++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพุธที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2553

อารมณ์ขันในดนตรีและศาสนา (๑)

วิลาศ มณีวัต

            ดนตรีนั้นมีความหวาน ความซาบซึ้ง ใครฟังแล้ว ก็เคลิบเคลิ้มเกิดความบันเทิง นำใจให้สร่างโศก ข้อนี้ไม่เถียง เป็นที่ยอมรับกันทั่วไปในบรรดาผู้มีดนตรีการในหัวใจ

            แต่เคยคิดกันบ้างไหมว่า ดนตรีก็มีอารมณ์ขันแฝงอยู่
            คนที่สอนให้ผมมองเห็นอารมณ์ขันในดนตรีได้แก่ วอลท์ ดิสนีย์ ตอนนั้นผมยังเรียนอยู่สวนกุหลาบ รุ่นหลังป๋าเปรมสามรุ่น ไม่งั้นป่านนี้ผมได้ดีไปแล้ว....แฮ่
            เพื่อนนักอ่านรุ่นผม และรุ่นคุณต่วย คงยังจำได้ถึง วอลท์ ดิสนีย์ ที่นำเอานิยายปรัมปรา เรื่อง "The Sorcerer's Apprentice"ของ  DUKA มาเขียนเป็นการ์ตูนวิจิตรโลดเต้นได้อย่างมีชีวิตชีวา นิยายเรื่องนี้เล่าถึงไม้กวาดที่ถูกสะกดด้วยมนต์คาถาให้ไปตักน้ำ ดนตรีก็สนุกสนานไปตามท้องเรื่องของนิยาย ตลกขบขันดีแท้ มันเข้าไส้จริงๆครับ ตั้งแต่นั้นมา ผมมองเห็นไม้กวาดทีไร หูก็ได้ยินเพลงนี้ แล้วใจก็พลอยสนุกสนานตามไปด้วย

            อีกเพลงหนึ่งที่ตลกขบขันมาก ได้แก่ "Peter and the Wolf" ของ  PROKOFIEV  ไปลองหามาฟังดูเถอะ เพลงนี้ ศิลปินได้ให้เครื่องดนตรีเลียนเสียงสัตว์ต่างๆ ได้อย่างน่าทึ่ง เช่น ให้ฟลุทเลียนเสียงนก แน่ะ... ผมได้ยินนกร้องจุ้บจิ้บดังขึ้นแล้ว คลาริเน็ทเลียนเสียง แมว..หง่าว...หง่าว โอโบเลียนเสียงเป็ด ..แคว่กๆ..เชียวละ ช่างเหมือนเสียงเป็ดแถวพนัสนิคมที่ผมไปมาเมื่ออาทิตย์ก่อนนี่เอง  ส่วน ฮอร์น ก็เลียนเสียงหมาป่า ฟังด฿สยดสยองน่ากลัวพิลึก ใครอยากได้ยินเสียงหมาป่าก็ลองฟังเพลงนี้ดู แล้วก็มีเสียงปืน ..ปังๆ ของนักล่าสัตว์ด้วย

            อีกเพลงหนึ่งที่สนุกสนานถูกใจผมมาก คือ "The Flight of the Bumble Bee" เป็นเพลงของ ริมสกี้-คอซาคอฟ วงดุริยางคืเล่นเลียนเสียงผึ้ง ในอุปรากรเรื่อง  "The Legend of Tsar Saltan"  ได้ยินแล้ว อยากกินน้ำผึ้ง...เป็นงั้นไป

            เคยฟังเพลงของ HAYDN  ชื่อ Toy Symphony ไหมครับ นี่ก็อีกเพลง ฟังไม่รู้เบื่อ มีเสียงนกชนิดต่างๆ ราวกับเราไปนั่งฟังอยู่ในสวนนก เป็นเพลงที่ให้อารมณ์ครึกครื้น แก้เหงาได้ดีที่สุด

