มข.สุด มั่น จับมือรัฐบาลญี่ปุ่นเปิดตัวโครงการการพัฒนาระบบอนุรักษ์พลังงานสำหรับอาคาร มั่นใจประกาศตัวเป็นต้นแบบมหาวิทยาลัยประหยัดพลังงาน
ศ.ดร.กนก วงษ์ตระหง่าน ประธาน คณะกรรมการนโยบายการจัดการพลังงานของมหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) เปิดเผยว่า มหาวิทยาลัยขอนแก่น จับมือกับรัฐบาลประเทศญี่ปุ่น เปิดตัวโครงการ
“การพัฒนาระบบอนุรักษ์พลังงานสำหรับอาคาร (โครงการตัวอย่างในมหาวิทยาลัยขอนแก่น)” สุดยอดปฏิบัติการเพื่อลดการใช้พลังงานภายในพื้นที่อาคาร โดยมีเป้าหมายลดการใช้พลังงานอย่างน้อย 10% เพื่อพัฒนามหาวิทยาลัยขอนแก่นไปสู่การเป็น มหาวิทยาลัยอนุรักษ์พลังงาน และพร้อมนำร่องเป็นสถาบันต้นแบบด้านการอนุรักษ์พลังงานแห่งแรกของไทย และขยายผลไปสู่การอนุรักษ์พลังงานในระดับประเทศต่อไป
ศ.ดร.กนก กล่าวถึงที่มาของโครงการว่า มหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความประสงค์ที่จะพัฒนาระบบการอนุรักษ์พลังงานในมหาวิทยาลัยขอนแก่นอย่าง ยั่งยืน จึงได้เสนอโครงการ การพัฒนาระบบอนุรักษ์พลังงานสำหรับอาคาร(โครงการตัวอย่างในมหาวิทยาลัย ขอนแก่น) ภายใต้โครงการอนุรักษ์พลังงานและพิทักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Partnership Program : GPP) ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างรัฐบาลญี่ปุ่น โดย Ministry of Economy, Trade, and Industry (METI) และรัฐบาลไทย โดยกระทรวง อุตสาหกรรม เพื่อให้มหาวิทยาลัยขอนแก่น ดำเนินการอนุรักษ์พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน และเป็นต้นแบบของการอนุรักษ์พลังงานในมหาวิทยาลัย โดยมีเป้าหมายเพื่อผลักดันให้เป็นโครงการตัวอย่าง (Showcase)
ด้านการจัดการพลังงานที่เหมาะสมสำหรับอาคารในมหาวิทยาลัย โดยการพัฒนาสมรรถนะของบุคลากรผู้รับผิดชอบ การใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม และ จัดทำคู่มือสำหรับการจัดการพลังงาน และคู่มือการตรวจวิเคราะห์การใช้พลังงาน สำหรับอาคารในมหาวิทยาลัยขอนแก่น และนำไปสู่การอนุรักษ์พลังงานอย่างยั่งยืนต่อไป โดยมีระยะเวลาในการดำเนินการทั้งสิ้น 2 ปี ระหว่างเดือนกันยายน 2553 - สิงหาคม 2554
“หาก การดำเนินการได้ผลดี จะสามารถนำไปขยายผลใช้กับมหาวิทยาลัยอื่นๆ ในประเทศไทยต่อไป โดยมหาวิทยาลัยขอนแก่นมีแผนที่จะต่อยอดโครงการนี้ โดยการจัดสัมมนาให้แก่ผู้บริหารและบุคลากรระดับปฏิบัติการของมหาวิทยาลัย อื่น จัดการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการด้านการอนุรักษ์พลังงานให้แก่ผู้รับผิดชอบด้าน พลังงานของมหาวิทยาลัยอื่นๆและจัดทำเทคนิคการตรวจวิเคราะห์การใช้พลังงานและ รายงานผลการดำเนินการอนุรักษ์พลังงาน โดยผ่านทางเว็บไซต์ เพื่อเป็นกรณีศึกษาและเป็นข้อมูลสำหรับผู้สนใจต่อไป”ศ.ดร.กนก กล่าวทิ้งท้าย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น