++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพุธที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2553

ความในใจ...หลังการเมืองใหม่แพ้เลือกตั้ง ส.ก./ส.ข.

โดย สำราญ รอดเพชร 31 สิงหาคม 2553 18:02 น.
คุณสำราญสัมภาษณ์ตัวเองอีกแล้ว ทำไมต้องใช้มุกเก่า

- จำได้ว่าครั้งนี้ครั้งที่ 3 เองนะ ต้องขอโทษที่ขลุกขลักนิดหน่อยครับ ช่วงนี้งานเข้าเยอะมาก...สมาธิไม่นิ่งพอ...

เพราะพรรคแพ้เลือกตั้งล่ะสิ ถามตรงๆ คุณช็อกไหมที่พรรคการเมืองใหม่ไม่ได้แม้ที่นั่งเดียวทั้ง ส.ก./ส.ข.

- ไม่ช็อกอะไรเลย แต่ยอมรับใจแป้วตอนเปิดหีบนับคะแนนนะพอรู้ว่า ส.ข.แพ้ก็แป้วเลย รู้แล้วอะไรจะเกิดขึ้น เพราะส่วนตั๊วส่วนตัวจริงๆ หวังแค่ 3 เก้าอี้ ส.ก.บอกเพื่อนใกล้ชิดบางคนว่าถ้าเกิน 3 ก็กำไร.. อันนี้ในช่วงโค้งสุดท้ายนะ

หวังแค่ไม่กี่เก้าอี้อย่างนี้แล้วส่งผู้สมัครทำไม มันไม่มีความหมายอะไรนี่

อันนี้ตอนท้ายนะ แต่ตอนต้นเมื่อพรรคมีมติส่งผู้สมัครก็หวังว่าน่าจะซัก 10 กว่าที่นั่ง

สรุปเลยซิว่าทำไมแพ้เลือกตั้งหนนี้

- เอาเป็นประเด็นสำคัญๆ นะ เป็นความเห็นส่วนตัว - 1) พรรคไม่พร้อม 100% มีข้อจำกัดในการส่งผู้สมัคร ตั้งแต่การตกผลึกทางความคิดว่าจะส่งหรือเปล่า บางคนบอกว่าต้องส่งไม่งั้นก็ยุบพรรคไปเลยดีกว่า การส่ง ส.ก./ส.ข.ทำให้มีประสบการณ์จริงในการเลือกตั้งแพ้ก็ไม่เป็นไรจะได้รู้จักตัว เอง บางคนบอกว่ารอเลือกตั้งใหญ่ทีเดียวดีกว่า... และความไม่พร้อมเอามากๆ ก็คือเรื่องเงินทุนงบประมาณ เที่ยวนี้ส่วนกลางของพรรคใช้ไปแค่ล้านกว่าบาท ป้ายส่วนกลางวางไว้ 5 ชุดใหญ่ ออกได้แค่ 2 ชุด คือชุดแรก "กรุงเทพฯ ทราบแล้วเปลี่ยน” กับชุดสุดท้าย "ขอโอกาส” เท่านั้น... ไม่มีเงินทุนให้ผู้สมัครเลย ต้องคารวะจิตใจผู้สมัครทุกท่านจริงๆ

- 2) ทีมงานส่วนกลางของพรรค ตลอดจนผู้สมัครกว่า 80% ถือว่าเป็นหน้าใหม่หรือมือใหม่ -3) ผลงานในพื้นที่นี่ไม่มีมาก่อน ยกเว้นผู้สมัครบางท่านที่เป็นอดีต ส.ก.และ ส.ข. - 4) ผู้มาใช้สิทธิแค่ 41% ถือว่าเท่าๆ กับเมื่อปี 2549 อันนี้เท่ากับว่าการปลุกพลังเงียบของเราไม่เป็นผล เราต้องไปแย่งไปแบ่งคะแนนจัดตั้งของสองพรรคใหญ่มา - 5) การซื้อเสียง หรือกลโกงที่แยบยล ซึ่งแม้จะไม่ใช่ปัจจัยชี้ขาดที่ทำให้เราแพ้แต่ก็ทำให้คะแนนเราถูกทิ้งห่าง หรือบางเขตที่เราพอจะมีโอกาสก็ชวดไป

และสุดท้าย - 6) อันนี้สำคัญมากคือช่วงท้ายๆ ขณะที่กระแสเราดูดีขึ้นบ้าง มีการตอกย้ำวาทกรรมเรื่องสีเสื้อ “เลือกเหลืองจะได้แดง” เหลืองจะตัดคะแนนประชาธิปัตย์ พรรคเพื่อไทยจะเข้าป้ายแทน...หนักจริงๆ คือพยายามตอกย้ำให้การเมืองใหม่เป็น “เหลือง” เพื่อไทยเป็น “แดง” แม้เราจะไม่พยายามพูดเรื่องสีเสื้อพยายามพูดถึงชุดนโยบายแก้ปัญหา พูดถึงความมุ่งมั่น แต่เราก็ต้องตามแก้...เลือกเหลืองก็ต้องได้เหลือง เลือกการเมืองใหม่ก็ต้องได้การเมืองใหม่ เลือกเพื่อไทยก็ได้เพื่อไทย..มันเป็นความเก๋าเกมที่เป็นวิชามารน่ะครับ เหมือนที่พวกเขาเคยปล่อยวาทกรรม “จำลองพาคนไปตาย” เมื่อหลายปีก่อนน่ะ..

