++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพฤหัสบดีที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2556

10 ไลฟ์สไตล์ของคนในยุค... Gen Y โดย : ดร.วีรพงษ์ ชุติภัท



คนในยุค Gen Y หมายถึง คนส่วนใหญ่ของโลกที่เกิดมาในช่วงปี 2523-2533 ซึ่งจะมีทัศนคติ แนวคิด และอุปนิสัยไปในทิศทางที่แตกต่างจากคนในยุคก่อนหน้า
และที่สำคัญคือ กำลังการซื้อของคนกลุ่มนี้กำลังจะ..สูงขึ้น..สูงขึ้น ผมจึงอยากจะพาคุณผู้อ่านไปดูกันว่า คน Gen Y จะมีไลฟ์สไตล์ในการดำเนินชีวิตอย่างไรบ้าง? ดังนี้ครับ
หนึ่ง ชีวิตแห่งการ “เคลื่อนที่” (Mobile Life)
คุณผู้อ่านหลายท่านคงเคยได้ยินคำว่า “Mobile Life” หรือ “ชีวิต..เคลื่อนที่” กันมาบ้าง ซึ่งหมายถึงการดำเนินชีวิตที่ไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่กับที่เสมอไป เช่น การทำงานในออฟฟิศตั้งแต่แปดโมงเช้ายันห้าโมงเย็น ก็สามารถเปลี่ยนเป็นการไปท่องเที่ยวและใช้โทรศัพท์มือถือประสานงานหรือสั่งงานแทนได้ ซึ่งปัจจุบันเทคโนโลยี 3G และ Wifi ก็สามารถทำให้ผู้คนในยุคนี้มีชีวิตที่..เคลื่อนที่ไปด้วย..ทำงานไปด้วยได้
สอง วัฒนธรรม..จอภาพ (Screen Culture)
อีกคำหนึ่งที่เพิ่งฮิตกันในหมู่คน Gen Y บางกลุ่มก็คือคำว่า “Screen Culture” ซึ่งในที่นี้หมายถึง การที่ผู้คนจะใช้ชีวิตในการทำงานและชีวิตส่วนตัวบนหลายๆ อุปกรณ์ที่มีจอภาพ ได้แก่ หน้าจอทีวี หน้าจอคอมพิวเตอร์ หน้าจอแท็บเล็ต และหน้าจอมือถือ เป็นต้น จึงไม่ต้องห่วงว่า บรรดาผู้ประกอบกิจการที่เกี่ยวข้องต่างๆ จะรุ่งเรืองมากขนาดไหน?
สาม ชอบสินค้าประเภท DIY (Do-it-yourself) หรือ “คุณ..ทำเอาเอง”
“ค่าแรงวันละ 300 บาท” ได้ส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมของคน Gen Y ในประเทศไทยกล่าวคือ ในอดีตเมื่อจะต้องต่อเติมหรือซ่อมแซมบ้านและอุปกรณ์ต่างๆ ภายในบ้าน คนส่วนใหญ่ก็มักเลือกที่จะจ้างวานคนอื่นให้มาทำแทน แต่การขึ้นค่าแรงดังกล่าวก็ทำให้บรรดาช่างที่เกี่ยวข้องหาได้ยากขึ้นเป็นอย่างมาก หรือหากว่าหาได้ก็มักจะต้องมีค่าใช้จ่ายที่สูงทีเดียว จึงทำให้ต้องหาสินค้าประเภทนี้มาทำด้วยตนเอง
สี่ ชอบร้านค้าปลีกที่มีลักษณะ Formatted Style
นิสัยอย่างหนึ่งที่มักจะเกิดขึ้นกับคน Gen Y ก็คือ ทำอะไรเร็วๆ และจะเร่งรีบไปเสียเกือบจะทุกเรื่อง ด้วยนิสัยดังกล่าวก็จะทำให้คน Gen Y เวลาจะออกไปซื้อของ ก็จะชอบไปร้านสะดวกซื้อสมัยใหม่ที่จัดวางสินค้าง่ายๆ และทำให้นึกออกว่าอยู่ตรงไหนบ้าง?
