++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพฤหัสบดีที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2557

เครียดที่พ่อแม่ไม่มีเหตุผล..เป็นโรคกระเพาะ!!

เรื่องที่ไม่ควรใช้เหตุผล....
@ เครียดที่พ่อแม่ไม่มีเหตุผล..เป็นโรคกระเพาะ!!
วันนี้ มีคนไข้หญิงอายุ 30ปีเศษ มารักษา คุณพ่ออายุ60กว่า มาส่ง..
พ่อเคยทำงานที่องค์การบริหารส่วนท้องถิ่นในเชียงใหม่
หลังเกษียณแล้วก็มาอยู่บ้านที่สารภี มีลูกสาวคนเดียวคือคนไข้ ซึ่งได้งานที่เดียวกับคุณพ่อ
โชคร้ายที่บุตรสาวป่วยด้วยโรคเบาหวานและต่อมาไตวาย ต้องฟอกไต ตั้งแต่อายุน้อยๆ...
ทุกวันนี้ ฟอกไต2ครั้งต่อสัปดาห์ แต่ ปัญหาค่าใช้จ่ายการรักษาพยาบาล ไม่มีเพราะหน่วยงานต้นสังกัดดูแลเป็นอย่างดี..
จากสีหน้าท่าทางที่มาวันนี้ พร้อมกับอาการปวดจุกแน่นท้อง อันเป็นอาการที่พาผู้ป่วยไปรักษายังสถานบริการต่างๆมากแห่ง นานนับ5ปี ทั้ง คลินิก ร.พ. ชุมชน(รวมสารภีด้วย). รพ. จังหวัดและ รพ. มหาวิทยาลัย ได้รับการตรวจพิเศษทั้งการส่องกล้อง อัลตร้าซาวน์และเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ แต่ก็ไม่พบพยาธิสภาพร้ายแรงใดๆ
สอบถามความเป็นอยู่ก็ทราบว่า ครอบครัวอยู่กัน3คนพ่อแม่และลูก อาจจะด้วยความเป็นลูกสาวคนเดียวทั้งพ่อและแม่จึงดูแลเอาใจใส่ ถามไถ่ และอาจจ้ำจี้จ้ำไช จู้จี้จุกจิกกับลูก ยิ่งช่วงเป็นเบาหวานและมีไตวายด้วย ...ผลจึงนำพาให้คนไข้เครียด ..ด้วยคำพูดว่า" เครียดลึกซึ้งจนอธิบายคุณหมอไม่ได้..."
คุณพ่อที่นั่งฟังข้างๆ ฟังการสนทนาไป แลดูเห็นแกยิ้มๆ ถามว่ามีอะไรจะให้หมอช่วยไหม คุณพ่อพูดไม่ออก ... พอดีลูกสาวขออนุญาตไปล้วงคออาเจียนก่อนในห้องน้ำ เลยได้โอกาสสอบถามพ่อว่าเป็นอย่างไร มีหนี้สินอะไรไหม คุณพ่อบอกว่า"ไม่มีหนี้ครับ ปัญหาหยิบย่อยครับหมอ...เฮ่อ กู้คนต่างก็เอาตัวเก่าเป็นที่ตั้ง " ลูกก่อย่อย แม่ก่อย่อย เป๋นกั๋นหมดครับ"(ทุกคนเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง ลูกก็เรื่องมาก แม่ก็เรื่องมาก เป็นกันหมด)...
