ภญ.ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร หัวหน้ากลุ่มงานเภสัชกรรม โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวว่า จากการศึกษาในปัจจุบัน พบว่า คนชนบทในภาคอีสานตอนบน และชาวไทใหญ่ในภาคเหนือมีวิธีการจัดการกับความเครียดด้วยการอาศัยสมุนไพร เครื่องหอม อย่าง ว่านหอม หรือ เปราะหอม แต่ถ้าเป็นในภาคอีสาน เรียกว่า ว่านอูด ซึ่งจากการศึกษาศึกษาฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของเปราะหอม พบว่า มีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาที่สามารถคลายกังวล คลายเครียด และช่วยกล่อมประสาทให้เกิดความผ่อนคลายได้ ชาวไทใหญ่ในภาคเหนือจึงมักใช้ว่านหอมโยนเข้ากองไฟที่ใกล้ๆ บ้าน เพื่อสูดควัน เชื่อกันว่า ช่วยให้หลับได้ง่าย ด้วยเหตุนี้ทางศูนย์การเรียนรู้การดูแลสุขภาพ เครือข่ายภาคประชาชนด้วยการแพทย์แผนไทย อภัยภูเบศร จึงได้จัดเป็นกิจกรรมให้ความรู้เพื่อถ่ายทอดภูมิปัญญาการทำธูปจากว่านหอม เรียกว่า ธูปหลับ เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน เช่น สามารถใช้จุดบูชาพระ ระหว่างทำกิจกรรมสวดมนต์ ซึ่งเมื่อได้กลิ่นธูป ก็จะมีผลต่ออารมณ์ ทำให้สงบและไม่เครียด
ภญ.ดร.สุภาภรณ์ ทั้งนี้ รายละเอียดในเรื่องสารสกัดที่มีผลต่อระบบประสาท รวมทั้งสูตรที่ชัดเจน คงไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากอาจเป็นช่องทางของการนำสารเพื่อไปใช้ประโยชน์ในทางที่ไม่เหมาะสม ได้ แต่อย่างไรก็ตามแม้จะเป็นภูมิปัญญาที่ชาวบ้านเชื่อกันมานาน ก็ต้องศึกษาเพิ่มเติมถึงผลข้างเคียงด้วย ซึ่งถ้าหากได้รับการยอมรัในวงกว้างก็จะดำเนินการเพื่อศึกษาวิจัยขั้นต่อไป นอก จากนี้ จากศึกษาการออกฤทธิ์ทางเภสัชของว่าหอม ยังพบว่ามีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ฤทธิ์ลดการอักเสบ ฤทธิ์แก้ปวด ฤทธิ์ดูดกลืนแสง UV มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียและรา เป็นต้น ทางมูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จึงได้ใช้สารสกัดจากว่านหอม 5% รวมทั้งผสมสารสกัดจากแตงกวาอีก 5% เพื่อเพิ่มวิตามินอีให้แก่ผิวด้วย เพื่อผสมในครีมกันแดด ซึ่งมีค่า SPF19 ซึ่งจะนำมาเผยแพร่ในงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 7
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น