Theขี้ฝุ่นริมทาง
วันพุธที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2555
สื่อใต้ชนผู้การฯนราฯ ตร.คุกคามสื่อหลังคุมตัวช่างภาพ TPBS สอบ-ลบการ์ดขณะบันทึกรายการ
นราธิวาส - คณะสื่อมวลชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เข้าพบผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.นราธิวาส กรณีตำรวจคุมตัวช่างภาพ TPBS ประจำศูนย์ใต้สอบ และลบเมมโมรี่การ์ดภาพทั้งหมด หลังจากช่างภาพคนดังกล่าวบันทึกภาพในเขตเทศบาลเมืองนราธิวาส เพื่อผลิตรายการดีสลาตัน กลับถูก ตร.สอบถามด้วยวาจาไม่สุภาพและซักทำประวัติ นายกสมาคม นสพ.ภาคใต้ โต้ เป็นการลิดรอนสิทธิเสรีภาพ เข้าค่ายคุกคามสื่อ
วันนี้(9 ต.ค.) ที่ห้องประชุมปาหนัน ตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส นายประยุทธ สิวายวิโรจน์ หัวหน้าศูนย์ข่าวภาคใต้ สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส และคณะตัวแทนสื่อมวลชนทุกแขนงในพื้นที่ 3 จ.ชายแดนภาคใต้ กว่า 25 ชีวิต ได้เดินทางเข้าพบ พลตำรวจตรี วิชัย เกษมวงศ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.นราธิวาส เพื่อรับทราบ ข้อกล่าวหารายละเอียดของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนรา ที่ควบคุมตัว นายซุลกิฟลี ซาแล ช่างภาพและเจ้าหน้าที่ตัดต่อ รายการดีสลาตัน TPBS ประจำศูนย์ข่าวภาคใต้ กรณีช่างภาพ ได้ทำบันทึกภาพ ในพื้นที่เขตเทศบาลเมืองนราธิวาส เพื่อทำสารคดี เกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ไม่หวังดีข่มขู่ผู้ประกอบการให้หยุดกิจการในวันศุกร์ ที่ 5 ตุลาคม 55 ที่ผ่านมา
โดยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรเมืองนราธิวาส ที่อยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ในวันที่ผ่านมา เข้าสอบถามและมีการตอบโต้ ด้วยวาจาที่ไม่เข้าใจกันไปมา ซึ่งทางนายซุลกีฟลี ช่างภาพ TPBS ได้ตอบว่า บันทึกภาพมาเพื่อทำสารคดี แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่เชื่อ และขอดูบัตรผู้สื่อข่าว ทางช่างภาพจึงได้แสดงบัตร เพื่อให้ตรวจสอบ แต่ไม่ได้เกิดความชัดเจน จึงควบคุมตัวช่างภาพคนดังกล่าว มาที่ สภ.เมืองนราธิวาส เพื่อซักและทำประวัติ
ทางด้าน นายซุลกีฟลี ช่างภาพ TPBS กล่าวด้วยนำเสียงที่เคร่งเครียด หลังถูกเจ้าหน้าที่นำตัวมาสอบ ที่ สภ.เมืองนราธิวาส ตนเครียดมาก โดยเฉพาะการใช้วาจาของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ตั้งคำถาม อาทิ ถ่ายให้กับกลุ่มขบวนการพูโล หรือเปล่า เคยทำสารคดีส่งลงเว็บไซต์ พูโลหรือไม่ ทำให้ตนมองว่า การทำงานของเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าว มีอคติ ขนาดกับสื่อมวลชน ใช้วาจาที่ขาดสติ แล้วจะแก้ปัญหาความไม่สงบได้อย่างไร มีแต่สร้างเงื่อนไข อีกทั้งยังลิดรอนสิทธิเสรีภาพสื่อมวลชน
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ได้นำ เมมโมรี่การ์ด ที่บันทึกภาพ ลบภาพจนหมดสิ้น ไม่เว้นแม้แต่ภาพข่าวอื่นๆ สร้างความเสียหาย ตนจึงอยากถาม พลตำรวจตรี วิชัย เกษมวงศ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.นราธิวาสว่า ประเทศเราใช้ระบอบคอมมิวนิสต์ หรือ ปกครองระบอบประชาธิปไตย จึงขอความชัดเจนในเรื่องดังกล่าว
ต่อมาทาง ผบภ.จ.นราธิวาส ได้เรียกตัว เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 4 นาย ที่เกี่ยวข้องกับวันเกิดเหตุ เพื่อชี้แจ้งและทำความเข้าใจร่วมกัน โดยทางตำรวจทั้ง 4 สังกัด สภ.เมืองนราธิวาส ได้กล่าวคำขอโทษ และพร้อมยอมรับกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะที่ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า กรณีเจ้าหน้าที่ควบคุมตัว นายซุลกิฟลี ไปทำประวัติและลบภาพที่ถ่ายทำไป เป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ จึงได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ได้ลบการทำประวัติ นายซุลกิฟลี ออกจากสาระบบของตำรวจจังหวัดนราธิวาส และสั่งให้ทำการอบรมจริยธรรมตำรวจในทุกสัปดาห์ในกรณีที่ตำรวจพูดจาไม่เหมาะสม
นอกจากนี้ ทั้งตำรวจจังหวัดนราธิวาสและเครือข่ายสื่อ จะได้มีข้อตกลงร่วมกันว่าจะมีการตั้งคณะทำงานร่วมกันของทั้งสองฝ่าย เพื่ออำนวยความสะดวกในการปฏิบัติหน้าที่ของทั้งสองฝ่ายเพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้มากที่สุด จนบรรยากาศเป็นที่พอใจทั้ง 2 ฝ่าย ก่อนแยกย้ายกลับ
ทางด้าน นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล นายกสมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้ และสมาชิกที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนา จ.ชายแดนภาคใต้ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า ได้รับเรื่องร้องเรียนดังกล่าวแล้ว และเห็นว่า การกระทำของเจ้าหน้าที่เป็นการละเมิดและลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชนและลิดรอนสิทธิสื่อมวลชน และยังเข้าข่ายคุมคามสื่อมวลชน ซึ่งถือว่า เจ้าหน้าที่ไม่ใช้มาแก้ปัญหา แต่เป็นตัวสร้างปัญหาและสร้างเงื่อนไข ขนาดสื่อมวลชนยังไม่เหลือ ประชาชนตาดำๆ จะไหวหรือ ซึ่งตนในฐานะนายกสมาคมฯ จะดำเนินการในลำดับต่อไป เพื่อให้ทุกฝ่ายเกิดความเป็นธรรม ความสันติสุขในพื้นที่ต้องร่วมสร้าง ทำอยู่คนเดียวหน่วยเดียวได้ที่ไหน สถานการณ์พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่พิสูจน์มาแล้ว ทุกคนต้องช่วยกัน เพื่อความสงบสุข ไม่ใช้มาสร้างเงื่อนไข ปัญหาจะยิ่งบานปลาย
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น