            เพลงของ ORTH ชื่อ "In a Clock Store"  เขาก็ไม่หยอกเหมือนกัน เขาใช้นาฬิกาต่างๆ ส่งเสียงประกอบ เช่นว่า นาฬิกาติดข้างฝา นาฬิกาส่งเสียงร้องของนกคุ้กคู (บังเอิญชื่อเล่นของลูกสาวคนหัวปีของเราชื่อกุ๊กกูเสียด้วย เพลงนี้เลยกลายเป็นเพลงประจำตระกูลของเราไปเลย) แถมยังมีเสียงนาฬิกาคุณปู่ และแม้กระทั่งเสียงไขลานนาฬิกา... มันขันก็อีตรงนี้แหละครับ ศิลปินท่านช่างขี้เล่นดีแท้ ทำให้ไพเราะน่าฟังยิ่งขึ้น ใครที่เริ่มจะหัดฟังเพลง ควรเริ่มต้นด้วยเพลงง่ายๆ แต่มีความขบขันเช่นนี้ ฟังได้สะดวกโดยไม่ต้องปีนกระไดให้เมื่อยตุ้ม

            พอชักจะฟังเป็นแล้ว ก็ค่อยเขยิบขึ้นมาฟังเพลงของมดซาร์ทละครับอีทีนี้ ไม่ต้องกราบครับ เพลงของ MOZART เพลงนี้ไม่ต้องกราบ  ของเขาสนุกอีกเหมือนกัน ชื่อ Musical Joke

            พออินทรียฺแก่กล้าผ่านมดซาร์ทไปได้ ก็ถึงคราวจะฟังเบโธเฟ็นกันละ อ้าว-- เตรียมตัวให้ดี ห้ามนุ่มผ้าขาวม้าฟัง  ผมขอแนะซิมโฟนีหมายเลข ๕ อันนี้ขบขันดีเหมือนกัน ตามด้วยการฟัง "ซิมโฟนีหมายเลข ๕ ๑/๒" ของ DON GILLIS  ซึ่งมีชื่ออีกชื่อหนึ่งว่า "Symphony For Fun" อันนี้ฟังแล้วสนุกสนานมีฮิวเมอร์ประปรายอีกเหมือนกัน

            เว้นเสียบ้างสักอาทิตย์หนึ่ง ขืนฟังมากเดี๋ยวจะนั่งยิ้มอยู่คนเดียว ลูกเมียตกใจผมไม่รู้ด้วยนา
            พอชักเหงาๆ วิเวกวังเวงในหัวใจ ก็ให้ฟัง เดอบุสซี่ ในเพลงชื่อ  "Children Corner Suit"  เพลงนี้แสดงให้เห็นชัดถึง อารมณ์ขันของเดลบุสซี่
            ถ้าวันไหนเกิดครึ้มๆ ขึ้นมาอยากไปเที่ยวฝรั่งเศส ก็ขอให้ฟังเพลงของ SAINT-SAENS ชื่อ "Carnivals of  Animals"  ท่อนที่ ๕ ชื่อ "ช้าง" ฟังแต่ชื่อก็สุดแสนจะมันส์แล้ว ต่อไปท่อนที่ ๑๒ ก็เพลงพื้นเมืองที่ศิลปินเอกเอามาล้ออีก ๓ เพลง รับรองว่าหายเหงา

            อยากฟังเสียงหมาเรอะ... นักดนตรีบอกว่า เสียงหมาเพราะดีเหมือนกัน เชิญฟังได้จากเพลง "The Incredible Flutist"  ท่อนที่รู้จักกันในชื่อว่า "Circus March" จะได้ยินเสียงหมาเห่าเกรียวเลย

            เรื่องอารมณ์ขันต่างๆในดนตรีนี้ ผมสืบทอดความบ้ามาจาก คุณเกษม เพื่อนเก่า 'ถาปัด ผู้เป็นอัจฉริยะทางดนตรี แต่ตอนเป็นนิสิตเปียโนมันแพง พ่อก้ไม่ใช่นามสกุลล่ำซำ คุณเกษมเพื่อนผม จึงเขียนโน้ตปะลงไปบนโต๊ะ แล้วก็ดีดเอาๆ เพื่อนๆก็เชียร์กันเหย็งเลยว่า เพราะจริงโว้ย  ตอนเป็นหนุ่ม เห็นมานั่งทำงานอยู่ที่ "ชูจักร" พักใหญ่ ไม่ได้พบท่านพี่ซะนาน ผมคิดถึงจริงๆ ว่างๆก็ติดต่อมาบ้างนะ .. อัจฉริยะทางดนตรีหยั่งคุณเกษมนี้ ไม่ได้มีบ่อยนักนะครับ แกเป็นเกลอกับเบโธเฟนมาตั้งแต่เป็นนิสิต ...แฮ่ ใครอย่าแหยม .. แกครอบเบโธเฟนให้ผมไว้เยอะ  ละครจุฬาฯ สมัยโน้น เรื่องดนตรีละก็ ทุกคนต้องวิ่งมากราบกรานขอคำปรึกษาจากแก เพื่อนผมอีกคนมันแอบนินทาแกลับหลังว่า "สงสัยเบโธเฟนจะกลับชาติมาเกิดว่ะ แต่ชาตินี้หมดเวรหมดกรรมแล้ว ก็เลยหูไม่หนวก"

