++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพุธที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

โจทย์ง่ายๆที่ไม่มีใครอยากแก้


โจทย์ง่ายๆที่ไม่มีใครอยากแก้
 กะว่าก๋า   6 ม.ค. 2013 22:23:11
เขียนโดย : กะว่าก๋า






เคยพบปัญหาเวลาไปซื้ออาหารหรือซื้อของแล้วได้รับการบริการที่ไม่ดีไหมครับ ?
คุณไม่พอใจ คุณโกรธ รำคาญใช่ไหมครับ ?
คุณคิดว่า “เฮ้ย...กูเป็นลูกค้านะ เอาเงินมาให้เอ็งนะโว๊ย”
คุณกำลังมองหาผู้จัดการหรือเจ้าของร้าน

เพื่อตำหนิเด็กเสริฟคนหนึ่งซึ่งบริการคุณอย่างไม่เต็มใจ
คุณอยากวีน อยากด่าให้เขารับรู้ให้ได้ว่า


“ลูกค้าคือคนสำคัญ”





…………………………………






กับร้านกล้วยทอดเจ้าดัง
ซึ่งขึ้นชื่อลือเลื่องมากว่าลูกสาวของเจ้าของร้านนั้น
ปากและคำพูดของแก “มหาภัย” มาก
ลูกค้าคนไหนทำกร่างว่ากูรวย รอไปเถอะ...สิบนาทียังไม่ได้กิน
ขอโทษ...กล้วยทอดต้องรับบัตรคิว คุณเคยเห็นบ้างไหม
มีแต่คนบอกว่าพี่คนนี้ไม่รับลูกค้า พูดจาไม่เพราะ
ทั้งๆที่พ่อกับแม่ก็เป็นคนค้าขายดีมีปิยะวาจา
สนทนาพาทีกับลูกค้าทุกคนเป็นอย่างดี

มันไม่ใช่เป็นการอยากเอาชนะคะคานเพื่อความสะใจ
ผมแค่อยากลองทฤษฎีความเชื่อของตัวเอง
วันนี้ผมขอเข้าไปซื้อกล้วยทอดเองบ้าง
“สวัสดีครับ ผมอยากซื้อกล้วยทอด 15 บาท แล้วก็มัน 15 บาทครับ”

ผมพยายามมองดูร้านของแกให้ทั่ว
พี่สาวมองมาหน้าตาเรียบๆ


“โอ้โห...ร้านทำใหม่สวยมากเลยนะครับ”

ใช่....ผมสังเกตเห็นว่าก่อนสงกรานต์แกหยุดร้านไปหลายวันเพื่อทำร้านใหม่
เพียงแค่ประโยคเดียว

แกหันมามองพร้อม “รอยยิ้ม” ที่ใครหลายคนบอกว่า

ไม่มีทางได้เห็นจาก “นางเสือยิ้มยาก” คนนี้ได้


“สวยแต่ร้านเหรอ แล้วคนขายล่ะ”


“แหม...มันก็ต้องสวยทั้งสองอย่างสิครับ” ผมพูดไปยิ้มไป


หยิบกล้วยทอดไป แกก็เล่าไปว่าทำร้านกี่วัน ซ่อมยังไง
เสร็จเมื่อไหร่.....
ผมจ่ายเงินไป 30 บาท
และรับกล้วยกับมันทอดที่ปริมาณที่เยอะกว่าปกติมา
“ขอบคุณครับ” ผมพูด
“ขอบคุณค่ะ” นี่ก็เป็นประโยคที่คนซื้อไม่ค่อยได้ยินจากปากแก
แล้วผมก็เดินออกมาจากร้านกล้วยทอด
ไม่รู้ล่ะ...ถ้าใครซื้อกล้วยทอดต่อจากผม แล้วไม่เห็นรอยยิ้มของพี่สาวคนนี้
ผมว่าคุณพลาดอะไรดีดีในวันนี้ไปแล้วล่ะ




.....................................






อีกครั้งที่กลับไปเยี่ยมญาติที่ชลบุรี
เป็นธรรมเนียมไปแล้วที่เราต้องแวะทานก๋วยเตี๋ยวเจ้าเก่าแถวบ้าน
ซึ่งขึ้นชื่อลือชาในเรื่องของความ “ไม่เอาลูกค้า” อีกคนหนึ่ง
ญาติผู้ใหญ่ของผมถึงกับออกอาการหงุดหงิด
“ไปกินของมันทำไม เราเอาเงินมาให้แท้ๆ ยังหน้าหงิกหน้างออยู่ได้”
แต่ผมอยากกินมาก เพราะยังจำความอร่อยในวัยเด็กได้อยู่
เข้าไปในร้านตอนแรกแกทำท่าไม่อยากขาย


“มาอีกทีเก้าโมงได้มั้ยเล่า ยังเตรียมของไม่เสร็จ”


ผมพูด “โธ่...ป้าครับ ผมอุตส่าห์ตั้งใจมากินเลยนะครับ
มาตั้งไกลจากเชียงใหม่ เนี่ยพ่อสั่งไว้เลย

ถ้ามาชลบุรีต้องมากินก๋วยเตี๋ยวของป้าให้ได้...ห้ามพลาด”


“บริการเองนะ ยกเสริฟเองนะ ไม่มีคนช่วย” แกว่าแต่หน้ายังเรียบเฉยอยู่


“ครับ” แล้วภรรยากับน้องสาวผมก็ทำน้ำดื่มเอง
ยกก๋วยเตี๋ยวเสริฟกันเอง
“อร่อยสุดยอด” ผมพูดขึ้นมาดังๆ เจตนาให้แกได้ยิน
ไม่ได้ยกยอคนแก่แต่มันอร่อยจริงๆ
ผมแอบเห็นแกยิ้ม.....

นี่เป็นอีกครั้งของการกินก๋วยเตี๋ยวที่อร่อยมากที่สุดมื้อหนึ่งของผม
ไม่ได้อร่อยแค่รสชาติ
แต่ความทรงจำเก่าๆในวัยเด็กของผม ผสมอยู่ในก๋วยเตี๋ยวชามนี้ด้วย

ก่อนออกจากร้าน ผมยืนคุยกับแกสักครู่หนึ่ง
แล้วก็เดินออกมาพร้อมด้วยรอยยิ้มของแก
เจ้าของร้านในวัยเจ็ดสิบกว่า และกิตติศัพท์เลื่องลือในความไม่เอาลูกค้าเป็นอย่างยิ่ง
ผมยกมือสวัสดีและบอกว่า “ปีหน้าจะกลับมาทานอีกนะครับป้า ขอบคุณครับ”
ป้ายิ้มและพูดว่า “ขอบใจจ้า”

เดินออกมาขึ้นนั่งในรถตู้
“ไม่เห็นหน้าบึ้งเลย แกก็ดีออก” ภรรยาผมว่า
ผมยิ้ม....ไม่ได้พูดอะไร


นี่เป็นอีกโจทย์หนึ่งซึ่งผมคิดว่า
มันไม่ได้เป็นโจทย์ที่ยากอะไรเลย
โจทย์ข้อนี้มีชื่อเรียกว่า


“ใจเขาใจเรา” เท่านั้นเอง.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น