การชุมนุมของมวลมหาประชาชนที่นำโดย กปปส. สามครั้งใหญ่ คือเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน, วันที่ 9 ธันวาคม และวันที่ 22 ธันวาคม 2556 เป็นการชุมนุมครั้งใหญ่ที่สุดของประชาชาติไทยนับแต่เคยมีการชุมนุมในประเทศไทยเป็นต้นมา
แม้ว่ากระบอกเสียงทาสทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ถูกจ้างวานให้พยายามรายงานหลอกลวงเท็จต่อคนไทยและชาวโลกว่ามีประชาชนมาร่วมชุมนุมน้อยกว่าความเป็นจริงอย่างไรก็ไม่มีผล
เพราะสิ่งที่ปรากฏต่อสายตาประชาชนชาวไทยเองและที่ปรากฏต่อสายตาชาวโลกนั้นไม่สามารถบิดเบือนได้ ไม่สามารถโกหกหลอกลวงให้เป็นอย่างอื่นได้ ยิ่งโกหกหลอกลวงมากเท่าใดก็เหมือนกับการเอาไม้ฟาดหัวตัวเองมากเท่านั้น
การชุมนุมของมวลมหาประชาชนชาวไทยในวันที่ 24 พฤศจิกายน 2556 ซึ่งก่อให้เกิดการตกตะลึงทั่วประเทศและทั่วโลกเพราะมีประชาชนมาร่วมชุมนุมร่วม 2 ล้านคน
การชุมนุมของมวลมหาประชาชนชาวไทยในวันที่ 9 ธันวาคม 2556 มีผู้เข้าร่วมชุมนุมเกือบ 3 ล้านคน และในการชุมนุมเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2556 ปรากฏว่ามีผู้เข้าร่วมชุมนุมกว่า 5 ล้านคน ในพื้นที่กว่า 600,000 ตารางเมตรของกรุงเทพมหานคร โดยไม่รวมพื้นที่ที่มีการชุมนุมนอกเหนือพื้นที่ที่กำหนดจำนวน 600,000 ตารางเมตรดังกล่าว
การคำนวณจำนวนผู้เข้าร่วมชุมนุมได้กระทำโดยคณะนักวิชาการที่กำหนดพื้นที่ชุมนุมก่อน และกำหนดอัตราผู้เข้าร่วมชุมนุมต่อตารางเมตร โดยไม่รวมพื้นที่นอกเหนือจากพื้นที่ที่กำหนดไว้
ปรากฏว่าในพื้นที่ที่กำหนด มีประชาชนมาเข้าร่วมชุมนุมแน่นขนัด ในขณะที่นอกพื้นที่ที่กำหนดก็เกิดการชุมนุมอย่างกว้างขวางและแน่นทุกพื้นที่
ภาพและผลคำนวณผู้เข้าร่วมชุมนุมดังกล่าวได้หักล้างทำลายการรายงานตัวเลขผู้ชุมนุมที่โกหกมดเท็จทุกประเภทอย่างสิ้นเชิง เพราะการรายงานเหล่านั้นล้วนเป็นการรายงานแบบนึกเอาเอง โกหกยกเมฆ และดูถูกสายตาของผู้พบเห็น จึงไม่สามารถโกหกหลอกลวงได้อีกต่อไป
การชุมนุมของมวลมหาประชาชนทั้งสามครั้งใหญ่นี้ มีลักษณะพิเศษตรงที่เป็นการชุมนุมของประชาชนจากทุกภาคส่วนของประเทศ ไม่ว่าในกรุงเทพมหานคร ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคอีสาน
เป็นการชุมนุมของประชาชนทุกสาขาอาชีพ ตั้งแต่ชาวไร่ ชาวนา คนขับรถสามล้อ แท็กซี่ วินมอเตอร์ไซต์ ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ พนักงานเอกชน แม่บ้าน แม่เรือน กระทั่งนักธุรกิจระดับต้น ๆ จนถึงระดับมหาเศรษฐีของประเทศ
เป็นการชุมนุมของคนทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่เด็กเล็ก ๆ เยาวชน นิสิต นักศึกษา คนวัยกลางคน และกระทั่งคนอายุ 80-100 ปี เป็นการชุมนุมของคนทุกชนชาติ ทุกศาสนา โดยเฉพาะพี่น้องมุสลิมที่ปกติมิได้เข้ายุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการเมืองก็หลั่งไหลมาจากทั่วสารทิศ ประกาศความเมตตากรุณาแห่งพระอัลเลาะห์เป็นเจ้า เชิญชวนพี่น้องมุสลิมทั่วประเทศเข้ามาร่วมชุมนุมอย่างไม่ขาดสาย
การชุมนุมของมวลมหาประชาชนดังกล่าวนี้เป็นการชุมนุมโดยสนุกสนานหรือ? เป็นการชุมนุมอย่างสะดวกสบายหรือ?
