ในขณะที่กำลังเคลิบเคลิ้มกับรสหวานปนขมสุดกลมกล่อมจากช็อกโกแลตยี่ห้อโปรดอยู่ดี ๆ อารมณ์สุนทรีย์ก็หายวับไปกับตา
เพราะเหลือบเห็นคราบช็อกโกแลตทั้งวงเล็กวงใหญ่ กระจายตัวไปตามปกคอเสื้อ พื้นที่ว่างระหว่างกระดุมเม็ดที่สาม
บางทีอาจจะไหลลามไปถึงโซฟา พรมปูพื้น กระจกหน้าต่าง หรือตามระยะทางที่มือเปื้อน ๆ ของเราสามารถกวาดไปถึง
และก็แน่นอนว่า เราจะต้องเด้งตัวออกจากเก้าอี้ ไปขยี้ผ้าในห้องน้ำ แทบจะทันที
แต่เดี๋ยวก่อน! ยั้งมือสักนิด แล้วกลับไปนั่งเอนหลังพิงโซฟาให้สบาย พร้อมกับหยิบช็อกโกแลตชิ้นต่อไปขึ้นมาละเลียดต่อ
เพราะนิตยสารฉบับนี้ มีวิธีลบคราบด่างสีน้ำตาลเข้มที่เกิดจากช็อกโกแลตมานำเสนอ ซึ่งหนึ่งในวิธีการดังกล่าวก็ได้แก่ ..
การนั่งรอเวลาให้คราบขนมสุด คลาสสิกนี้แข็งตัวนั่นเอง
(แต่ถ้ารีบหรือใจร้อนให้ถอดเสื้อไปแช่ช่องแข็งในตู้เย็นเพื่อเร่งเวลา)
คราวนี้ พอคราบแข็งตัวได้ที่ ก็เดินไปหยิบไม้บรรทัด พายยางทำขนม หรืออะไรก็ได้
มาขูดที่ รอยเปื้อนอย่างเบามือ เพื่อให้รอยเปื้อนนั้น ออกให้มากที่สุด
เมื่อไม้บรรทัดไม่สามารถขูดเศษช็อกโกแลตออกไปได้มากกว่านี้ ให้หันไปผสมน้ำยาสลายคราบสูตรพิเศษต่อ
โดยคน น้ำยาล้างจานกับไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ (Hydrogen Peroxide) เข้าด้วยกัน
ซึ่งเจ้าไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์นี้ เป็นของเหลวใสไม่มีสี หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปเพราะใช้เป็นยาฆ่าเชื้อโรค
สัดส่วนในการผสมไม่ตายตัว ขึ้นอยู่กับขนาดของรอยเปื้อน
แต่ข้อบังคับคือ ไม่ว่าจะใช้น้ำยาล้างจานปริมาณเท่าไร จะต้องหยดของเหลวใสไปด้วยนิดหนึ่ง
จากนั้น แช่ผ้าในน้ำยาประมาณ 15 นาที เพื่อปล่อยให้น้ำยาล้างจาน คลายคราบช็อกโกแลต
และไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ ขจัดคราบให้หลุดลอก เมื่อครบตามกำหนดเวลา ก็ซักตามปกติ
ถ้ารู้สึกว่า สูตรน้ำยาล้างจานนั้นเข้มข้นไม่สะใจ ลองเปลี่ยนมาใช้ผงเบกกิงโซดา (Baking Soda) แทน
คือตักผงขาว ๆ นี้ใส่ลงไปในไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ แล้วผสมกัน จนมีลักษณะคล้ายแป้งเปียก
ถ้าข้นไปก็ห้ามใส่น้ำลงไปเจือจางอย่างเด็ดขาด เมื่อผสมจนเข้ากันดีแล้ว อย่าลังเลที่จะตักน้ำยาลบคราบโปะลงไปบนรอยเปื้อน
