++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันเสาร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

การเตรียมตัวตายทำอย่างไร

เมื่อเราจะสิ้นใจ เราเตรียมอะไรไม่ได้หรอก ต้องเตรียมกันตั้งแต่ยังตื่นๆอยู่นี่ ส่วนใหญ่ถามเรื่องเทคนิคการเตรียมสิ้นใจ แต่ไม่เข้าใจว่ากระบวนการสิ้นใจแท้ๆนั้น ขณะหัวเลี้ยวหัวต่อจะมีกรรมที่นำไปเกิด เรียกว่า ชนกกรรม โดยมากชนกกรรมเป็นกรรมที่ทำมาเป็นประจำ ทำจนเคยชินเป็นนิสัย อย่างที่เรียกว่า อาจิณณกรรม พูดง่ายๆว่าเคยทำดีมาเป็นนิตย์ ก็ได้ชนกกรรมฝ่ายดีเป็นตัวนำไปเกิด แต่ถ้าเคยทำชั่วมาเป็นนิตย์ ก็ได้ชนกกรรมฝ่ายชั่วเป็นตัวนำไปเกิดแทน ท่านถึงเรียกอาจิณณกรรมอีกอย่างหนึ่งว่า พหุลกรรม โดยที่ พหุล แปลว่าหนาหรือมากนั่นเอง

อาจิณณกรรมของแต่ละคน โดยมากไล่ลำดับความสำคัญลงมา นับแต่อาชีพที่ทำ สิ่งที่ครุ่นคิดเป็นประจำ คำที่พูดอยู่ทุกวัน กิริยาที่แสดงเป็นปกติ รวมแล้วอาจมีหลายหลาก แต่ประมวลแล้ว จะได้ภาพออกมาภาพหนึ่ง คือดีหรือเลว มีน้ำหนักชัดอยู่ ต้องเอียงไปทางใดทางหนึ่ง ที่ช้ำเลือดช้ำหนอง ตรงกลางเป๊ะนั้นไม่มี ฉะนั้น จะเตรียมตาย ไม่ใช่เตรียมตัวจะตั้งท่าตายยังไง แต่ทำตัวเป็นปกติอย่างไรต่างหาก คือที่ทำๆอยู่ทุกวันนี้แหละ คิดยังไง พูดยังไง ทำยังไง เป็นการเตรียมตัวเปลี่ยนภพเปลี่ยนชาติ เปลี่ยนชีวิตทั้งสิ้น

ส่วนการเตรียมการสำทับเข้าไป เช่นระลึกถึงว่า วันหนึ่งเราจะต้องตาย ตอนนอนก็ได้ ทอดกายไปนิ่งๆ รู้สึกว่าตอนเข้าโลง มันก็อยู่ในอาการนี้ แล้วระลึกให้ออก ว่าเราใช้กายนี้สร้างทำอะไรดีๆมาบ้าง ถ้าระลึกอย่างนี้ก่อนนอนทุกคืน ก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้ไม่ประมาท มีการเตรียมตัวตายไว้ล่วงหน้า เพราะจิตที่สั่งสมอาการอย่างนี้ไว้ชินแล้ว เมื่อถึงเวลา ก็จะนึกอย่างนี้เองโดยอัตโนมัติ

มีบ้าง ที่ชนกกรรมอาจเป็นการลงมือทำ หรือพูด หรือคิดขณะจวนเจียนตาย อย่างที่เรียกว่า อาสัณนกรรม คืออาจทำครั้งเดียวในชีวิต แต่ไปทำขณะตาย ก็กลายเป็นชนกกรรมไปได้เหมือนกัน เช่น เห็นพระตอนกำลังจะสิ้นใจ เกิดโสมนัสขึ้นมา ด้วยคิดว่าเป็นที่พึ่ง สรณะของเรา... แค่นี้ก็ให้ผลได้เหมือนกัน แต่น้อยราย คนเราไม่รู้ว่าความตายจะมาถึงตัวเมื่อไหร่ เพราะฉะนั้นหมั่นคิดดีไว้ทุกๆขณะจิต คิดดีให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เผื่อแจ็คพ็อต เผอิญต้องพบกับมัจจุราชโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว จะได้เป็นประกันให้อุ่นใจว่ากรรมก่อนตายมีโอกาสเป็นอกุศลน้อยลง

แล้วก็มีบ้าง ที่ชนกกรรมอาจเป็นกรรมหนัก คือทำครั้งเดียวในชีวิต แต่จะส่งผลแน่นอน อย่างที่เรียกว่า ครุกรรม โดยมากจะเป็นที่รู้กันว่าเอียงไปทางกรรมด้านอกุศล อย่างเช่น อนันตริยกรรม ซึ่งเป็นกรรมประเภทตัดทางสวรรค์นิพพาน เมื่อลงมือทำไปแล้ว แม้จะเพียงครั้งเดียวในชีวิต ต่อให้ทำดีแค่ไหน ก็ไปดีไม่ได้ รับวิบากดีไม่ได้ ต้องไปนรกก่อน แถมเป็นนรกชั้นที่ให้ผลเดือดร้อนไม่เว้นระยะ

อนันตริยกรรม ได้แก่ ฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ ฆ่าพระอรหันต์ ทำพระพุทธเจ้าห้อเลือด และทำให้สงฆ์แตกแยก กรรมหนักที่ให้ผลใกล้เคียงกับอนันตริยกรรม ก็เช่นเห็นใครคุยกันเรื่องมรรคผลนิพพาน ก็เกิดความรุ่มร้อนริษยา พูดจาบั่นทอนกำลังใจ ว่ายังไงก็ไปไม่ถึง เขาทำถูกทางอยู่แล้ว ก็เกิดอยากจะทำให้เขาเขวจากทาง ทำให้เขาไม่เชื่อว่าเขาจะถึงได้ ทำนองว่าตูยังดูทีวี ยังละกิเลสไม่ได้ ก็คิดว่าคนทั้งโลกคงยังต้องดูทีวี ยังละกิเลสไม่ได้ในชาตินี้เหมือนตูนั่นเอง

เมื่อพูดจาให้เขาเขว หรือแสดงทางที่หลงจนเขาเชื่อ ก็ได้ชื่อว่า ฆ่าว่าที่อริยเจ้า พรากเขาจากมรรคผลนิพพาน ฉะนั้นใครเข้ามาสังสรรค์เสวนาในลานธรรมฯ จะระวังๆตัวไว้บ้างก็ดี ไม่รู้ก็บอกว่าไม่รู้ หรือเงียบไว้ ยังไม่แน่ใจอะไร ยังไม่รู้คำตอบแจ้งชัดด้วยประสบการณ์ตรง ก็อย่าเพิ่งค้าน หรือให้คะแนนคนโน้นคนนี้เหมือนตรวจข้อสอบวิชาทางโลก เพราะพูดไปแล้วเอาคืนไม่ได้ คนอ่านไปแล้ว เขวไปแล้ว บางทีอาจลื่นหลุดออกจากมรรคไปเลย ทั้งที่เขาก็อยู่ต้นทางแล้ว


โดย ดังตฤณ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น