WHO พบคนในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ เสียชีวิตจากอุบัติเหตุพุ่ง 5,340 คน ต่อวันเฉลี่ยตาย 222 คนต่อชั่วโมง เร่งหาทางแก้
วันนี้ (10 ก.ย.) ในการประชุม คณะกรรมการบริหารองค์การอนามัยโลก (WHO) ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สมัยที่ ๖๓ ณ กรุงเทพมหานคร นพ.สำลี เปลี่ยนบางช้าง ผู้ อำนวยการองค์การอนามัยโลกภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า ที่ประชุมได้หารือในเรื่องของการป้องกันการบาดเจ็บและส่งเสริมความปลอดภัย เนื่องจากมีรายงานที่พบว่าประชาชนจำนวน 5,340 คน ได้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุในประเทศสมาชิกขององค์การอนามัยโลกในภูมิภาค เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนที่มากที่สุดของการเสียชีวิตและพิการที่เกี่ยวกับ อุบัติเหตุในระดับนานาชาติ คิดเป็นอัตราการตายเฉลี่ย 222 คนในทุกๆ ชั่วโมง ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากอุบัติเหตุทางท้องถนน ซึ่งในที่นี้การบาดเจ็บและเสียชีวิตจากจักรยานยนต์เป็นข้อกังวลหลักใน ภูมิภาคนี้ โดยพบว่า เด็กประมาณ 40 คนเสียชีวิตจากการบาดเจ็บซึ่งรวมถึงการจมน้ำ การบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางท้องถนน การตกจากที่สูง และแผลที่เกิดจากการเผาไหม้ซึ่งสูงเป็นอันดับสองรองจากภูมิภาคแอฟริกา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แถลงการณ์ ของ WHO พบว่า การฆ่าตัวตาย และการกระทำความรุนแรงต่อผู้อื่นเป็นสาเหตุที่สาคัญในภูมิภาคนี้ที่ต้องการ คำมั่นสัญญาทางการเมือง การเศรษฐกิจ และการเทคนิคในการป้องกันการสูญเสียจากสาเหตุเหล่านั้น ดังนั้น ทุกประเทศในภูมิภาคนี้ จึงต้องจัดการกับปัญหาการบาดเจ็บที่เพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็วจะต้องทำให้ แข็งแกร่งขึ้น การป้องกันการบาดเจ็บและการส่งเสริมความปลอดภัยควร เป็นส่วนหนึ่งของสถาบัน และหน่วยงานที่กำกับด้านการบาดเจ็บต้องจัดตั้งที่กระทรวงสาธารณสุขของแต่ละ ประเทศ เพื่อที่จะทำงานป้องกันการบาดเจ็บพร้อมทั้งประสานงานกับหน่วยงานอื่นๆ ซึ่งในปัจจุบันระบบที่ใช้ในการรักษาภาวะการบาดเจ็บเฉียบพลันในประเทศส่วน ใหญ่ยังมีไม่เพียงพอ
ทั้งนี้ กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันการบาดเจ็บในประเทศต่างๆ ต้องประกาศใช้ และต้องมั่นใจว่า มีการบังคับใช้กฎหมายเหล่านั้นได้ดี การรักษา และบริการภาวะการบาดเจ็บเฉียบพลันในระดับชาติและระดับท้องถิ่นจำเป็นต้อง เข้มแข็งเพื่อมั่นใจถึงบริการที่มีการรักษาที่มีประสิทธิภาพและระบบฟื้นฟู สมรรถภาพซึ่งการจะทำได้นั้นจะต้องอาศัยความร่วมมือจากภาคเอกชน และหน่วยงานประชาสังคม (Civil Society) องค์การอนามัยโลกร่วมมือกับประเทศสมาชิกเพื่อพัฒนาระบบข้อมูลการบาดเจ็บ ระดับชาติให้เข้มแข็ง ซึ่งรวมถึงระบบเฝ้าระวังการบาดเจ็บ ระบบข้อมูลข่าวสารและระบบทะเบียนการแจ้งเกิดและตาย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น