ตกลงเลือกตั้งหนนี้ทำให้รู้จักตัวเองรึยังว่าเป็นใคร...

ผมเหรอ ผมรู้จักตัวเองมาตั้งนานแล้ว....อย่างนี้นะในมุมกลับประสบการณ์การเลือกตั้ง เที่ยวนี้โดยรวมๆ ผมว่าทำให้ทุกภาคส่วนของความเป็นพรรคการเมืองใหม่รู้จักตัวเองอย่างแน่นอน รู้ว่ากำลัง แนวร่วม ฐานสนับสนุนของตัวเองอยู่ตรงไหน การเมืองเรื่องการเลือกตั้งกับการเมืองภาคประชาชนบนท้องถนนมันต่างหรือ เหมือนกันหรือไม่อย่างไร..

ในส่วนของผมน่ะ เรียนตรงๆ ว่าบนความพ่ายแพ้ที่ว่าๆ กันน่ะ ผมมีความภาคภูมิใจที่ได้เห็นคะแนนบริสุทธิ์สะอาด คะแนนใสๆ ที่พี่น้องพันธมิตรฯ พี่น้องประชาชนมอบให้ตั้งแต่เขตเลือกตั้งละ 2 พันจนถึง 8 พันกว่า..มันคือคะแนนที่พี่น้องมอบให้ด้วยใจจริงๆ เพียงแต่มันไม่มากพอที่จะชนะได้เก้าอี้เท่านั้น พรรคจะต้องรักษาและต่อยอดคะแนนเหล่านี้..

ไหนว่าพันธมิตรฯ มีพลังเหลือเฟือ ตกลงพันธมิตรฯ นี่ไม่ได้หมายความว่า “การเมืองใหม่” เท่านั้น...

เราไม่เคยพูดว่าพันธมิตรฯ นี่คือเฉพาะการเมืองใหม่นะ แต่เราบอกว่าพรรคการเมืองใหม่เกิดขึ้นมาเพราะพี่น้องพันธมิตรฯ มีฉันทามติให้จัดตั้งพรรค ถึงแม้จะไม่ใช่พันธมิตรฯทุกคนก็ตาม พรรคการเมืองใหม่เราทราบดีว่าพันธมิตรฯ จำนวนไม่น้อยเหมือนกันที่เป็นแฟนคลับพรรคประชาธิปัตย์ และจำนวนไม่น้อยเช่นกันที่เป็นพันธมิตรฯ อิสระ พวกเขาจะตัดสินใจโดยเสรีเป็นเรื่องๆ เป็นกรณีๆ ไป

พันธมิตรฯ โดยรวมๆ นี่ผมหมายถึงพี่น้องที่รักบ้านรักเมือง รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ต่อต้านระบอบทักษิณตราบใดที่ระบอบทักษิณยังเป็นอันตรายต่อบ้านเมืองต่อ สถาบันสำคัญของชาติ แต่ในส่วนที่มาเลือกพรรคการเมืองใหม่เมื่อ 29 ส.ค.นี่เป็นพันธมิตรฯ พันธุ์แท้ของการเมืองใหม่ ซึ่งแน่นอนเราต้องรักษาไว้ แต่เราทราบดีว่าแค่นี้มันยังไม่เพียงพอ ขณะเดียวกัน เราก็ทราบดีว่าพรรคการเมืองต้องเป็นของประชาชนคนไทยทุกคนทุกภาคส่วน ไม่คำนึงถึงสีเสื้อ
แล้วจะเอายังไงกันต่อ..การเมืองใหม่

เดินหน้าต่อครับ แม้บางคน บางสื่อจะบอกว่าเหลืองจบเห่ แจ้งดับแทนที่จะแจ้งเกิดก็ไม่เป็นไรครับ เราอายุแค่ปีเดียว ยังมีเวลาที่จะปรับกระบวนทัศน์ปรับกระบวนแถว ซึ่งผมยอมรับว่าเป็นงานหนักมาก แต่เมื่อวาน (31 ส.ค.) ประชุมกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่นัดแรกดูแววตาทุกคนก็ยังมุ่งมั่น

ยังยืนยันในยุทธศาสตร์สองขา มีทั้งพันธมิตรฯ และพรรคการเมืองใหม่..

