มีผู้คนมากมายที่ทำอะไรแล้วไม่รู้ตัวเองหรือไม่รู้สึกตัวในสิ่งที่ทำ เพราะใจมันไปจดจ่อกับจริตที่แปลว่าจิตท่องเที่ยวหรืออารมณ์ที่ชอบท่องเที่ยวของจิตนั้น พระบรมศาสดาได้ทรงตรัสสอนไว้ว่าจริตนั้นหมายถึงความประพฤติหรือกริยาที่แสดงออกมาให้เห็น( มีคำเรียกอีกอย่างว่าจริยา ) 6 ประการหรือ 6 อาการคือ
ราคะจริต พวกชอบของสวยของงาม โทสะจริต พวกเจ้าอารมณ์ มักโกรธ โมหะจริต พวกเห็นแก่ตัว ลุ่มหลงในทรัพย์ สัทธาจริต พวกเชื่อถือจริงใจ แม้บางครั้งจะเชื่อแบบไร้เหตุผล จึงมักถูกหลอก พุทธิจริต หนักไปทางใช้ปัญญา ชอบสอนคนอื่น วิตกจริต พวกชอบคิดมาก ขี้กังวล ฟุ้งซ่าน ไม่กล้าตัดสินใจ
พวกจริตต่างๆดังกล่าวข้างต้นหล่อหลอมให้ผู้คนมีบุคคลิกภาพที่แตกต่างกันออกไป ตามจริตที่แต่ละคนมีอยู่ เช่นบ้างก็เจ้าชู้ แต่งตัวเนี้ยบ ขี้เหนียว เอารัดเอาเปรียบ กลัวนั่นกลัวนี่ คิดมาก คิดน้อย คิดอยู่นั่นแหละไม่ตัดสินใจเสียที
จริตดังกล่าวที่แสดงออกมาจะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ผู้เขียนเรียกว่าฟอร์มหรือการวางท่า บางคนรู้ว่าจริตตัวเองที่แสดงออกมาไม่ดี ก็พยายามจะฝืนใจตนเอง ทำออกมาให้ดูดีที่เราเรียกกันว่าวางฟอร์ม
การวางฟอร์มใช่ว่าจะไม่ดีเสมอไป เพราะเรื่องบางเรื่องก็จำเป็นต้องทำ ถือว่ามีธรรมะที่เรียกว่าทมะหรือการข่มใจเป็นหลัก เพื่อให้กิจการงานหรือกิจธุระออกมาได้ดี
แต่การวางฟอร์มที่มากเกินไป จนเกินจากความเป็นตัวของตัวเอง เขาเรียกว่าตัวปลอม เหมือนทองเก๊ ย่อมไม่มีราคา มีแต่เพียงเอาไว้หลอกคนโง่ขี้โลภเท่านั้น
การวางฟอร์มอาจจะหมายถึงหน้าตาที่ต้องรักษาไว้ การวางตัวให้เหมาะสมกับสถาน การณ์ก็ถือว่าเป็นการวางฟอร์ม เช่นหมอที่รักษาคนไข้จำเป็นต้องข่มใจเย็นกับคนไข้ยามออกตรวจ เพราะคนไข้เขาทุกข์มาจากการเจ็บป่วย การรักษาจึงมิใช่เริ่มที่ตัวคนไข้ แต่มักเริ่มที่ใจคนไข้ ซึ่งหมอหลายท่านที่เก่งในการดูแลคนไข้จะรู้เรื่องนี้ดี
บางคนก็ถือว่าการแต่งกายดีก็เป็นการวางฟอร์มอย่างหนึ่ง เช่นพนักงานธนาคารผู้ชาย มักจะใส่เสื้อเชิร์ตสีขาวให้ดูดี สะอาด น่าไว้ใจ จนเป็นฟอร์มมาตราฐานของพนักงานบางธนาคารจนเป็นที่รู้กัน
เดี๋ยวนี้แทบทุกบ้านมักจะมีรถยนต์ บางบ้านมีหลายคัน จนน่าเวียนหัวเหนื่อยใจแทนเพื่อนบ้าน ที่มักถูกแย่งที่จอดรถ แย่งกันหนักๆเข้าฟอร์มโทสะจริตก็ออก จนมีเรื่องราวขลาดเขลาใหญ่โตเป็นโศกนาฎกรรม ขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ก็มี อย่างกรณีหมอมุก ช่างน่าสงสารเสียจริง
