เมื่อสองสามปีก่อน ฉันถูกขอร้องให้เขียนแนะนำหนังสือลงในวรสารของสมาคมหนังสือชั้นนำแห่งหนึ่ง ตอนนั้นฉันตอบรับข้อเสนอไปด้วยความยินดี เพราะทำให้ฉันได้มีโอกาสติดตามหนังสือเล่มใหม่ๆในธุรกิจที่ลงทุนไป และฉันยังไม่มีโอกาสคุยให้ใครๆฟังว่า ฉันได้เขียนแนะนำหนังสือให้กับสมาคมหนังสือที่มีชื่อเสียงแห่งนี้ด้วยนะ
ถึงแม้ว่ามันจะฟังดูดี อย่างน้อยที่สุดก็สำหรับตัวฉันเอง แต่ความเป็นจริงก็คือมันเป็นงานที่ไม่ต่อเนื่อง ต้นฉบับหนังสือก็ค่อนข้างน่าเบื่อ งานเร่ง แถมค่าจ้างก็แสนถูก ดังนั้นเมื่อเวลาผ่านไป มันจึงกลายเป็นความยุ่งยากอย่างมากสำหรับฉัน
เมื่อความสนใจเปลี่ยนไป ฉันก็น่าจะมีเหตุผลที่จะเลิกทำงานนี้ แต่ฉันกลับยังคงทำมันต่อไปนานกว่าที่ควรจะทำ ผิดจากนิสัยของฉัน
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความรู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ได้รับการขอให้ทำสิ่งนี้ (ทั้งๆที่จริงๆแล้วไม่อยากทำ) แต่ที่สำคัญฉันกล้าบอกได้ว่า เป็นเพราะตัวฉันเองรู้ดีว่า ฉันกำลังเขียนแนะนำหนังสือให้กับสมาคมหนังสือแห่งนี้
ในที่สุด ฉันก็คิดออกว่าถ้าฉันหยุดเขียนแนะนำหนังสือ ฉันก็ยังสามารถพูดได้ว่า ฉันเคยเขียนแนะนำหนังสือให้กับสมาคมหนังสือแห่งนี้ และมันก็น่าจะทำให้อัตตาฉันพึ งพอใจได้ในระดับเดียวกัน ดังนั้นท้ายที่สุดฉันก็ฉลาดขึ้น และบอกลากับงานนั้น
ถึงฉันจะรู้สึกอายที่ต้องยอมรับกับตัวเองอย่างนี้ แต่เมื่อได้พูดคุยกับคนอื่นๆ ฉันก็รู้ว่าพฤติกรรมอย่างนี้ไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไร
พวกเรามักจะถลำตัวเข้าไปอยู่ในสถานการณ์ทางด้านการงาน กิจกรรมทางสังคม งานอาสาสมัคร กีฬา และกิจกรรมอื่นๆ ที่ทำให้ชีวิตของเรายุ่งยาก
เราจมอยู่กับการทำอะไรอย่างนั้นนานเกินจำเป็น เพราะมันดูดีบนหน้ากระดาษ หรือเพราะมันฟังดูดี เมื่อเราได้มีโอกาสพูดถึงเรื่องนี้เวลาคุยกับคนอื่น หรือเพราะมันตรงกับความใฝ่ฝันของเราหรือของคนอื่น ที่คิดว่าการได้มีโอกาสทำสิ่งนี้เป็นเรื่องดี
เราแต่ละคนต้องตัดสินใจเพื่อตัวของเราเองว่า เมื่อไรจึงควรจะเลิกพยายามทำสิ่งนั้นๆเสียที
นี่อาจเป็นโอกาสเหมาะที่คุณจะได้ใคร่ครวญเกี่ยวกับชีวิตของตนเอง และดูว่ามีกิจกรรมอะไรบ้างที่คุณกำลังทำอยู่ และไม่ตอบสนองต่อการมีชีวิตที่เรียบง่ายของคุณ ถ้าอย่างนั้นก็เลิกทำมันเสียเถอะ
____________________________________
จาก คืนชีวิตสู่ความเรียบง่าย เอเลน เซนต์ เจมส์ / เขียน นุชจรีย์ ชลคุป / แปล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น