ต้องคู่ขนานสอดคล้องสัมพันธ์แต่ต้องเป็นอิสระต่อกัน คือไม่ต้องห่วงว่าพันธมิตรฯ กับการเมืองใหม่จะพากันไปเผาบ้านเผาเมืองเหมือนที่บางกลุ่มบางฝ่ายกระทำ เมื่อเดือน เม.ย.-พ.ค.ที่ผ่านมาหรอกครับ และจากนี้ไปผมว่าการเมืองภาคประชาชนขนาดใหญ่อย่างพันธมิตรฯ หรือองค์กรอื่นๆ การที่จะขับเคลื่อนอะไรก็ต้องฟังกระแสเสียงสังคมมากกว่าเดิม มีเหตุมีผลมีความชอบธรรมมากกว่าเดิม มันจะเป็นไปตามภาววิสัยของสังคม ประการสำคัญที่สุดพันธมิตรฯ เป็นองค์กรที่ยึดแนวทางสันติ มีเหตุมีผลอยู่แล้ว..

บางคนเป็นห่วง รู้สึกว่าคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองใหม่นับสิบคนเป็นผู้ต้องหาคดีก่อการร้ายด้วย ไม่มีปัญหานำพาพรรคเหรอ..?

ก็ไม่ถึงเป็นปัญหานำพาพรรคหรอก แต่ถ้าไม่โดนจะดีกว่า ถึงแม้จะไม่ได้ตกอกตกใจอะไร แต่บางทีมันเหมือนเราถูกล่ามโซ่ถูกพันธนาการ ผมโดนคดีแพ่งคดีอาญาไป 4-5 คดี บางวูบก็อดน้อยใจอดสมเพชตัวเองไม่ได้ เอ๊ะ! เรากำลังทำอะไรนี่ เราทำเพื่อใครกันนี่ ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ ก็ไม่เป็นไรครับเป็นเรื่องของกรรมเวร ผมเชื่อว่าผมทำดีต่อบ้านเมืองก็แล้วกัน..

ผลเลือกตั้ง ส.ก./ส.ข.นี่บอกอนาคตการเมืองใหม่ได้ไหมว่า...ไม่ต่างกัน

ไม่ได้ ส.ส.แม้ที่นั่งเดียวว่างั้นเถอะ...แหม! ใจร้ายจัง ผมไม่มีวันเชื่ออย่างนั้น เลือก ส.ก./ส.ข.ยังไม่สะท้อนนัยการเมืองระดับชาติทั้งหมด อาจจะซักแค่ 25-30% อย่างไรก็ตาม สำหรับการเมืองใหม่นี่ต้องรู้ตัวเองว่าถ้าวิ่งแข่ง 100 เมตร เพื่อนเขาวิ่งแค่ 70 กว่าเมตรเท่านั้นเอง แต่พูดก็พูดเถอะการเมืองเรื่องเลือกตั้งมันยังมีตัวแปรอีกเยอะ ตั้งแต่วิธีการเลือกตั้ง วันเวลาและเหตุการณ์ตอนเลือกตั้ง...

คุณสำราญยังเชื่อว่ามีเลือกตั้งแน่นะ...

เชื่อเกิน 50% นะ แต่สถานการณ์บ้านเมืองยังน่าเป็นห่วงหลายเรื่อง ความรุนแรงจากนี้จนปลายปีน่าห่วง วินาศกรรม ลอบสังหาร ปล้นเผาโรงพัก อะไรทำนองนี้
ลอบสังหารใคร นายกฯ เหรอ..

หลังๆ นี่เป้าหมายดูเหมือนจะไม่ใช่นายกฯ แล้วนะ ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปที่แกนนำของพรรคร่วมบางพรรค...เป็นหลัก

มีอะไรฝากทิ้งท้ายสักนิดมั้ย..?

อันเนื่องจากการเลือกตั้ง ส.ก./ส.ข.ก็ขอบพระคุณแทนพรรคนะ ขอบพระคุณทุกคะแนน ทุกกำลังใจ ทุกพลังการสนับสนุนที่มอบให้ รวมทั้งข้อแนะนำข้อคิดความเห็นในรูปแบบต่างๆ ทั้งจากมิตรและบุคคลทั่วไป ขอบพระคุณผู้สมัครที่เต็มไปด้วยจิตอาสา จิตเสียสละ..

วันนี้เราได้รู้จักตัวเอง รู้จักมิตรจริงๆ ขณะที่ยังมีสิ่งที่พรรคจะต้องรู้จักรู้แจ้งเห็นจริงและปรับตัวเองอีกมาก แต่ผมยังมีความหวัง พรรคยังมีความหวัง และยังอยากขอโอกาสเชิญชวนทุกท่านก้าวเดินไปข้างหน้าเพื่อสร้าง “การเมืองใหม่” ร่วมกันครับ.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น