++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันศุกร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2553

ยุคสมัยแห่งอาหาร-น้ำมาถึงแล้ว!

โดย สิริอัญญา 1 เมษายน 2553 18:39 น.
ในขณะที่มีการเคลื่อนไหวประกาศสงครามทางชนชั้นของคนเสื้อแดงที่ชู
แนวทางรวบรวมพลไพร่โค่นล้มอำมาตย์ เปลี่ยนแปลงการปกครอง
และสร้างประเทศไทยใหม่นั้น
ความเคลื่อนไหวสำคัญในโลกที่น่าจับตายิ่งกลับกลายเป็นเรื่องของอาหารและน้ำ
ไปแล้ว

มีปรากฏการณ์มากหลายที่เกิดขึ้น
และมีแนวโน้มที่ชัดเจนแล้วว่ายุคสมัยของสิ่งที่เรียกว่ายุคทุนนิยมก็ดี
ยุคไอทีก็ดี กำลังจะผ่านพ้นไปแล้ว
และความเป็นจริงของมนุษยชาติกำลังลุกขึ้นยืนเผชิญหน้าอย่างอหังการท้าทายมวล
หมู่มนุษย์อย่างน่าสะพรึงกลัวและน่าตื่นตะลึงอย่างยิ่ง

ประชากร ของโลกที่เคยมีระดับต่ำกว่า 2,000 ล้านคนในต้นศตวรรษก่อน
ได้เพิ่มปริมาณขึ้นอย่างรวดเร็ว จนปัจจุบันนี้ประชากรโลกมีกว่า 6,000
ล้านคนแล้ว

ในขณะที่ประชากรโลกเพิ่มขึ้นมากมายเช่นนี้
พื้นที่แหล่งผลิตอาหารเลี้ยงพลโลกทั้งบนผืนดินและในมหาสมุทรกลับไม่ได้เพิ่ม
ขึ้น มิหนำซ้ำยังมีปริมาณพื้นที่ที่ลดลงด้วย

พื้นผิวพิภพถูกมนุษย์บุกรุกเข้าสร้างอาคารบ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้าง
ต่างๆ เพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง
และได้ส่งผลกระทบที่เป็นวงกว้างแผ่กว้างออกไปอีก
จนทำให้พื้นที่พื้นผิวพิภพนี้ที่เคยเป็นแหล่งทำมาหากินหรือเป็นแหล่งผลิต
อาหารเลี้ยงพลโลกต้องหดแคบลงโดยลำดับ

ส่วน ในมหาสมุทรนั้นมีพื้นที่มากกว่าพื้นผิวพิภพ
และการรุกล้ำก่อสร้างสิ่งต่างๆ แม้มีบ้าง
แต่ยังไม่จัดว่ามีนัยสำคัญต่อปริมาณเชิงพื้นที่
ทว่าสิ่งที่มนุษย์ได้กระทำลงได้ทำลายสภาพของน้ำให้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากมาย
และทำให้แหล่งอาหารใหญ่ของโลกได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง

ภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้นทำให้น้ำแข็งตามขั้วโลกละลาย
ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของกระแสน้ำในมหาสมุทร
และทำให้ความเย็น-ร้อนของน้ำเปลี่ยนแปลงไป
จนทำลายสภาพนิเวศน์ของสัตว์น้ำหลากหลายชนิด
ทำให้สัตว์น้ำหลากหลายชนิดต้องสูญพันธุ์
หรือไม่ก็ต้องอพยพถิ่นฐานและลดปริมาณการแพร่พันธุ์ลงอย่างฮวบฮาบ

ในขณะที่ระดับน้ำในมหาสมุทรเพิ่มมากขึ้น
แต่ปริมาณแหล่งน้ำจืดบนผิวพื้นพิภพกลับลดน้อยลง
จนกระทบต่อความเป็นอยู่ของมวลมนุษย์อย่างรุนแรง

แหล่งน้ำจำนวนมากมายในทุกทวีปและในหลายประเทศทั่วโลกได้ถูกทำลาย
อย่างยับเยิน ไม่ว่าด้วยการถม ด้วยการตื้นเขิน หรือด้วยการแปรเปลี่ยนสภาพ
หรือถึงแม้ยังดำรงสภาพเป็นแหล่งน้ำได้แต่ก็ขาดความอุดมทางนิเวศน์จากที่เคย
เป็นมาแต่อดีตจนแทบสิ้นเชิง

ปริมาณการกักเก็บน้ำจืดในแหล่งน้ำธรรมชาติได้ลดลงอย่างรวดเร็วในทุก
พื้นที่ของโลก แม้กระทั่งการเก็บน้ำใต้ดินที่เคยกักเก็บโดยธรรมชาติมาแต่ไหนแต่ไร
ก็กลับแปรเปลี่ยนสภาพที่พื้นผิวดินขาดความชุ่มน้ำ
ไม่สามารถกักเก็บน้ำได้เหมือนอดีตอีกแล้ว

