1. อย่าประมาท
ที่เราปฏิบัติทุกวันนี้ เราต้องตั้งใจปฏิบัติ อย่าประมาท
ความประมาทช่วยไม่ได้
ผู้ปฏิบัติธรรม ถ้าอยู่ด้วยความประมาท
ก็เท่ากับไม่ได้ปฏิบัตินั่นแหละ
ความรู้สึกของเรา ใจของเราก็บอกว่า เราพยายามปฏิบัติ
แต่สิ่งต่างๆ ที่รู้สึกว่าเป็นอุปสรรคก็มีมาก
ใจหนึ่งก็อยากปฏิบัติ แต่อุปสรรคก็มี
2. อย่ามองข้ามตัวเอง..... อย่าขี้โกง
ผู้ปฏิบัติธรรมต้องซื่อสัตย์สุจริตต่อตนเอง
ถ้าเรามีศรัทธาในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
มีศรัทธาในการปฏิบัติธรรม เราต้องซื่อสัตย์สุจริต
อย่าไปถือทิฏฐิมานะ ถือตัวถือตน
สิ่งใดที่ไม่ถูกใจ เราก็ว่าเขาไม่ดี เรามองข้ามตัวเอง
มองแต่คนอื่น อันนี้..... เรียกว่าเราไม่ซื่อสัตย์สุจริต
เรายัง ขี้โกง ทุจริต
จิตใจไม่บริสุทธิ์ ไม่บริสุทธิ์พอที่จะปฏิบัติธรรมได้
ใจหนึ่งก็อยากรวย รวยด้วยธรรมะ อยากสงบ
อยากบริสุทธิ์ อันนี้ก็มีอยู่ คือความอยาก
ความปรารถนาที่จะทำความดีของเราก็มีอยู่
แต่อีกใจหนึ่งก็ ขี้โกง ทุจริต ชอบคอรัปชั่น
3. “ละความชั่ว บำเพ็ญความดี ชำระจิตใจให้สะอาด”
ในการปฏิบัติ เราก็ไม่ค่อยปฏิบัติตัวเอง
ท่านให้
“ละความชั่ว บำเพ็ญความดี ชำระจิตใจให้สะอาด”
แต่พอเรามาปฏิบัติ เราก็จะเอาแต่ “ดี”
ปฏิบัติเดี๋ยวนี้ เราก็ต้องการ “ดี” เดี๋ยวนี้
สิ่งที่เราต้องการ อะไรๆ ก็แล้วแต่ เราก็ต้องการ “เอาเดี๋ยวนี้แหละ”
เราก็ข้ามเรื่องการ “ละความชั่ว” ไปเสีย
เราก็เลยเหมือนคนมักได้
พอตั้งใจปฏิบัติ ก็จะเอาแต่ของดีเดี๋ยวนี้
เราไม่ได้นึกถึง “เรื่องการละความชั่ว” หรือ “ทำความสะอาด”
เราไม่ได้นึกถึงว่า ของสกปรกที่มีเกินควร เราต้องชำระออกจากกาย
ออกจากวาจา ออกจากใจของตัวเองเสียก่อน คือการละความชั่ว
เราต้องสำรวจดูว่ามีอะไรที่ไม่น่าดู ไม่สะอาด
ทางกาย ทางวาจา ทางจิตใจของเรา มีบ้างหรือเปล่า
ที่ทำไปแล้วตัวเองก็ไม่สบายใจ คนอื่นเห็นแล้วเขาก็ไม่ชอบ
เรามีปิยวาจารึเปล่า ฯลฯ
อันนี้เราไม่ค่อยจะได้พิจารณา ไม่ได้ระลึกถึง
นั่งสมาธิเดินจงกรมปุ๊บ ก็จะเอาสมาธิเดี๋ยวนี้
มาวัดปุ๊บ ตั้งใจปฏิบัติ นั่งสมาธิ เดินจงกรม หาของดี เดี๋ยวนี้
อันนี้ก็ผิดหลักพุทธศาสนา
เราต้องนึก ต้องพิจารณาให้ดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น