จังหวะที่ลูกกลับเข้ามาพอดี เลยสอบถามว่า แม่จุกจิกอะไร แกบอกว่าแม่ไม่มีเหตุผล อยากว่าอะไรก็ว่า อยากทำอะไรก็ทำ ไม่ฟังใคร แม้เรื่องที่ไม่ควรว่าก็ว่า ...(สีหน้าเริ่มเครียด ทำท่าผะอืดผะอมจะอาเจียนอีกรอบ) เลยรีบให้ไปห้องฉุกเฉินเพื่อ ให้ยาแก้ท้องอืดและอาเจียนก่อนที่แกจะเป็นมากขึ้น..ก่อนรับใบสั่งยาก็บอกไปเผินๆว่า.... หลายครั้งที่คนเป็นพ่อเป็นแม่จะให้อะไรสักอย่างกับลูก ก็ไม่เคยมีเหตุผล เช่นไปงานวัด เห็นของเล่นก็ซื้อมาเลย ทั้งๆที่ลูกก็ไม่เคยขอ หลายคราวที่พ่อแม่สังเกตว่าเราชอบทานอะไร พอรู้ว่าวันนี้ลูกจะกลับบ้าน ท่านก็ทำไว้รอ ทั้งๆที่บางครั้งลูกก็ห้ามแล้วว่าจะซื้อมาทานเอง หลายคนที่ทำผิดในสิ่งที่คนในสังคมยากจะให้อภัยเช่นเสพยาเสพติดหรือฆ่าคนตาย พ่อแม่เท่านั้นที่ยังเหลือความรักความเมตตาอยู่ในก้นบึ้งลึกๆของใจ และตรงข้าม สิ่งที่พ่อแม่ห้ามเช่น อย่ากลับค่ำนะ แม่เป็นห่วง เราก็ไม่เคยใช้ความเป็นห่วงของท่านเป็นเหตุผลบอกเพื่อนที่ไปด้วยกันว่าต้องกลับแล้ว พ่อแม่สั่งไว้...เป็นเบาหวานแต่อายุน้อย คงทานอะไรหวานๆประจำ คุมน้ำตาลไม่ได้ ไขมันสูง ตาไตเท้า เสียหายก่อนเวลาอันควร แถมเป็นลูกคนเดียว. ท่านคงหวังพึ่งพาตอนแก่ชราด้วย..คงไม่มีพ่อแม่คนไหนที่จะเพิกเฉย ไม่ดูแลเอาใจใส่ลูกของท่าน....ถ้าเข้าใจท่าน เราก็ควรลดการใช้เหตุผลและข้ออ้างของเราต่อท่านนะ ลองใช้ความรู้สึกรักท่าน เข้าใจท่าน รับรู้ถึงพลังแห่งรักและเมตตาของท่าน นอกจากจะทำให้ท่านสบายใจ เราก็คงจะไม่ขัดแย้งในใจ จนเจ็บป่วยไม่สบาย ด้วยอาการที่หมอเรียกว่า โรคทางกายที่มีสาเหตุมาจากทางใจหรอกนะ(Psychosomatic Disorder)"...
พ่อรับใบสั่งยา รีบไปเอายาอย่างเป็นห่วงลูกของตนเอง ในขณะที่คนไข้นั่งรถเข็นไปพร้อมกับพนักงานเปลไปรอฉีดยาที่ห้องฉีดยา...
มีสิ่งที่นอกเหตุเหนือผลอยู่หลายอย่าง ในจำนวนสิ่งเหล่านั้นมีสิ่งหนึ่งที่กำกับใจของมนุษย์เสมอและเป็นความดีที่พึงน้อมรับไว้เสมอๆ สิ่งนั้นเป็นคุณธรรมที่หาได้ยากในเหล่าปุถุชนที่มีต่อกัน แต่มีในใจของพ่อแม่ที่มีต่อลูกเสมอ สิ่งนั้นเรียกว่า ความรักความเมตตา และถ้าปรากฎอยู่ในใจของลูก เรียกว่าความรักความกตัญญู ทั้งสองคุณธรรม จะไม่ต้องอาศัยเหตุผลมาอธิบายในวิถีการให้ทุกๆอย่างแก่กันและกัน ไม่ว่าจะแพงไป ให้มากไป ให้บ่อยไป ก็ไม่ปรากฎ ...ถ้าพ่อแม่คิดจะให้ลูกหรือถ้าลูกคิดจะตอบแทนพระคุณพ่อแม่...
ครอบครัวใด ดำรงชีวิตร่วมกันด้วยการใช้เหตุผลใส่กันอย่างเดียว คงอยู่ยาก เพราะมิติของครอบครัวเป็นมิติแห่งความรักความเมตตาอันอยู่นอกเหตุ เหนือผล. อันจะนำไปสู่การให้อภัยต่อกันได้ง่ายๆ นั่นเอง..
ข้อคิดวันนี้คือ ลองมาฝึกการใช้ความรู้สึกรักเมตตา กตัญญูรู้คุณให้อยู่นอกเหตุเหนือผลกันให้มากกันเถอะ...(เหตุผลก็ควรใช้บ้าง หลายครั้งก็จำเป็น แต่ควรรับรู้ รู้สึกในมิติใจกันมากๆ)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น