ยาม น้ำบ่าไหลหลากก็จะไหลหลากบ่าท่วมจนเป็นอุทกภัยหรือดินถล่ม
และเกิดขึ้นในทุกพื้นที่ของโลก
ความมากมายและไหลหลากของน้ำกลับไม่สามารถซึมซับหรือกักเก็บโดยสภาพธรรมชาติ
ได้เลย จึงเป็นต้นเหตุสำคัญของความแห้งแล้งในทุกภูมิภาคของโลก

ฝนจากฟากฟ้าไม่สามารถจัดเก็บหลอมรวมเป็นแหล่งน้ำอันอุดมได้
ใต้พื้นผิวดินก็ไม่สามารถเป็นแหล่งกักเก็บน้ำได้อีกต่อไป
ความแห้งแล้งจึงแผ่ขยายออกไปกว่าค่อนโลก

ในปีนี้ทางด้านเหนือของโลกซึ่งเป็นดินแดนที่สูงหรือที่ราบสูงและเคย
เป็นต้นน้ำลำธารที่อุดม เป็นบ่อเกิดของแม่น้ำลำธารต่างๆ
กลับแห้งเหือดชนิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลยในรอบร้อยปีมานี้
จึงเป็นผลให้แม่น้ำทั้งหลายและสายธารทั้งหลายทั่วโลกได้รับผลกระทบอย่าง
รุนแรง
ความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อการผลิตอาหารสำหรับเลี้ยงพลโลก
อย่างกว้างขวางและรุนแรงอีกด้วย
แต่เป็นโชคดีของประเทศไทยที่บรรพบุรุษไทยมีความปรีชาสามารถ
เลือกถิ่นฐานให้ตกทอดมาถึงรุ่นเราท่านโดยที่ได้รับผลกระทบน้อยกว่าน้อยนัก

ดัง นั้นในยามนี้อันเป็นยามที่ทั่วโลกกำลังขาดแคลนอาหารและน้ำ
ประเทศไทยของเราก็ยังคงมีความอุดมสมบูรณ์ยิ่งกว่าประเทศอื่นๆ
และทั้งอาหารและน้ำก็ได้ทำรายได้จำนวนมหาศาลให้กับประเทศไทยในยุคปัจจุบัน
นี้

สภาพปัญหาและความอุดมสมบูรณ์เหล่านี้ของประเทศไทยทำให้หลายประเทศใน
โลกตื่นตัวรับรู้สถานการณ์แล้ว
ต่างพยายามดิ้นรนเพื่อแสวงหาทั้งอาหารและน้ำสำหรับอนาคต
บ้างก็ก่นสร้างขึ้นมาเองตามกำลังความคิดและกำลังทุนที่จะทำได้
และบ้างก็แห่แหนเข้ามาประเทศไทยเพื่อแสวงหาทั้งที่ดินและแหล่งน้ำ
เพื่อแก้ไขความจำเป็นในอนาคตของประเทศตน

ที่ดิน และแหล่งน้ำของประเทศไทยจึงกลายเป็นเป้าหมายของหลายชาติในโลกที่จะเข้ามาถือ
ครองหรือหาประโยชน์
ในขณะที่คนไทยยังคงสาละวนอยู่กับเรื่องของคนเพียงคนเดียว

ตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา
ชาวไทยย่อมได้ยินข่าวคราวถึงกลุ่มประเทศในเอเชียหลายประเทศที่ต้องการเข้ามา
ลงทุนซื้อหรือเช่าที่ดินเพื่อผลิตธัญญาหาร
นี่ก็คือปรากฏการณ์อย่างหนึ่งที่เกิดขึ้น

แม้คนไทยภายในประเทศเองก็เกิดการขยับตัวครั้งสำคัญ
บรรดาผู้มีทุนใหญ่ได้เริ่มจัดสรรวงเงินในการลงทุนแสวงหาที่ดินที่เป็นแหล่ง
ผลิตอาหารและน้ำกันอย่างคึกคัก

ในวันนี้ ลำพังแค่เจ้าสัวใหญ่เพียง 2
รายก็ได้ถือครองที่ดินและแหล่งน้ำรวมกันเป็นเนื้อที่หลายล้านไร่
นี่ก็คือปรากฏการณ์ใหม่ที่กำลังก่อตัวขึ้นในประเทศไทยของเรา

สภาพที่ประชากรโลกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
กับสภาพที่แหล่งผลิตอาหารและน้ำของโลกลดลง
จึงเพิ่มอัตราเร่งให้กับความขาดแคลนอาหารและน้ำให้กับมวลหมู่มนุษย์
ที่รวดเร็วและรุนแรงยิ่งขึ้น จึงเป็นมหันตภัยใหญ่ของมวลมนุษยชาติ
ที่ก่อตัวอยู่เบื้องหน้าและท้าทายมนุษยชาติไม่ว่าจะเป็นเผ่าพันธุ์หรือเป็น
ศาสนิกในศาสนาใดๆ

องค์การ อาหารโลกได้พร่ำเตือนชาวโลกให้ตระหนักถึงอันตรายของความไม่พอเพียงของอาหาร
และน้ำอย่างต่อเนื่องและถี่ยิบมากขึ้น
นั่นคือการเตือนภัยให้กับมวลมนุษยชาติว่าปัญหาใหญ่หลวงของมวลมนุษย์นั้นแท้
จริงแล้วหาใช่เรื่องลัทธิทางการเมืองหรือหลักปรัชญาความคิดหรือเรื่องของคน
คนเดียวแต่ประการใดไม่

แต่เป็นเรื่องความเป็นจริงที่ทุกชีวิตต้องการอาหารและน้ำ
ดังนั้นยุคสมัยที่อาหารและน้ำจะมีความสำคัญที่จะกำหนดยุคสมัยกำลังมาถึงแล้ว

ในเวลานี้บรรดานักคิดและนักอนาคตศาสตร์ได้เริ่มคาดคะเนถึงสถานการณ์
ใหม่กันแล้วว่ายุคสมัยของโลกที่เป็นมาแต่เดิมกำลังสิ้นสุดลงแล้ว

และ ยุคสมัยใหม่ที่เป็นความจริงของโลก ของมนุษยชาติ
และพลโลกทุกคนที่กำลังก้าวเข้ามาแทนที่ก็คือยุคของอาหารและน้ำ
ที่ไม่ว่าใครจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็ไม่สามารถหลีกหนีความเป็นจริงนี้ไป
ได้อีกต่อไปแล้ว

ประเทศจีนซึ่งเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดของโลกได้กำหนดนโยบาย
สำคัญในการผลิต ในการสำรองทั้งอาหารและน้ำ
และให้นำการสร้างแหล่งน้ำใหม่เพิ่มขึ้นทุกแห่งหนที่สามารถทำได้

เพราะแหล่งน้ำมีขึ้นที่ใด ความอุดมสมบูรณ์ย่อมมีขึ้นที่นั่น
พืชพันธุ์ธัญญาหาร มังสาหาร และผลาหารจักอุดมสมบูรณ์ ณ ที่นั้น

พรรค คอมมิวนิสต์จีนเพิ่งผ่านมติสำคัญเมื่อไม่นานมานี้
กำหนดให้มณฑลกวางตุ้งซึ่งเป็นมณฑลใหญ่ที่สุด 1 ใน 3
ของจีนและมีประชากรเกือบร้อยล้านคน
ให้เป็นมณฑลที่เป็นศูนย์กลางอาหารของโลก

เป็นผลให้ภาคปฏิบัติการในระดับมณฑลคือมณฑลกวางตุ้งเกิดการปรับตัว
ครั้งใหญ่เพื่อรองรับกับนโยบายใหญ่ที่ให้มณฑลกวางตุ้งเป็นศูนย์กลางอาหารของ
โลก การลงทุนสร้างตลาดกลางอาหารประเภทต่างๆ
และการสร้างระบบเครือข่ายการขนส่งที่เชื่อมมณฑลกวางตุ้งกับทั่วโลกกำลังเกิด
ขึ้นอย่างคึกคัก

ประเทศไทยของเราซึ่งเป็น 1 ใน 6
ประเทศของโลกที่ผลิตอาหารเลี้ยงพลโลกมาช้านานแล้ว
แต่ดูเหมือนว่าทุกอย่างยังเป็นไปตามสภาพธรรมชาติ
และทุกอย่างยังอยู่ภายใต้อุ้งมืออุ้งเท้าของนักการเมืองที่ไม่ประสีประสาต่อ
วิสัยทัศน์ที่กำลังเกิดขึ้นในโลก
เพราะสาละวนวุ่นอยู่กับเรื่องผลประโยชน์ทางการเมืองยิ่งกว่าประเทศชาติและ
ประชาชน

ต่อหน้าสถานการณ์ที่กำลังเปลี่ยนแปลงคลี่คลายไปอย่างใหญ่หลวงเช่นนี้
ประเทศไทยซึ่งเป็น 1 ใน 6 ของประเทศผู้ผลิตอาหารเลี้ยงพลโลกมาแต่อดีต
จึงเป็นประเทศที่อยู่ในแนวหน้าและได้เปรียบกว่าประเทศทั้งหลายในโลก
แต่ขึ้นอยู่กับว่าเราจะก้าวหน้าและปรับตัวให้ทันกับยุคสมัย
และดำเนินการทั้งปวงที่จะทำให้ประเทศชาติและประชาชนได้รับผลประโยชน์สูงสุด
จากการเปลี่ยนแปลงนี้ได้อย่างไร

เรา จะเชื่อมโยงประสานความเป็นศูนย์กลางอาหารและน้ำของโลกกับประเทศจีน
โดยเฉพาะคือมณฑลกวางตุ้งอย่างไร
จึงเป็นปัญหายุทธศาสตร์ชาติในระยะใหม่ที่ต้องศึกษาพิจารณาและเตรียมการให้
พรักพร้อมโดยเร็วที่สุด.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น