Theขี้ฝุ่นริมทาง
วันพุธที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2554
นักโทษหนีคุก กับ พวกเสื้อแดง
ตามที่เคยวิเคราะห์ไว้ล่วงหน้าเกี่ยวกับนักโทษหนีคุกกับพวกเสื้อแดง ขณะนี้เป็นไปตามคาดหมาย เสือสองตัวอยู่ในถ้ำเดียวกันนั้นอยู่ยาก สุดท้ายจะต้องแตกหักแยกกันเดินอย่างแน่นอน เพียงแต่จะช้าหรือเร็วเท่านั้น
ด้วยความเป็นจริง ชัยชนะจากการเลือกตั้งของกลุ่มนักโทษหนีคุกอย่างมากมายในครั้งนี้ พลังเสื้อแดงเป็นแค่ส่วนประกอบเล็ก ๆ ส่วนหนึ่งเท่านั้น มิได้มีนัยสำคัญในชัยชนะอย่างแท้จริงตามที่ผู้คนทั้งหลายเข้าใจกัน จนกระทั้งพวกเสื้อแดงหลงละเหลิงคิดว่าเป็นเพราะพวกเสื้อแดงจึงได้รับชัยชนะ และนำมาเป็นข้ออ้างในการข่มขู่นักโทษหนีคุก เพื่อผลประโยชน์ของพวกแกนนำผู้ก่อการร้ายแดงกลุ่มหนึ่งเท่านั้น
สาเหตุที่วิเคราะห์เช่นนั้น ด้วยเหตุผลต่าง ๆ ดังนี้
1. การกำหนดนโยบายประชานิยม ในลักษณะการโฆษณาชวนเชื่อแบบลดแลกแจกแถม เทกระจาดหวังผลชัยชนะแบบสุดลิ่มทิ่มประตู (ด้วยแนวทาง ข้าแพ้ไม่ได้ ประเทศชาติฉิบหายช่างมัน) ดังนั้น กลุ่มเป้าหมายซึ่งเป็นฐานเสียงขนาดใหญ่ของประเทศ (ได้เสียงจากกลุ่มพวกนี้ชนะแน่) จึงถูกกำหนดเป็นยุทธศาสตร์ เช่น
กลุ่มผู้ใช้แรงงาน โฆษณาชวนเชื่อว่าจะได้ค่าแรงงานรายวันขั้นต่ำ 300 บาท
กลุ่มนักศึกษา โดยเฉพาะกลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏ ซึ่งจบการศึกษาปีละนับหมื่นนับแสนคนต่อปี โฆษณาชวนเชื่อ เงินเดือนขั้นต่ำ 15,000 บาท ทั้ง ๆ ที่ขณะนี้เงินเดือนไม่เกี่ยงยังตกงานอยู่เป็นจำนวนมาก
กลุ่มเกษตรกรชาวนา โฆษณาชวนเชื่อจำนำข้าวขั้นต่ำ 15,000 บาท และแถมบัตรเครดิตใช้รูดปื้ด ๆ อีกครอบครัวละอย่างน้อย 1 ใบ
กลุ่มชนชั้นระดับกลาง โฆษณาชวนเชื่อว่าจะลดภาษีรถยนต์ เพราะระบบขนส่งมวลชนยังวิกฤตเช่นทุกวันนี้ ความฝันของคนกลุ่มนี้ก็อยากจะมีรถใช้สักคัน ฝันนี้จะเป็นจะจริงก็ต้องเลือกพรรคนักโทษหนีคุก โดยเฉพาะทำให้ผู้คนหลงเชื่อว่าเมื่อยกเลิกกองทุนน้ำมัน จะทำให้น้ำมันลดราคาได้ถึงหกเจ็ดบาท
กลุ่มผู้สูงอายุ มีการปล่อยข่าวพูดกันปากต่อปากว่าพรรคนักโทษหนีคุก จะปรับเงินสงเคราะคนสูงอายุห์รายเดือนจาก 500 บาท เป็น 1,000 บาท จะจริงหรือไม่จริงไม่ทราบแต่ลือไปทั้วบ้านทั่วเมือง ทำให้คนแก่หลงปลื้มอกปลื้มใจขนลูกหลานไปลงคะแนนกันทั้งบ้าน
กลุ่มโชเฟอร์แท็กซี่ ใช้เป็นกระบอกเสียงโฆษณาชวนเชื่อ ด้วยหลงเชื่อว่าเมื่อยกเลิกกองทุนน้ำมัน ตัวเองจะได้ประโยชน์ หลงเชื่อว่าพรรคเพื่อนักโทษหนีคุกชนะแล้วพวกตัวเองจะสบาย จึงช่วยหาเสียงกับผู้โดยสาร
อย่าลืมว่ากลุ่มเป้าหมายดังกล่าว มีคนในครอบครัว มีพ่อแม่พี่น้อง มีญาติมิตร มีบริวารคนใกล้ชิด มีคนรู้จักรวมอยู่ด้วยเป็นจำนวนมากมาย ดังที่ได้เห็นคะแนนเสียงออกมาถึง 15 ล้านเสียง
โดยกลุ่มเป้าหมายเหล่านั้นได้แต่คิดด้านบวก คิดแต่ว่าจะได้กับได้ โดยไม่เฉลียวใจแม้แต่น้อยว่า สิ่งที่ตัวเองอยากได้จากการถูกหลอกนั้น จะย้อนกลับเป็นภัยมหันต์กับตัวเองในอนาคตทั้งระยะสั้นและระยะยาว
ด้วยกลุ่มเป้าหมายตามตัวอย่างข้างต้น นี้คือที่มาของชัยชนะของพรรคนักโทษหนีคุก มิใช่พลังเสื้อดงเสื้อแดง แต่อย่างใด
2. ความอ่อนด้อยในการบริหารงานของรัฐบาลอภิสิทธิ์ ข้าวของแพงตามภาวะเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ ค่าครองชีพสูง ตลอดจนพรรคร่วมรัฐบาลมีแต่เสื้อสิงห์กระทิงแรด ประชาชนไม่ไว้วางใจในเรื่องทุจริตคอร์รัปชั่น จึงเป็นแรงผลักดันให้ประชาชนไม่มีทางเลือก ต้องเสี่ยงไปตายเอาดาบหน้า
จากการวิเคราะห์ดังกล่าว นักโทษหนีคุกก็รู้เหมือนที่เรารู้ ดังนั้น เมื่อได้อำนาจรัฐอยู่ในมือแล้ว เหตุใดคนฉลาดแกมโกงแบบนักโทษหนีคุก จะไม่รีบกำจัดพวกเสื้อแดง เพื่อมิให้เป็นหอกข้างแคร่คอยทิ่มตำข่มขู่หลอกกินอีกต่อไป (โดยเฉพาะพวกแกนนำผู้ก่อการร้ายแดงหยาบและกักขฬะ นักโทษหนีคุกจะยอมให้พวกนี้ข่มขู่หรือ??? เว้นแต่จะชะลอการแตกหักเพื่อหลอกใช้กันอีกระยะหนึ่งเท่านั้น) เพราะบุญคุณได้ทดแทนจ่ายกันอย่างเต็มที่ในแต่ละงานแต่ละจ๊อบที่พวกเสื้อแดง สนองความต้องการนักโทษหนีคุกเบ็ดเสร็จเรียบร้อยไปแล้ว
จึงอย่าเข้าใจผิดว่านักโทษหนีคุก “เสร็จนาฆ่าโคทึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล” เพราะบรรดาแกนนำผู้ก่อการร้ายแดงทั้งหลายเป็นได้เพียงมือรับจ้างเป็นจ๊อบ ๆ ก่อนลงมือและหลังลงมือได้รับค่าจ้างไปเรียบร้อยแล้ว มิได้เป็นขุนพงขุนพลแต่อย่างใด
ขุนพลที่แท้จริงของนักโทษหนีคุก ก็คือ ครม.ที่ได้เห็นชุดแรก ซึ่งเป็นที่รู้ ๆ กันอยู่ว่า เป็นผู้ใกล้ชิดเป็นผู้รับใช้รักษาผลประโยชน์ของนายทุนตัวจริง ซึ่งน่าจะเป็น ครม. ต่างตอบแทน เสียมากกว่า ที่จะเป็น ครม. ของคนเสื้อแดง หรือเป็นของประชาชนคนไทยทั้งประเทศ
ประชาชน
12 สิงหาคม 2554
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น