++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันเสาร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ประโยชน์ของ “ใบมะลิ” สีเขียวๆ

มะลิ มีประโยชน์ตั้งแต่ดอกจรดราก ใบใช้ลบรอยแผลเป็นที่เกิดจากสิว และแผลเป็นทั้งร่างกายได้ดีมาก แก้โรคบิด อาการปวดท้อง ตำให้ละเอียดพอกที่ขมับแก้อาการปวดหัวและปวดหูชั้นกลางได้ รักษาแผลพุพอง แก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อย ยาบำรุงหัวใจ และบำบัดโรคต่างๆ ได้อีกมากมาย

มะลิเป็นพืชดอกพบได้ในเอเชียดอกมีกลิ่นหอมเย็น คนทั่วไปมักคิดว่าใช้ประโยชน์ได้แค่ดอกมะลิเท่านั้น ความจริงมะลิมีสรรพคุณทางยาตั้งแต่ดอกจรดราก ใครปลูกมะลิไว้ที่บ้าน มาลองอ่านกันซิ ว่าใช้อะไรได้บ้าง
(ในตำราหมายถึงมะลิทุกชนิดไม่ได้แยกสายพันธุ์)

สรรพคุณ / ประโยชน์ของดอกมะลิ
ประโยชน์ของดอกมะลิ
คนสมัยก่อน นอกจากจะนิยมปลูกดอกมะลิเอาไว้เป็นไม้ดอกไม้ประดับเพื่อชื่นชมกับดอกสีขาวสวยนุ่มนวลชวนมองแล้ว เขายังเก็บดอกมะลิตูมมาใส่พานหรือถ้ามีเวลาว่างพอก็จะนำมาร้อยเป็นมาลัยกราบบูชาพระอีกด้วย กลิ่นหอมอ่อน ๆ อบอวลของดอกมะลิที่อยู่ในห้องพระให้ความรู้สึกสงบใจอีกต่างหาก
นอกจากนี้ยังนำดอกมะลิมาลอยในน้ำดื่มเย็น ๆ ให้แขกผู้มาเยือนได้ดื่มกันอย่างชื่นอกชื่นใจ หรือจะนำดอกมะลิไปลอยในน้ำเชื่อมกินกับขนมหวานไทยก็ทำให้มีกลิ่นหอมชวนทานแต่ทั้งนี้ต้องมั่นใจว่า ดอกมะลิที่นำมาใช้ไม่ได้ฉีดยาฆ่าแมลง

สรรพคุณของดอกมะลิ
สรรพคุณทางสมุนไพรของมะลิก็มีแทบทุกส่วน ไล่กันไปตั้งแต่รากเรื่อยไปจนถึงดอกทีเดียว รากของมะลิแก้ได้สารพัดโรคทั้งปวดเมื่อย เคล็ดขัดยอก เลือดออกตามไรฟัน รวมทั้งช่วยรักษาหลอดลมอักเสบได้ด้วย หากนำรากมาฝนกินกับน้ำแก้ร้อนในได้ดี คนที่ป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับทรวงอกให้นำรากมาประมาณ 1-1.5 กรัม ต้มน้ำกินก็ช่วยได้

ใบใช้แก้ไข้ที่เกิดจากอากาศเปลี่ยนแปลงได้ดี รักษาอาการปวดท้อง แน่นท้อง ท้องเสีย หากนำใบมาตำแล้วละลายกับน้ำปูนใสแต้มแผลฟกช้ำ แผลเรื้อรัง โรคผิวหนังจะหายไวขึ้น ตลอดจนช่วยบำรุงสายตาและขับน้ำนมสตรีที่มีครรภ์ได้ด้วย

สุดท้ายคือส่วนของดอก ดอกมะลินอกจากความสวยและความหอมแล้วยังแก้โรคบิด อาการปวดท้อง หากตำให้ละเอียดพอกที่ขมับ แก้อาการปวดหัวและปวดหูชั้นกลางได้ แถมยังช่วยรักษาแผลพุพอง แก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อย รวมทั้งเป็นยาบำรุงหัวใจได้อย่างดีเยี่ยมอีกขนานหนึ่งด้วย

ประโยชน์ของ “ใบมะลิ” สีเขียวๆ
สมัยก่อน ‘ใบมะลิ’ เป็นสมุนไพรที่ใช้ในการรักษาแผลต่างๆ ได้แก่ แผลพุพอง แผลฝีดาษ แผลเป็นจากอีสุกอีใส และแผลเป็นจากรอยสิว นอกจากนั้นยังสามารถใช้ใบมะลิเพื่อรักษาแผลเป็นที่เกิดจากอุบัติเหตุ ได้แก่ แผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก แผลที่เกิดจากรอยขีดข่วน และแผลจากของมีคมได้อีกด้วย

วิธีลบรอยแผลเป็นจากมะลิ
เมื่อประสบอุบัติเหตุให้รอจนกว่าแผลแห้งและสะเก็ดหลุดลอกออก จากนั้นให้นำใบมะลิประมาณ 2-3 ใบ (ควรเลือกจากต้นที่ไม่ได้ฉีดยาฆ่าแมลง) นำไปล้างให้สะอาด และนำมาตำหรือบดพอละเอียดคั้นเอาแต่น้ำแล้วนำมาทาบริเวณแผลเป็นวันละ 3-4ครั้ง รอยแผลเป็นจะค่อยๆ จางลงทำเช่นนี้จนกระทั่งไม่มีอาการเจ็บจึงสามารถนำใบมะลิสดๆ มาถูบริเวณแผลได้โดยตรง วันละ 3-4 ครั้ง เช่นเดียวกัน
นอกจากคุณสมบัติในการรักษาแผลเป็นที่เกิดจากอุบัติเหตุแล้ว ใบมะลิยังมีคุณสมบัติในการรักษารอยแผลเป็นจากสิวได้อีกด้วย

วิธีการผสมน้ำ
คั้นใบมะลิ น้ำมะนาว และดินสอพองเข้าด้วยกันทาบริเวณรอยแผลเป็น ซึ่งสรรพคุณของใบมะลิจะช่วยผลัดเซลล์ผิวให้รอยแผลเป็นดังกล่าวจางเร็วขึ้น
*********** **************** **************
เครดิต: ชีวอโรคยา เรียบเรียงขึ้นใหม่จาก : นิตยสารชีวจิต ฉบับที่ 231 / villagefund.or.th /นิตยสารลิซ่า
ขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต

แบ่งปันความรู้ทั่วไป เพื่อความพอเพียง และสุขภาพที่ดี โปรดใช้วิจารณญาณ และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม

ชีวอโรคยา อยากให้ทุกคนมีสุขภาพดีไม่พึ่งสารเคมี ไม่ต้องรอให้ป่วยไปเสียค่ารักษาพยาบาลแพงๆ

ติดตามข้อมูลข่าวสารการดูแลตัวเองวิถีธรรมชาติ ไม่พึ่งสารเคมีได้ที่ Facebook ชีวอโรคยา
www.facebook.com/pages/ชีวอโรคยา/135957369811772

1 ความคิดเห็น: