เดินด้วยใจ โดย พระไพศาล วิสาโล
เวลาเดินไปไหนมาไหนคนส่วนใหญ่มักคิดแต่เพียงเดินให้ถึงจุดหมาย
แต่การเดินมีประโยชน์มากกว่านั้น
หลายคนรู้ดีว่าการเดินช่วยให้ร่างกายแข็งแรง
แต่น้อยคนที่จะตระหนักว่าการเดินนั้นมีผลดีต่อจิตใจด้วย
ไม่ใช่แค่ฝึกความอดทนเท่านั้น
หากยังช่วยให้ใจสงบ ผ่อนคลาย และตื่นรู้อยู่เสมอ
การเดินโดยมุ่งเพียงแค่ไปไห้ถึง
ทำให้เราเป็นทุกข์ได้ง่าย โดยเฉพาะเมื่อจุดหมายปลายทางยังอยู่อีกไกล
ยิ่งคิดว่าเมื่อไรจะถึง ๆ ก็ยิ่งเครียดและหงุดหงิด
ทั้ง ๆที่กายยังไหว แต่ใจกลับเพลียเสียแล้ว
อันที่จริงเราไม่จำเป็นต้องทุกข์ขนาดนั้นเลยก็ได้
หากวางใจให้เป็น เช่น น้อมจิตมาอยู่กับทุกย่างก้าว
ให้มีความรู้สึกตัวกับการเดินแต่ละก้าว
บางครั้งใจเผลอไปที่อื่น ระลึกได้เมื่อไร ก็พาใจกลับมาอยู่กับการเดิน
ให้กายกับใจร่วมเดินไปด้วยกัน
อย่าปล่อยให้กายอยู่ตรงนี้ แต่ใจไปรออยู่ข้างหน้าแล้ว
ใจที่เฝ้าแต่จะถึงจุดหมายไวๆ มีแต่จะนำความทุกข์มาให้โดยไม่จำเป็น
เมื่อใจอยู่กับกายทุกย่างก้าวอย่างต่อเนื่อง
ถึงแม้ตัวจะยังไม่ถึงจุดหมาย
แต่ใจกลับ “ถึง”ทุกขณะ นั่นคือเข้าถึงความสงบเย็นและผ่อนคลาย
เพราะเมื่อจิตไม่วอกแวก หรือชะเง้อมองจุดหมาย
ก็ย่อมไม่ถูกเผาลนด้วยความอยากจะไปให้ถึงไว ๆ
ขณะเดียวกันการหมั่นรู้ทันความนึกคิดปรุงแต่ง
(รวมทั้งความอยากจะถึงที่หมายไว ๆ)
ก็ช่วยฝึกสติหรือความระลึกได้ให้ทำงานได้รวดเร็วฉับไว
ทำให้จิตมีความรู้สึกตัวอย่างต่อเนื่อง
ทุกวันนี้เราเดินด้วยความรู้สึกตัวทั่วพร้อมน้อยมาก
เพราะใจลอยเกือบตลอดเวลา หากไม่พะวงถึงจุดหมายปลายทาง
ก็มักนึกถึงเรื่องต่าง ๆ มากมาย รวมทั้งวางแผนร้อยแปด
บางครั้งอากัปกิริยาจึงไม่ต่างจากคนเดินละเมอ
ความรู้สึกตัวทั่วพร้อมเกิดขึ้นได้เมื่อเรามีสติอยู่กับการเดิน
คือใจรับรู้ความเคลื่อนไหวทุกย่างก้าว
เมื่อใดที่จิตเผลอออกไปนอกตัว พลัดไปอยู่กับเรื่องราวในอดีตหรืออนาคต
รู้ตัวเมื่อไร ก็พาจิตกลับมาอยู่กับปัจจุบันคือการเดิน
โดยไม่จำเป็นต้องเพ่งที่เท้า หรือบังคับจิตให้อยู่กับเท้า
ทำเช่นนี้บ่อย ๆ ความรู้สึกตัวจะเพิ่มขึ้น สติจะปราดเปรียวขึ้น
ทำให้เราไม่เผลอง่าย จะคิดหรือทำอะไร
ก็ทำด้วยใจที่เต็มร้อยและมีสมาธิมั่นคง
ไม่ว่าจะเดินไปปากซอย ขึ้นบันได หรือไปทำงาน
เป็นโอกาสดีสำหรับการบ่มเพาะสติ สร้างความรู้สึกตัว
ขอขอบคุณ คุณVeera เหลืองชมพูเหนือหัวชาวไทย จากเฟสบุ๊ค
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น