หามิได้เลย! การชุมนุมต่อสู้กับเผด็จการทรราชของมวลมหาประชาชนได้ผ่านร้อนผ่านหนาวมาแล้วทุกฤดูกาล ตั้งแต่ฤดูร้อนสู่ฤดูฝน และบัดนี้ก็เป็นการชุมนุมในฤดูหนาวในเทศกาลอันหนาวเหน็บกว่าทุกปีที่ผ่านมา เป็นการชุมนุมที่กินนอนกันอยู่บนถนน ตากแดด ตากลม ต้องอดกลั้นต่อความหนาว ต่อการขับถ่าย ที่จะไม่สะดวกเหมือนกับนอนอยูที่บ้าน จึงเป็นการชุมนุมด้วยความเสียสละอดทนอย่างยิ่ง
เป็นการชุมนุมที่ต้องเสี่ยงอันตรายจากลิ่วล้ออันธพาลของนักการเมืองสัตว์นรก ที่คอยจ้องทำร้าย กระทั่งหมายสังหารประชาชนอยู่ไม่เว้นแต่ละวัน นักการเมืองสัตว์นรกยังปล่อยให้ลิ่วล้อเอาระเบิดมาขว้าง เอาปืนมายิงและทำร้ายผู้ชุมนุมเป็นประจำทุกวัน
โหดเหี้ยมอำมหิตถึงขนาดข่มขู่พระภิกษุสงฆ์ เผากุฏิและวัดวาอาราม ซึ่งเป็นความโหดเหี้ยมอำมหิตชนิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลยในบ้านเมืองของเรานี้
การชุมนุมของคนเป็นล้าน ๆ คนอย่างต่อเนื่องยาวนานด้วยความเสียสละทุกอย่าง ด้วยความอดทนอย่างถึงที่สุด และด้วยความกล้าหาญที่จะเสี่ยงภัยจนถึงที่สุด เป็นจิตใจอันยิ่งใหญ่ที่วีระกล้าหาญของมวลมหาประชาชนที่ไม่มีอะไรจะต้านทานได้
มวลมหาประชาชนมาชุมนุมกันเพื่ออะไร? ก็เพื่อการโค่นล้มระบอบเผด็จการทรราช ต้องการกวาดล้างและล้างบางระบอบทักษิณให้สิ้นแผ่นดินไทย นี่เป็นคำประกาศเจตนารมณ์อันแน่วแน่ เป็นเป้าหมายอันเด็ดเดี่ยวและแน่วแน่ที่สุดของมวลมหาประชาชน และไม่มีการวอกแวกใด ๆ เป็นอันขาด
พวกเผด็จการทรราชก็ได้รู้ได้เห็นถึงการต่อสู้ต่อต้านของมวลมหาประชาชน แต่เป็นวิสัยของเหล่าเผด็จการทรราชทั้งปวงที่จะไม่ยอมก้าวลงจากอำนาจด้วยตนเอง มีแต่จะต้องถูกประชาชนกวาดล้างลงจากเวทีเสมอมา
ดังนั้นแม้มวลมหาประชาชนจะผนึกกำลังกันขับไล่ถึงปานนี้ แต่เผด็จการทรราชก็ไม่ยอมลงจากอำนาจ ได้ใช้เล่ห์กลกำหนดกลยุทธ์ยื้ออยู่ในอำนาจเพื่อรับมือกับมวลมหาประชาชนเป็นสี่ขั้นตอนคือ
หนึ่ง ยื้ออำนาจเป็นรัฐบาลให้นานที่สุด
สอง ถ้ายื้ออำนาจเป็นรัฐบาลแล้วยังถูกกดดันมาก ก็ให้ยุบสภาแล้วหลอกให้ประชาชนไปเลือกตั้ง เพื่อจะได้กลับมามีอำนาจเหมือนเดิม
สาม ถ้ายุบสภาหลอกให้ไปเลือกตั้งแล้วยังขับไล่กดดันกันอีก ก็ให้หลบหลีกไปตั้งหลักอยู่ในต่างจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดในภาคอีสานหรือภาคเหนือ
สี่ ถ้าถอยไปตั้งหลักในต่างจังหวัดแล้วยังถูกรุกไล่ไปต่อต้าน ก็ให้ไปตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น ซึ่งคงไม่มีประเทศไหนยอมรับ
กลยุทธ์ยื้ออยู่ในอำนาจทั้งสี่ขั้นตอนดังกล่าวเป็นความเห็นแก่ตัว เพราะไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนเสียหายของประเทศชาติและประชาชนเลย โดยที่เผด็จการทรราชลืมนึกคำนึงไปว่ายิ่งประเทศชาติและประชาชนเดือดร้อนหนักหนามากขึ้นเท่าใดในท่ามกลางวิถีดำเนินกลยุทธ์ยื้อเวลาเช่นนี้ พลังขับไล่ที่มุ่งกวาดล้างเผด็จการทรราชก็จะยิ่งรุนแรงกว้างขวางมากขึ้นเท่านั้น
จากไฟธรรมดากก็จะกลายเป็นไฟประลัยกัลป์ที่จะเผาผลาญเผด็จการทรราชให้สิ้นสูญไปอย่างแน่นอน
สถานการณ์ในปัจจุบันนี้ ระบอบเผด็จการทรราชกำลังยื้อเวลาอยู่ในขั้นที่สามต่อขั้นที่สี่ และกำลังร่อแร่เต็มที เพราะแผนการหลอกให้ประชาชนไปเลือกตั้งเพื่อลดการชุมนุมต่อต้านและเพื่อการกลับมามีอำนาจใหม่กำลังถูกตีโต้อยู่ในทุกปริมณฑล
การขับไล่ของประชาชนไม่ได้ลดน้อยถอยลง มีแต่จะเพิ่มจำนวนและระดับความเข้มข้นของการขับไล่กวาดล้างมากขึ้น เพราะประชาชนไม่ยอมท้อถอย ไม่ยอมพ่ายแพ้ มุ่งแต่เอาชัยชนะอย่างเดียวเท่านั้น
แผนการหลอกให้ประชาชนไปเลือกตั้งก็กำลังถูกทำลายลงด้วยพลังของมวลมหาประชาชน
พลังของมวลมหาประชาชนชาวไทยในครั้งนี้มิใช่การชุมนุมแล้วเลิกราเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว เพราะสิ่งที่กำลังปรากฏขึ้นนี้เนื้อแท้ก็คือการปฏิวัติโดยประชาชนนั่นเอง!
http://www.paisalvision.com/content/88-features/10869---astv---qq--26-56.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น