Theขี้ฝุ่นริมทาง
วันพุธที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2557
เลือกมองด้านไหน จึงจะดีแก่ตัวเองและผู้อื่น?
การชื่นชมผู้อื่นนั้นสามารถเสริมสร้างกำลังใจให้เขาทำความดีได้ แต่ทุกวันนี้คนส่วนใหญ่ถนัดตำหนิและเก่งในการวิพากษ์วิจารณ์มากกว่า หากมองหาข้อผิดพลาดของคนอื่นได้มากเท่าไร ก็จะรู้สึกภาคภูมิใจว่าตนเก่ง กลายเป็นการเสริมอัตตาของตนมากกว่าที่จะช่วยผู้อื่นให้ดีขึ้น
หนักกว่านั้นก็คือตำหนิเพราะมุ่งหมายทำร้ายจิตใจของผู้อื่น แต่ในที่สุดผลร้ายนั้นก็จะย้อนกลับมาที่ตัวเอง คือ กลายเป็นคนมองแต่ในแง่ลบ หนักเข้าก็มองตัวเองในแง่ลบด้วย เจออะไรก็ไม่เคยพอใจ เพราะเห็นข้อเสียตลอด ทั้ง ๆ ที่ข้อดีก็มีอยู่มากมาย แต่มองไม่เห็น เปรียบเสมือนคนที่เห็นแต่รอยด่างเล็ก ๆ ของผืนผ้า ทั้ง ๆ ที่ส่วนใหญ่นั้นขาวสะอาด
ในทางตรงข้าม การมองเห็นแง่ดีของคนอื่นอยู่เสมอ ทำให้จิตใจฉับไวต่อด้านดีของสิ่งต่าง ๆ เจออุปสรรคหรือความยากลำบาก ก็เห็นข้อดีของมัน ไม่เอาแต่บ่น เมื่อเจ็บป่วยก็ไม่ตีโพยตีพาย เพราะเห็นประโยชน์ของมัน ในยามประสบกับสิ่งที่ไม่น่ายินดี ก็ไม่ทุกข์ เพราะใจยังมองเห็นสิ่งดี ๆ ที่มีอยู่
อาสาสมัครของฉือจี้คนหนึ่งถูกโกงเงินถึง ๖๐ ล้าน ทีแรกก็ทุกข์มาก แต่ไม่นานก็ปล่อยวางได้เพราะเขามาได้คิดว่า ยังมีข้าวสวยหอมกรุ่นกินทุกวัน ทุกคืนยังได้นอนบ้านที่อบอุ่น เขาจึงรู้สึกขอบคุณชีวิตที่มอบสิ่งดี ๆ ให้แก่เขา ความสูญเสียทำอะไรเขาไม่ได้ เพราะจิตใจของเขาฉลาดในการมองเห็นด้านดีของชีวิต ความฉลาดดังกล่าวเกิดขึ้นได้ก็เพราะถูกฝึกให้มองเห็นด้านดีของผู้คนอยู่เสมอ
หากคุณเป็นคนชอบวิจารณ์ ก่อนที่จะตำหนิใคร ลองถามตัวเองดูว่า เขาทำอะไรได้ดีบ้าง ถ้าคุณมองไม่เห็นเลย นั่นอาจเป็นความบกพร่องของคุณมากกว่าที่จะเป็นความบกพร่องของเขา ในกรณีเช่นนี้คุณควรตั้งใจมองด้านบวกให้มากขึ้น การตั้งกติกาให้ตัวเองว่า ทุก ๑ คำตำหนิต้องมาพร้อมกับ ๒ คำชม เป็นวิธีฝึกฝนตนเองให้ฉับไวในการมองเห็นข้อดีและรู้จักชื่นชมชีวิต
พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น