            ทีนี้หันมาถึงเรื่องศักดิ์สิทธิ์อย่างศาสนาบ้าง ใครว่า พระไม่มีอารมณ์ขัน ผมขอเถียง พระที่กำลังทำความเพียรอยู่ อาจจะจริง เพราะกำลังระมัดระวังตัว ต้องกุมสติตลอดวัน แต่พระที่ท่าน "บรรลุ" แล้วอย่างท่านอาจารย์เทสก์ วัดหินหมากเป้ง อ.ศรีเชียงใหม่ หนองคาย ท่านปล่อยวางหมด ท่านก็มีอารมณ์ขันไม่ย่อยเหมือนกัน

            ครั้งหนึ่งลูกศิษย์ใหม่ไปกราบหลวงปู่เทสก์ เห็นลูกศิษย์เก่าหลายคนวิ่งเข้าไปให้หลวงปู่เป่าศีรษะให้ ลูกศิษย์ใหม่คนนั้นจึงถามด้วยความอยากรู้ว่า "การเป่าศีรษะเพื่อประโยชน์อะไร? "

            หลวงปู่เทสก์ ท่านก็ตอบแบบช็อคคระตีสว่า
            "พวกคุณมาให้เป่าเพื่อประโยชน์อะไร ?"
            ผู้คนฮาครืนกันทั้งศาลา
            ลูกศิษย์เก่าคนหนึ่ง มีความใกล้ชิดและเคารพหลวงปู่มาก ได้เฉลยให้ฟัง พร้อมกับพนมมือแต้ว่า
            "เพื่อความสบายครับหลวงปู่"

            หลวงปู่บอกว่า "ก็สบายล่ะซีถูกลมเป่า ถ้าจะให้สบายกว่านี้ต้องเป่าพัดลมยิ่งสบายได้นาน" เมื่อลูกศิษย์กลับกันไปหมดแล้ว ท่านอาจารย์เทสก์ได้ปรารภกับพระที่ปรนนิบัติอยู่ว่า ความจริงเราก็ไม่ใช่นักเป่านักแตะนักเจิมอะไรหร็อก แต่เพื่อแก้รำคาญ พูดเหตุผลให้ฟังมานานแล้วว่า มิใช่มันจะดิบจะดีอะไร เพราะการเป่าการพ่นหรือลูบศีรษะ มันดีเพราะเราปฏิบัติตัวของเราให้ดีต่างหาก

            หลวงปู่ท่านได้บันทึกถึงเรื่องนี้ว่า "พูดแต่หนุ่มจนแก่ จนลมที่จะพูดไม่มี บางทีก้มศีรษะเข้ามา เหม็นทั้งเหล้าเหม็นทั้งน้ำมันใส่ผม เหลือที่จะอดกลั้น  จึงเอาลมที่ยังเหลืออยู่นั้นมาเป่าแทน อธิบายให้ฟัง พอหมดเรื่องหมดราวไป" (โปรดดู "ปุจฉา วิสัชนาในประเทศ" โดย พระนิโรธรังสี คัมภีรปัญญาจารย์ (เทสก์ เทศรังสี)

            เห็นหรือยังล่ะครับ อารมณ์ขันของท่านอาจารย์เทสก์ ทีหลังอย่าเอาหัวที่เหม็นน้ำมันไบรล์ครีม... ไปกวนท่านอีกล่ะ ท่านเหม็นท่านก็บอกไม่ได้ ...มันไม่สวยครับ


    (อ่านต่อตอนที่ ๒)


ที่มา  ต่วยตูน เดือนมีนาคม ๒๕๓๑ ปีที่ ๑๗ ฉบับที่ ๗  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น