++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันเสาร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2548

..ศึกไม้คาน..


บัดเดี๋ยวดังหง่าวเหง่งวังเวงหวีด
มีเสียงกรีดร้องลากกระชากเสียง
คุ้นคุ้นถ้อยร้อยคำในสำเนียง
ที่ปร้างเปรี้ยงอึกทึกกึกก้องมา

เห็นตำรวจกวดไล่ขวักไขว่มาก
ฉุดกระชากลากทึ้งลงดึงขา
ขาของใครไหนนั้นยันออกมา
ตีนเต็มหน้าตำรวจที่กวดตาม

ตำรวจไทยใจหาญชำนาญนัก
พอตั้งหลักได้เสร็จไม่เข็ดขาม
กระโจนสวบรวบขาพยายาม
หมายจะหามเจ้าของขามาโรงพัก

ใช่เพียงขาทว่าดีมาตีนด้วย
แถมเป็นมวยแบบจีนซึ่งตีนหนัก
เจอลูกส้นคนหนึ่งเลยถึงชัก
ต้องถอยหลักตั้งหลักเพื่อซักซ้อม

ตีม้าล่อรอศึกเร่งปรึกษา
จะหลบตีนรวบขาต้องวิ่งอ้อม
พอเฮ เอ้า เราทั้งหมดกำหนดพร้อม
วิ่งเข้าล้อมพร้อมกันจับมันไว้

คนที่หนึ่งดึงให้ได้สายสาแหรก
คนที่สองเร่งแหกสาแหรกใหญ่
คนที่สามตามมาอย่าช้าใย
จับมันใส่สาแหรกที่แหกรอ

ไม้คานฤทธิ์พิษร้ายมันหมายหัว
ไม่ต้องกลัวแต่ระวังไว้มั่งหนอ
ดึงปิดหัวตัวได้อาจไม่พอ
มันหวดกอดะเจ้าจะเศร้าใจ

เฮเอ้าเราเอาละหวาไม่ช้าอยู่
ทั้งฝูงกรูหมู่ตำรวจกวดเข้าไล่
ตามแผนศึกปรึกษาว่ากันไว้
เหมือนหมาไนล้อมเนื้อเป็นเหยื่อกิน

พอเหนี่ยวได้สายสาแหรกเสียงแหกปาก
กวีวากย์เซลงกลอนอักษรศิลป์
เรียงร้อยลักษณ์อักษราทิพย์วาทิน
บทกวินทร์จึงบรรเลงเพลงกวี

ไอ้ห้าร้อยห้อยจ๊อไอ้พ่อหมา
ลูกอีหอยร้อยห้าไอ้หน้าหมี
หาเลี้ยงท้องของกูอยู่ดีดี
ไอ้หน้าฝีมะม่วงไอ้ป่วงลง

ลูกอีช้างถ่างขาหมาเขย่ง
อีติดเก้งเกยแห้งอีแร้งหลง
ดอกมะลิอหิวาต์ไอ้ห่าดง
อีเท่งมงโม่งมงอีเท่งทึง

สำเร็จหมดบทกวีศรีภาษา
ผู้พรรณนาคำคมก็ล้มผลึง
ตำรวจไทยใจกล้าจับขาดึง
แล้วลากทึ้งกวีไทยไปโรงพัก

อนิจจาน่าอนาถกระจาดคว่ำ
ตาชึ่งช้ำอยู่ริมท่อเข็มงอหัก
อีกทั้งไม้คานทองเป็นของรัก
เขาก็ชักฉุกกระชากพรากเอาไป

แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจฤาษี
พวกโยคีใจเสือเชื่อไม่ได้
มีหรือคหบดีเศรษฐีใด
ที่เห็นใจคนจนคนไม่มี

จงไปชิงไม้คานจากมารเถิด
จะประเสริฐสมรักเป็นศักดิ์ศรี
สิ้นไม้คานก็ปานสิ้นซึ่งอินทรีย์
จะมีขี้อยู่ในไส้อย่างไรเอย

"วาณิช จรุงกิจอนันต์"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น