลยีการสื่อสาร การเปิดเสรีเงินตรา(เน้นเลย นโยบายตัวซวยอันนี้) จึงเกิดการค้าเงินตราแบบใหม่ เอาเงินตราเป็นสินค้า ทำการค้าล่วงหน้า โดยอิงจากอัตราแลกเปลี่ยนและดอกเบี้ย
นี่คือเฮดจ์ฟันด์
การค้า การฟุ่มเฟือย การลงทุนในธุรกิจที่ไม่เกิดรายได้ ที่สำคัญ ไม่มีการออม ไม่มีการระวัง ถูกสื่อต่างชาติกล่อม โดยมีนักวางแผนทุบค่าเงินระดับโลกวางกล
ผลที่เกิดจึงเกิดเงินเฟ้อหนัก ทำให้อัตราแลกเปลี่ยนแบบฟิกซ์ อยู่ไม่ได้ เพราะเราเปิดเสรีเงินตราแล้วนี่ แรงกระทบจึงเกิดขึ้นแบบไม่มีอะไรเป็นรั้วกั้น
เมื่ออัตรแลกเปลี่ยนโดยแท้จริงเคลื่อนตัวจากอัตราฟิกซ์ นี่คือช่องที่เขาทำกำไรส่วนต่างได้อย่างมหาศาล บทเรียนที่ผ่านมา เราล้มละลายครับ
หลวงตามาช่วยไว้ สาธุ
ทีนี้ เหตุการณ์ผ่านมา จีนเริ่มเข้มแข็ง เข้มแข็งอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่เมกา โดนผลกรรมย้อนกลับ ฟุ่มเฟือย ไม่ทำงาน เอาแต่เล่นหุ้น ลงในหน่วยลงทุน สำรวย เอาแต่สุขสบาย
เจ๊งกระบ๊งครับ และด้วยเงินตราโลกและโลกาภิวัฒน์ เชื่อมเข้าหากัน เมกาหลอกโลกไม่ได้อีก เงินดอลลาร์ขาดความเชื่อมั่น
ผลคือ ชาติที่มีทุนสำรองเงินตราเป็นทองคำค้ำสกุลเงิน เริ่มหามาตรการควบคุมเงินตรา(เขาไม่บ้าบอเปิดเสรีแบบเราในอดีต) เพื่อหลีกเลื่ยง การเอาเงินกงเต็ก มาแลกเงินทุนที่มีทองคำหนุนของประเทศตน
ผลที่เกิดขึ้นคือ กลุ่มประเทศต่างๆ เริ่มกลับมาเป็นเจ้าหนี้เมกา เมกาติดหนี้บักโกรก
วิธีแก้ของเมกาใช้วิธีนี้
ส่งเงินดอลลาร์ไปลงทุนในประเทศต่างๆขนานใหญ่ โดยหวังเอากำไรจากตลาดหุ้นและอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อเอาสกุลเงินที่มีค่ามีทองคำค้ำประกันกลับประเทศเมกา
จะเห็นว่า ดอกเบี้ยเงินกู้ในเมกาต่ำมากๆ นั่นคือส่งเสริมเงินที่แทบจะเป็นกงเต็ก ไม่ให้มีต้นทุนและออกไปหากำไรบ้านอื่น
ด้วยความที่เมกามีหนี้มากมายมหาศาล เขาใช้วิธีลดหนี้นะครับ โดยการทำให้เงินท่วมระบบ และลดดอกเบี้ย นั่นคือ หากมีหนี้สักล้านดอลล์ มีค่าเท่ากับอาหารการกินได้สัก 1 ปี
ก็ทำให้เงินหนี้หนึ่งล้านนั้น มีค่าเท่ากับอาหารการกิน 1 เดือน(อธิบายเปรียบเทียบ) นั่นคือการทำให้เงินเฟ้อหนักๆ ท่วมตลาด ทำให้หนี้เก่าดูเล็ก เมื่อเทียบกับสภาวะเงินในอนาคต เงินเฟ้อหนักๆน่ะ
หนี้ดูเหมือนไม่ลด แต่จริงๆแล้ว หนี้ลดครับ โดยค่าเงินมันลด เมื่อเทียบกับปัจจัยการดำรงชีพ แต่ก็เจอกับภาวะที่ว่า ปัจจัยดำรงชีพสูงขึ้นตามมาต้องแก้ในระยะต่อไป
ผมกำลังดูว่า เมกาจะทำอย่างไรกับภาวะเงินดอลลาร์ที่อ่อนอย่างมาก หนี้เดิมดูด้อยค่าลงพันธบัตรต่างๆที่เขารับซื้อคืน เงินก็จะเล็กลง แต่การจะกลับมาอู้ฟู่ใหม่ได้ สินค้าต่างๆจะราคาสูงขึ้นมาก
แต่เขาจะแคร์ทำไม เขาสามารถเล่นเกมการเงินแบบใดก็ได้ เงินไม่ต้องเอาอะไรค้ำ จะชักดาบเมื่อไหร่ก็ได้ จะออกมาตรการกีดกันทางกม. ป้องกันคนต่างชาติกลับมาซื้อสินทรัพย์ต่างๆก็ทำได้
เช่น การที่เขาไม่ยอมขายสินทรัพย์ชั้นดีเช่น ยูโนแคลให้กับจีน
ไทยเราต้องระวังนะครับ การค้าขายในระบบเงินตรา ตอนนี้เริ่มมีมาตรการป้องกันตัวแล้ว ดีครับ
จริงๆ อยากให้ระงับการเปิดซื้อขายเงินตราในตปท. และ ค่อยๆทะยอยรับซื้อเงินสกุลบาทไทยกลับประเทศได้แล้ว อย่าเอาไปผูกพันกับแบงก์กงเต็กนานเลยครับ
เดี๋ยวเวลาเผาจริง ขึ้นมา จะใช้ประโยชน์ได้ ก็ต้องเป็นวิญญาณเท่านั้น
คนที่ทำบุญกับหลวงตา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น