สปสช.ประกาศตรึง ราคายากระตุ้นการผลิตเม็ดเลือดแดง ซึ่งจำเป็นสำหรับผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายทั้งวิธีฟอกเลือด และผ่านทางช่องท้อง เพื่อให้ผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายกว่า 15,000 คน เข้าถึงยาและมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น
จากการที่ สปสช.ให้สิทธิผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายด้วยวิธีผ่านทางช่องท้อง หรือ CAPD พบว่า มีผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งประเทศรวม 8,500 คน และมีคุณภาพชีวิตดีขึ้นอย่างชัดเจนสามารถประกอบอาชีพทำรายได้ให้กับครอบครัว ดังนั้นตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2553 เป็นต้นไป สปสช.จะให้สิทธิผู้ป่วยฟอกเลือดที่ต้องออกค่าฟอกเลือดด้วยตนเองให้สามารถ เข้าถึงยา Erythropoitin หรือยากระตุ้นการผลิตเม็ดเลือดแดง โดยไม่ต้องเสียค่ายาซึ่งตกเดือนละประมาณ 2,000-4,000 บาทต่อคน โดย สปสช.ได้ขอให้บริษัทนำเข้ายาดังกล่าวลดราคายาลงมาจากเดิมขายให้คนไข้ในระบบ หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (คนไข้บัตรหลักประกันสุขภาพ) ขวดละประมาณ 220-370 บาท ให้เหลือขวดละไม่เกิน 200-240 บาท ทำให้ประหยัดค่ายาดังกล่าวปีละจำนวนหลายร้อยล้านบาท
นพ.ประทีป ธนกิจเจริญ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า การดำเนินการเริ่มแรกบริษัทขายให้ สปสช.ที่ราคาขวดละ 750 บาท เท่ากับระบบประกันสังคม หรืออาจขายให้กับระบบสวัสดิการข้าราชการมากกว่าขวดละ 1,000 บาท ล่า สุด บริษัทยาจะลดราคาลงมาให้เหลือไม่เกินขวดละ 200-240 บาท ซึ่งจะ ส่งผลให้ผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติง เข้าถึงยาได้มากขึ้นและมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น
รายงานข่าวจากที่ประชุมใหญ่เครือข่ายชมรมเพื่อนโรคไตซึ่งมีผู้แทนผู้ ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายของจังหวัดต่างๆ เข้าร่วมประชุม เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม ที่ผ่านมา ตัวแทนผู้ป่วยไตหลายจังหวัดได้หารือถึงปัญหาที่ผู้ป่วยประกันสังคมถูกเรียก เก็บค่ายากระตุ้นการผลิตเม็ดเลือดแดงมากกว่าที่ประกันสังคมกำหนดไว้ ทำให้เกิดความเดือดร้อนนั้น
นายสุบิน นกสกุล ประธานชมรมเพื่อนโรคไตแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ทางชมรมจะเข้าพบเลขาธิการสำนักงานประกันสังคมและอธิบดีกรมบัญชีกลาง ให้ปรับราคายาดังกล่าวลดลงมาเท่ากับ สปสช.เพื่อให้ผู้ป่วยทุกระบบเข้าถึงยาได้มากขึ้นอย่างเท่าเทียมกัน และประหยัดงบประมาณของรัฐบาลด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น