ตอนเกิดในท้องมารดา เป็น "ทวิเหตุกบุคคล"
ชาตินี้จะฟังยังไง ? นานแค่ไหน ? แบบไหน ?
ก็ไม่สามารถจะบรรุลธรรมอะไรใดๆทั้งสิ้น
การจะบรรลุธรรมในชาตินี้ จึง "เป็นไปไม่ได้"
ผู้ที่เกิดเป็นมนุษย์ที่ไม่พิการแต่กำเนิดนั้น
ล้วนเกิดมาต่าง ๆ กันโดย "สกุล ยศศักดิ์ บริวาร"
เพราะ "กุศลวิบาก" ที่ทำกิจ "ปฏิสนธิ" นั้นต่างกัน
ตามกำลังของ "กุศลกรรม" ซึ่งเป็น "เหตุ"
ถ้า "ปฏิสนธิจิต" เป็น "ผล" ของ "กุศลกรรม"
ที่ไม่มีปัญญาเจตสิกเกิดร่วมด้วย
ปฏิสนธิจิตที่เป็นกุศลวิบากนั้น
ก็เกิดร่วมกับโสภณเจตสิกและเหตุ ๒ คือ..
"อโลภเจตสิก" และ "อโทสเจตสิก"
เป็น "ทวิเหตุกบุคคล"
คือ เป็นบุคคลที่ "ปฏิสนธิจิต"
(ตอนเกิดในท้องมารดา)
ไม่มีปัญญาเจตสิกเกิดร่วมด้วย
บุคคลนั้นจึงไม่สามารถบรรลุฌาน
หรือ "โลกุตตรธรรม" ในชาตินั้นๆ
(ไม่สามารถจะบรรุลธรรม)
--------------------------------------------------------------------------------------------
ฟังเพลง บรรลุธรรม
แนวทางของการบรรลุธรรมมี ๓ แนวทางตามแนวที่ปรากฏในคัมภีร์ คือ
๑.บรรลุธรรมเพราะได้ฟัง
๒.บรรลุธรรมเพราะได้คิด
๓.บรรลุธรรมเพราะได้ปฏิบัติ
ขอกล่าวเฉพาะประเด็นแรกก่อน
คราวก่อนได้ยกตัวอย่างพระอัครสาวกว่า ได้บรรลุธรรมขั้นโสดาบันเพราะการฟัง เป็นที่น่าสังเกตว่า เฉพาะการฟังอย่างเดียวสามารถส่งผลให้ผู้ฟังได้บรรลุธรรมถึงขั้นอรหัตผลนั้น มีตัวอย่างให้เห็นมากมาย เอาที่เราคุ้นเคยมากที่สุดก็เห็นจะเป็นปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ ซึ่งทั้งหมดนี้ได้บรรลุอรหัตต์เพราะฟังธรรมเทศนาชื่ออนัตตลักขณสูตรจากพระพุทธเจ้า
การบรรลุธรรมที่เกิดขึ้นจากการฟังนี้ หากจะพิจารณากรณีตัวอย่างโดยละเอียดจะเห็นว่า จะบรรลุธรรมขั้นใดขึ้นอยู่กับพื้นเพอุปนิสัยเดิมของผู้นั้นเป็นสำคัญ บางท่านฟังแล้วบรรลุขั้นโสดาบัน บางท่านได้สกทาคามี อนาคามี หรือบางท่านก็ก้าวกระโดดบรรลุขั้นพระอรหันต์เลยก็มี
การได้ฟังธรรม แล้วได้บรรลุธรรมในระดับต่างๆ จึงไม่ใช่เรื่องแปลก
ในอรรถกถามังคลัตถทีปนีจึงกล่าวไว้ว่า “การฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าแล้วได้บรรลุอรหันต์ ไม่ใช่เรื่องอัศจรรย์”
ที่ น่าอัศจรรย์คือ แม้แต่เสียงเพลง เสียงขับร้อง ถ้าผู้ฟังรู้จักพิจารณา ไตร่ตรองโดยอุบายอันแยบคายแล้ว ย่อมส่งผลให้ผู้ฟังได้บรรลุธรรมได้เช่นเดียวกัน
ตัวอย่างในพระคัมภีร์มีให้เห็นมากมาย เช่น อุตตรมาณพ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น