บางคนอยากจะมีบ้านหรูๆ แม้จะผ่อนกันสุดชีวิตเป็นหนี้เท่าไรก็ไม่ว่า มารู้ตัวอีกทีก็ตอนผ่อนจนแก่ แต่หนี้ไม่ยักจะหมดสักที เพราะดอกเบี้ยมันทบเท่าเงินต้น ก็สายไปเสียแล้ว ต่อไปอาจจะมีสินเชื่อบ้านผ่อนกันเจ็ดชั่วโคตรบ้างก้ได้นะ
บางคนชอบวางฟอร์มหรู อะไรก็ต้องเลิศ สุโค่ยหรือสุดโต่ง สุดยอด อะไรทำนองนี้ ตั้งแต่เครื่องใช้ติดตัว เครื่องใช้ที่บ้าน เครื่องประดับ เครื่องแต่งหน้า โดยไม่ได้ดูว่าเข้ากับตัวเองหรือเปล่า แม้กระทั่งรองเท้าต้องเริ่ด สวยรับกับใบหน้า ต้องใช้เงินหลายหมื่นในการซื้อหาหรือเป็นเงินแสนก็มี จึงจะสาแก่ใจในฟอร์มของตนเอง
มีคำพูดอยู่คำพูดหนึ่งที่ว่า" ฟอร์มดีมีชัยไปกว่าครึ่ง " ดูเหมือนจะจริงในทางโลก ที่เราเห็นว่าทุกคนต่างพยายามสร้างฟอร์มกันยกใหญ่ ว่าเราดี เราเก่ง เราแข็งแรง เราเท่์ห์ สมาร์ทหลักแหลม แต่ทั้งหมดที่พูดถึง ล้วนเป็นการสร้างฟอร์มกันแต่ภายนอกให้ดูดี หากใครเห็นดีตามก็จะพลอยว่าดี อย่างจตุคามรามเทพที่ห้อยกันหนักคอเกลื่อนเมืองในยุคสมัยหนึ่ง แล้วก็หายไปอย่างรวดเร็ว
การวางฟอร์มที่ดี ต้องวางฟอร์มจากภายใน ที่เรียกกันว่าจิตวิญญาณดี ไม่เจ็บป่วย ไม่เป็นโรคโลภ อยากได้ อยากเป็น ใจแคบ โรคโกรธที่มัวแต่จะทำร้ายผู้อื่น โรคหลง มืดบอดไปหมด เพราะจิตวิญญาณไม่ดี หากใครเขารู้ความจริงว่าฟอร์มนอกกับฟอร์มในมันต่างกันราวฟ้ากับเหว มันก็เหมือนทองปลอมไร้ค่าที่อยูในมือผู้คน รกมือเปล่าๆ
ครูบาอาจารย์ท่านก็มีฟอร์มเหมือนกันนะ
หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ซึ่งเคยนั่งยองๆสูบใบยา แล้วมักจะพูดอวยพรสอนกล่าวว่า"
....กูไม่มีอะไรมาก กูไม่มีอะไรจะสอนพวกมึงหรอก เพราะพวกมึงก็รู้ว่ากูพูดไม่เป็น พูดไม่เก่งเหมือนเขา เทศนาว่ากล่าวอะไรก็ไม่เป็น กูมีแต่ว่าให่ละชั่ว ทำดีกันเท่านั้นแหละ บุญบาปมีจริงลูกหลานเอ้ย ให่เชื่อว่าบุญมีจริง บาปมีจริง ให่ละชั่ว ทำดี มีศีลธรรมประจำใจ บุญเห็นกับตา บาปเห็นกับตา รักตัวกลัวภัยอย่าทำชั่ว ให่ตั้งอยู่ในเมตตา”
หลวงปู่ชา สุภัทโท แห่งวัดหนองป่าพง
".... ถ้าเราเอาชนะตัวเอง
มันก็จะชนะทั้งตัวเอง ชนะทั้งคนอื่น ชนะทั้งอารมณ์
ชนะทั้งรูป ทั้งเสียง ทั้งกลิ่น ทั้งรส ทั้งโผฏฐัพพะ
เป็นอันว่าชนะทั้งหมด ..."