ห้า สินค้า..ถูกใจ ราคา..ถูกเงิน “Max Value of Money”
คนในยุค Gen Y มักจะคำนึงถึงคุณภาพในระดับที่ตนเองต้องการ ในราคาที่คุ้มค่าเงินมากที่สุด ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือ บรรดาโรงแรมระดับ 3 ดาวที่มีแบรนด์ระดับโลก ที่เป็นชื่นชอบของคน Gen Y ไปทั่วโลก ได้แก่ ไอบิซ (iBiz) หรือ เบสท์เว็สเทิร์น (Best Western) แบรนด์เหล่านี้ได้มาตีตลาดโรงแรม 3-4 ดาวของไปไทยไปอย่างมาก เพราะแบรนด์ดังกล่าวเป็นเครื่องยืนยันว่า โรงแรมที่ใช้แบรนด์เหล่านี้จะสะอาด บริการสุภาพ และราคาประหยัด
หก สินค้าประเภท “สอนให้...รวย”
อย่างที่คุณผู้อ่านได้พอรู้มาบ้างแล้วว่า คนในยุค Gen Y ส่วนใหญ่จะเป็นคนชอบ..รวยเร็ว ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจว่าบรรดาการสัมมนา หนังสือหุ้น หนังสือลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หรือหนังสือสอนรวยอื่นๆ จะขายดิบขายดี นอกจากนั้นธุรกิจขายตรงต่างๆ ก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของสินค้าประเภท..สอนให้รวยอีกด้วย
เจ็ด สินค้าประเภท “Fast Track”
หากจะทำธุรกิจกับคน Gen Y จะต้องมีแนวความคิดนี้ด้วยนั่นคือ “เร็ว.. เร็ว.. เร็ว..” ดังนั้นบรรดาบริษัทในตลาดฯ ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหารจานด่วนหรืออาหารส่งด่วน หรือฟาสต์ฟู้ดยี่ห้อต่างๆ จึงเข้าข่ายที่จะมีลูกค้าเป็นคนในยุค Gen Y เป็นจำนวนมาก และจะยิ่งเพิ่มขึ้นไปอีก..ตามกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นของคนในยุคนี้
แปด ชอบให้ตนดูดี “Good Looking”
อาจกล่าวได้ว่า คนในยุค Gen Y จะเป็นคนที่มีสังคมมากกว่าคนในยุคก่อนๆ เป็นอย่างมาก และเพื่อนๆ ที่คนในยุค Gen Y ก็จะมาทั้งจากเพื่อนที่พบปะกันในชีวิตประจำวัน และเพื่อนที่พบกันในโซเชียลมีเดียหรือการที่ได้พูดคุยกันผ่านทางอินเทอร์เน็ตนั่นเอง
เก้า ชอบสินค้าประเภท DIH (Do-it-your-Health)
คนในยุค Gen Y เป็นคนรักสุขภาพ โดยจะให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพด้วยการทำด้วยตนเองเป็นพิเศษ เช่น การเล่นกีฬา การเข้าฟิตเนส การซื้อวิตามินเสริมอาหาร ฯลฯ นั่นรวมถึงบรรดาเครื่องตรวจวัดต่างๆ ที่สามารถทำได้ด้วยตนเอง เช่น เครื่องวัดความดัน เครื่องวัดอุณหภูมิ เป็นต้น
สิบ ชอบศึกษาสินค้าจาก “อินเทอร์เน็ต” หรือ “โซเชียลมีเดีย”
ทุกวันนี้เมื่อคนในยุค Gen Y จะซื้อสินค้าประเภทไอที หรือสินค้าที่ต้องใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจ (Discretionary Goods) เช่น รถยนต์ ทีวี เป็นต้น คนในยุค Gen Y ก็จะหาข้อมูลจำนวนมหาศาลจากอินเทอร์เน็ตหรือโซเชียลมีเดียก่อนที่จะตัดสินใจซื้อจริง
นอกจากนั้นผมยังชอบคำพูดของคุณอดิเรก ศรีประทักษ์ ซึ่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร หรือซีพีเอฟ ที่ได้กล่าวถึงค่านิยม 6 ประการ ซึ่งผมคิดว่าน่าจะเหมาะกับคนในยุค Gen Y ดังนี้ครับ... หนึ่ง คำนึงถึงปรัชญา 3 ประโยชน์เป็นหลัก ได้แก่ ประโยชน์ของประเทศชาติ ประชาชน และบริษัท สอง ทำอะไรต้องทำด้วยความรวดเร็ว และมีคุณภาพ สาม ทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย สี่ ยอมรับการเปลี่ยนแปลง เพราะโลกมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทั้งเรื่องการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และ สิ่งแวดล้อม ซึ่งทุกคนต้องเตรียมความพร้อม และยอมรับการเปลี่ยนแปลงได้ ห้า มุ่งสู่การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ซึ่งเราเรียกว่านวัตกรรม ให้ทุกคนในองค์กรรู้จักสร้างสรรค์สิ่งใหม่ หก มีคุณธรรม ความซื่อสัตย์ และรู้จักตอบแทนบุญคุณ หวังว่า...จะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านไม่มากก็น้อยนะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น