ขัด ๆถู ๆ อีกหน่อยเพื่อให้น้ำยาซึมเข้าเนื้อผ้า ทิ้งไว้อย่างน้อย 10 นาที
จากนั้น ใส่ในเครื่องซักผ้าซักรวม โดยไม่จำเป็น ต้องแยกซักพิเศษอยู่ผืนเดียว
แต่สำหรับวัสดุที่ทำความสะอาดในเครื่องซักผ้าไม่ได้ เช่น พรม เครื่องหนัง ผ้า หรือวัสดุอื่นๆ ที่ใช้ทำเบาะหรือตกแต่งบ้าน
หลังจากทิ้งให้รอยเปื้อนแห้งแข็ง แล้วขูดเป็นที่เรียบร้อย
ให้ใช้วิธี กรอกน้ำยาล้างจานกับไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ ใส่กระป๋องสเปรย์ ฉีดลงบนรอยเปื้อน หรือแค่รินลงไปเฉย ๆ
หากเทน้ำยามากไป ก็แค่ซับ ๆ ส่วนเกินออก แล้วล้างด้วยน้ำสะอาดเฉพาะส่วนที่ถูกน้ำยา หรือพอขูดคราบแห้งกรังเสร็จแล้ว
ให้วางผ้าปูที่นอนเก่า ๆ ที่ไม่ใช่แล้วทับลงไปบนรอยนั้น ถ้าเสียดายผ้าอาจเปลี่ยนเป็นกระดาษชำระหนา ๆ วางทับกันสองชั้นแทนก็ได้
จัดองศาให้ได้ที่ แล้วนาบด้วยเตารีดแบบไม่ใช่ระบบไอน้ำลงไปโดยใช้ความร้อนต่ำสุด
คราบช็อกโกแลต ก็จะย้ายมาติดที่ผ้าปูเตียง หรือกระดาษชำระแทน
ตอนวางเตารีดลงไป ไม่จำเป็นต้องขยับไปขยับมาเหมือนตอนรีดผ้า ให้วางทับไว้เฉยๆ ระวังอย่าให้ความร้อนสูงเกินไปด้วย
เพราะจะทำให้รอยเปื้อนขยายวงออกไป เรียกง่าย ๆ ว่าเละกว่าเดิม ตอนยกเตารีดขึ้น
ถ้ายังเห็นว่า ยังมีคราบอยู่ ก็ให้เปลี่ยนผ้าหรือกระดาษชำระแผ่นใหม่
จากนั้น ก็นาบเตารีดลงไปเหมือนเดิม หากคราบจาง ๆ ยังไม่ยอมสลายตัว ก็อย่าเพิ่งท้อแท้
บีบน้ำยาล้างจานลงไปสัก 1-2 หยด ออกแรงขัด แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
ส่วนพื้นผิวสัมผัสอย่างแก้ว เหล็ก พลาสติก กระเบื้อง สแตนเลสสตีล อะลูมิเนียม ตะกั่ว หยก ทอง ทองแดง และสังกะสี
ถ้าเปื้อนช็อกโกแลต ก็ปล่อยทิ้งไว้ให้แห้งแข็งเช่นเดียวกัน ขูดออกเบา ๆ ด้วยมีดทื่อ ๆ หรืออะไรก็ได้ตามสะดวก
แล้วใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นผสมสบู่ หรือผงซักฟอกจนเป็นฟิง ถูวนไปวนมา ตรงส่วนที่เปื้อน ล้างออกด้วยน้ำสะอาด
จากนั้น ซับให้แห้ง ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
คราวนี้ ก็สามารถทำความฝันให้เป็นจริง ด้วยการหอบกล่องช็อกโกแลตนานาชนิด ขึ้นไปนอนเกลือกกลิ้งบนเตียง ให้สบายอารมณ์
โดยไม่ต้องกลัวว่า จะซักรอยเปื้อนไม่ออกได้เลย
(( จากนิตยสาร Gourmet & Cuisine ))
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น