ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - “กรมทรัพย์” ลุยโคราชเร่งให้ความรู้ กม.คุ้มครองซากดึกดำบรรพ์ กระตุ้น ปชช.ตระหนักถึงความสำคัญซากดึกดำบรรพ์แหล่งศึกษาประวัติโลก และเป็นมรดกของแผ่นดิน สั่งจับตาแก๊งค้าซากตลาดมืดพบดำเนินการตาม กม.ขั้นเด็ดขาด พร้อมดึงท้องถิ่นร่วมอนุรักษ์และป้องกันการทำลาย ระบุโคราชเป็นแหล่งหลากหลายของซากดึกดำบรรพ์และค้นพบซากช้างโบราณแหล่งใหญ่ สุดของไทย
วันนี้ (9 ก.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น.ที่ห้องอรพิม โรงแรมสีมาธานี อ.เมือง จ.นครราชสีมา นาย นพพล ศรีสุข รองอธิบดีกรมทรัพยากรธรณี เป็นประธานเปิดอบรมโครงการพัฒนาและส่งเสริมการให้ความรู้เกี่ยวกับพระราช บัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองซากดึกดำบรรพ์ พ.ศ. 2551 ให้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชนทั่วไปในพื้นที่ จ.นครราชสีมา กว่า 400 คน
ทั้งนี้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่บริหารงานส่วนท้องถิ่น ข้าราชการ และประชาชนทั่วไปมีความรู้ความใจเกี่ยวกับระเบียบกฎหมายดังกล่าว และวิธีการปฏิบัติที่ถูกต้องเมื่อค้นพบซากดึกดำบรรพ์ หรือการมีซากดึกดำบรรพ์ไว้ในครอบครอง การนำเข้าหรือการส่งออก รวมถึงการค้าซากดึกดำบรรพ์ รวมทั้งเป็นการกระตุ้นให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญและคุณค่าของซากดึกดำ บรรพ์ ซึ่งมีความสำคัญในการศึกษาวิจัยประวัติความเป็นมาของโลก เป็นมรดกทางธรรมชาติของแผ่นดิน และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สร้างรายได้ให้กับท้องถิ่น
นาย นพพล ศรีสุข รองอธิบดีกรมทรัพยากรธรณี เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีการค้นพบซากดึกดำบรรพ์ที่สำคัญในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคอีสานถือเป็นแหล่งค้นพบซากดึกดำบรรพ์แหล่งใหญ่ที่สุดใน ประเทศไทย ซึ่งซากดึกดำบรรพ์เหล่านี้มีความสำคัญต่อการศึกษาประวัติความเป็นมาของโลก และสิ่งมีชีวิตบนผืนโลกถือเป็นสมบัติของแผ่นดินที่ควรอนุรักษ์ไว้จึงจำเป็น ต้องมีกฎหมาย เพื่อเป็นกลไกในการควบคุมกำกับดูแลซากดึกดำบรรพ์ไม่ให้ซากดึกดำบรรพ์ถูก ทำลายหรือขุดค้นโดยไม่ถูกหลักวิชาการ หรือนำไปเพื่อประโยชน์ทางการค้าทำให้สูญเสียมรดกของแผ่นดินที่มีคุณค่า และเพื่อให้การบริหารจัดการซากดึกดำบรรพ์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
การจัดอบรมครั้งนี้มุ่งหวังให้ผู้เข้ารับการอบรมได้มีความรู้ความใจ ที่ถูกต้องเกี่ยวกับพ.ร.บ.คุ้มครองซากดึกดำบรรพ์ พ.ศ.2551 เนื่องจากนครราชสีมา เป็นจังหวัดที่มีการค้นพบซากดึกดำบรรพ์หลายแห่งในพื้นที่ จึงต้องเผยแพร่องค์ความรู้ให้กับประชาชน
นายนพพลกล่าวอีกว่า กฎหมายคุ้มครองซากดึกดำบรรพ์ถือเป็นกฎหมายใหม่ที่ประชาชนมีความรู้น้อยมาก และยังไม่เป็นที่แพร่หลาย ฉะนั้น กรมทรัพย์จึงต้องเร่งให้ความรู้แก่ประชาชนโดยเฉพาะผู้นำองค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่นที่จะนำไปเผยแพร่ต่อให้กับประชาชนในพื้นที่ได้เข้าใจ และให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตามกฎหมายฉบับนี้ เนื่องจากปัญหาที่ผ่านมาคือ ด้วยความไม่รู้ประชาชนบางส่วนก็ทำลายซากดึกดำบรรพ์ ไม่เห็นคุณค่า หรือครอบครองเอาไว้ รวมถึงนำไปซื้อขายซากดึกดำบรรพ์ในตลาดมืด ซึ่งเรื่องนี้เจ้าหน้าที่กำลังติดตามจับตาอยู่ หากพบจะต้องดำเนินตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด
อย่างไรก็ตาม หากประชาชนค้นพบซากดึกดำบรรพ์ ตามกฎหมายแล้วต้องรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ของกรมทรัพยากรธรณีภายใน 7 วัน เพื่อเจ้าหน้าที่จะได้เข้าไปตรวจสอบและเก็บรักษาไว้ให้เป็นสมบัติของชาติต่อ ไป
ส่วนกรณีที่มีการค้นพบซากดึกดำบรรพ์ไดโนเสาร์แหล่งใหม่ที่ อ.ภูกระดึง จ.เลย อายุราว 209 ล้านปี จำนวน 5 แหล่งนั้น ล่าสุดได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นไดโนเสาร์สายพันธุ์ใด ชนิดใด ขนาดใหญ่เพียงใด คาดว่าจะใช้เวลาอีกสักระยะจึงจะทราบได้อย่างชัดเจน
สำหรับ จ.นครราชสีมา ถือเป็นจังหวัดที่มีความหลายหลายทางซากดึกดำบรรพ์ โดยมีการขุดค้นพบซากสัตว์ดึกดำบรรพ์จำนวนมาก เช่น ช้างโบราณสเตโกดอน, วัว-ควายโบราณ, เก้ง-กวางโบราณ, หมาป่าไฮยีนา ,ตะโขงโบราณ, เต่า-ตะพาบน้ำโบราณ, ปลาโบราณ, พืชโบราณ, ช้างงาจอบ, ไดโนเสาร์, เอลป์ ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของมนุษย์ และไม้กลายเป็นหิน
“ที่สำคัญ โคราชถือเป็นแหล่งขุดค้นซากดึกดำบรรพ์ช้าง แห่งเดียวและแห่งใหญ่ที่สุดในประเทศ โดยมีช้างโบราณหลายสายพันธุ์ หากประชาชนไม่มีความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายที่จะมาคุ้มครองก็จะทำให้ซากดึกดำ บรรพ์เหล่านี้เสียหายหรือสูญหายได้” นายนพพลกล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น