หลวงปู่พุธ ฐานิโย วัดป่าสาละวัน
"การปฏิบัติธรรมนี้...
ใช่ว่าเราต้องการความรู้ ความเห็น มาคุยอวดกันให้เสียเวลา
เราต้องการธรรมะอันที่...
สามารถจะมาแก้ไขปัญหาชีวิตประจำวันได้
สามารถแก้ปัญหาหัวใจได้
สามารถแก้ปัญหางานการได้
สามารถใช้พลังสมาธิ ไปสนับสนุนกิจการงาน... ที่เราทำอยู่ได้ทุกประเภท
จึงจะชื่อว่าเป็น "การฝึกสมาธิ" แล้วได้ผลคุ้มค่าแก่การเสียเวลา ฯ"
หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ
"คนเราเกิดมาไม่เห็นมีอะไรดี มีดีอยู่อย่างเดียว คือ สวดมนต์ไหว้พระปฏิบัติภาวนาคือมองทุกสิ่งทุกอย่างในโลกเป็นของชั่วคราว มีแต่ปัญหามีแต่ทุกข์ แล้วก็เสื่อม พังสลายไปในที่สุด
ดูก่อนท่านผู้เห็นภัยในวัฏฏสงสาร(การเวียนว่ายตายเกิด) ทั้งหลาย ถ้าท่านต้องการพ้นภัยจากการเกิดแก่เจ็บตาย ท่านควรมีคุณธรรม 6 ประการนี้ไว้เป็นประจำจิตประจำใจ ทุกท่านย่อมจะได้บรรลุมรรคผลนิพพาน ถึงความสุขใจอย่างยอดเยี่ยม
คุณ 6 ประการนั้นคือ
1. ข่มจิตในเวลาที่ควรข่ม
2. ประคับประคองจิตในยามที่ควรประคับประคอง
3. ทำจิตให้ร่าเริงในยามที่ควรร่าเริง
4. ทำจิตวางเฉยในยามที่ควรวางเฉย
5. มีจิตน้อมไปในอริยมรรค อริยผลอันประณีตสูงสุด
6. มีจิตตั้งมั่นในพระนิพพานเป็นจุดหมายปลายทางของชีวิต
ผู้ปฏิบัติที่มีความสามารถฉลาดย่อมจะต้องศึกษาจิตใจและอารมณ์ของตนให้เข้าใจและรู้จักวิธีกำหนดปล่อยวางหรือควบคุมจิตใจและอารมณ์ให้ได้ เปรียบเสมือนเวลาที่เราขับรถยนต์ จะต้องศึกษาให้เข้าถึงวิธีการขับขี่ที่ปลอดภัย บางครั้งควรเร่ง บางคราวควรผ่อน บางทีก็ต้องหยุดเร่งในเวลาที่ควรเร่ง ผ่อนในเวลาที่ควรผ่อน หยุดในเวลาที่ควรหยุด ก็จะสามารถถึงที่หมายได้อย่างปลอดภัย
ข้อสำคัญที่สุดของการปฏิบัติคือ ต้องไม่ประมาท ต้องปฏิบัติให้เต็มที่ตั้งแต่วันนี้ ใครจะรู้ว่าความตายจะมาถึงเราเมื่อไร ถ้าเราปฏิบัติไม่เป็นเสียแต่วันนี้ เวลาใกล้จะตายมันก็ไม่เป็นเหมือนกัน เหมือนคนที่เพิ่งคิดหัดว่ายน้ำ เวลาใกล้จะจมน้ำตาย นั่นแหละก็จมตายไปเปล่า ๆ ถ้าใน 1 วันนี้ไม่ปฏิบัติภาวนาวันนั้นขาดทุนเสียหายหลายล้านบาท
หลวงปู่พุทธทาสภิกขุ
นิพพานที่นี่และเดี๋ยวนี้
เอ้า, ทีนี้ก็มาพูดถึง ที่ว่า นิพพานที่นี่และเดี๋ยวนี้ กันดีกว่า:
เพราะว่ามันเป็นเรื่องที่ทำให้ผมถูกด่า จนไม่รู้ว่าจะด่าอย่างไรแล้ว
ว่าเอาพระนิพพาน มาทำให้สำเร็จประโยชน์ที่นี่และเดี๋ยวนี้. ในเมื่อ
เขาต้องการ ให้ตายแล้วเกิด, ตายแล้วเกิด, ตายแล้วเกิด, ร้อยชาติ
พันชาติ หมื่นชาติ แสนชาติ แล้วจึงจะนิพพาน. แล้วเรามาทำให้
เป็นว่า ที่นี่และเดี๋ยวนี้ก็มีนิพพาน เขาก็โกรธ ไม่รู้ว่ามันจะไปขัด
ประโยชน์ ของเขาหรืออย่างไร ก็ไม่ทราบ
เขาหาเรื่องว่า เรามาหลอกคนว่า นิพพานที่นี่และเดี๋ยวนี้ หรือ
ทำให้ นิพพานนี้ด้อยค่าลงไป เพราะทำได้ที่นี่และเดี๋ยวนี้ เขา
ให้ถือว่าหมื่นชาติ แสนชาติ จึงจะได้; ถ้าอย่างนั้น ค่ามันก็มากซิ;
พอมาทำได้ที่นี่และเดี๋ยวนี้ กลายเป็นของง่ายไป เขาคัดค้าน ก็ด่า;
ไม่เป็นไร, เราไม่ได้ต้องการแก่คนพวกนี้ เราต้องการให้คนทั่วไป
ต่างหาก ได้รับประโยชน์จากนิพพาน
หลวงปู่หลวงพ่อครูบาอาจารย์ท่านก็มีฟอร์มของท่าน แต่ท่านไม่ได้วางท่าหรือวางฟอร์มอะไรกับใคร เหมือนบุคคลทั้งหลาย สิ่งที่ท่านแสดงออกมาล้วนเป็นการแสดงโดยธรรม เพื่อธรรม และเป็นธรรมจากใจ ใครๆก็รู้
ตามหาแก่นธรรม พยายามที่จะเดินไปเคียงคู่กับท่านผู้อ่าน อย่างช้าๆและไร้ฟอร์ม ศึกษาธรรมะที่อ่านและเขียน หัดปฎิบัติให้ชัดเจน เพื่อกระเทาะเปลือกให้หลุดไปเรื่อยๆนกระทั่งสักวันหนึ่ง
ไม่ใช่มัวไขว่คว้าหาดาว หรือวิ่งเหยียบเงาตัวเอง ไม่มีประโยชน์อะไรและไม่ได้วางฟอร์มไว้ครับ เอวัง
ธรรมะสวัสดี
แทนสะมะชัยโย
นานๆได้อ่านคำสอนของครูบาอาจารย์เป็นชุดสักที แล้วเกิดอึดสู้ดีจังเลย สู้กับกิเลสของตัวเองนะครับ ดูมันมีความหวังมากกว่าผู้นำในประเทศสารขันธ์ ที่อยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ได้รับเลือกกันมาเพราะเหตุใดก็ไม่รู้ วางฟอร์มกันหน้าดู บ้างบอกว่าเป็นนักปกครอง พอเกิดเรื่องแล้วก็ฉาก บ้างก็รอดูข้อมูล บ้างก็บอกขอประชุมก่อน บ้างก็บอกมั่นใจแน่นอน แต่ไม่ทำอะไรให้เลย ประเทศนี้คนเก่งจึงหันมาเรียนนิติหรือรัฐศาสตร์ แทนแพทย์และวิทยาศาสตร์ หรือวิศวกรรม ศาสตร์ เพราะไม่อยากสร้างสรร แต่อยากจะหาฟอร์มใหม่แหวกแนวกันกะมัง แล้วมันก็เดิมๆๆๆๆๆ หรือเปล่าก็ไม่รู้ รู้อย่างเดียวจริงๆว่า....ชีวิตคนเรามันแสนสั้นนะ... ขอบอก
สะมะชัยโย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น