++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันจันทร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2553

เรือข้าว (๒- ตอนจบ) - ของเก่า เราลืม

ฒ. ผู้เฒ่า


            ... เรือบรรทุกเต็มระวางจัดเข้าพวงตอนน้ำขึ้นน้ำลงไหลจัดๆ ลำบากหน่อย สี่สิบห้าสิบตันเกิดลอยตามน้ำตั้งลำไม่ได้ ใช้ถ่อค้ำอัดหยุดได้ก็ไม่มีปัญหา ถ้าค้ำอัดไม่สะดวกอาจเป็นอันตราย ลูกเรือต้องใช้เชือกคล้องหลักยาวโดดลงน้ำขย่มปักเลนตรึงให้อยู่ ดึงเรือให้หยุดวิธีนี้เรียกว่า ต๋ง ตอนปล่อยจากพวงลอยทื่อปรี่เข้าหาเขื่อนหรือสะพานท่าเทียบหรือเข้าหาเรือด้วยกัน ก็ต้องออกกำลังกันหน่อย ใช้ถ่อค้ำห้ามล้อข้อโป่ง เขาว่ารับเรือ (ไม่ใช่ใครให้การต้อนรับอย่างที่ว่าๆกันหรอกครับ ใครเป็นผู้ต้อนรับ ใครผมว่าข้อความสมบูรณ์เต็มภาคภูมิแล้วเชียว ทำมั้ยต้องมีแถมให้การเข้าไปด้วย) งานเรือเป็นงานออกกำลังทั้งนั้น แจวถ่ออัดต๋งค้ำรับเรือโยนเชือกทิ้งเชือก โยนเชือกก็โยนให้ลากจูงหรือผูกหลัก ทิ้งเชือกก็แก้เชือกทิ้งให้สาวกลับมาม้วนเก็บ ชาวเรือต้องใช้ภาษาบอกกล่าวสั้นๆ อยู่คนละลำห่างกันยิ่งตะโกนอะไรยาวๆ ยิ่งไม่รู้เรื่องนอกจากด่า ตั้งขบวนเรียบร้อยก็สิ้นภาระ เข้ามารวมกันทางส่วนท้ายเรือที่เป็นที่อาศัยเบ็ดเสร็จ โดยมากจะไปในลักษณะครอบครัวพ่อแม่ลูกพี่ป้าน้าอาเทือกนี้ ถ้ามีลูกเขยลงไปด้วย ลูกสาวคนเล็กไม่ต้องเอาไปให้อยู่เฝ้าบ้านซะ ดาดฟ้าท้ายเรือเป็นที่สำราญ ถ้าเป็นเรือประเภทจ้างลูกเรือก็ไปอีกแบบ หมดธุระก็วงสุราฮะกึ๋นคื้นเครง ล่องลอยในสายน้ำสงบเงียบไร้กังวล บางลำแน่มากมามัคคีปรองดองเป็นอันดี เมียหลวงรับเชือกโยงหัวเมียน้อยโรยเชือกโยงท้าย-แฮ่ะ บางทีปากด่ากันไปแต่ก็ร่วมแรงร่วมใจกันค้ำรับเรือหน้าตั้ง เขาอยู่กันเป้นสุขในอาณาจักรเรือข้าว ไอ้ที่จะให้ใครคนหนึ่งอยู่เฝ้าบ้นน่ะ เรื่องนี้โนเวย์ ต่างคนต่างรู้ว่าผัวชอบกับข้าวคนละอย่าง ต้องลงไปแบ่งกันทำ บอกให้ทำแทนกันบ่ได้

            บรรทุกเพียบระวาง ต้องมีตาคอยดูหูคอยฟัง ไม่ใช่เรือแล่นเอื่อยๆน้ำใสไหลรินลมพริ้วแผ่วสบายอารมณ์ นอนเค้เก้กันหมด หรือตอกเหล้าไม่รู้เรื่อง ไม่ฟังเสียงหวูดเสียงแตรเรือสวนเรือแซง ไม่ชายตาดูอะไรเฉียดใกล้ กลางวันไม่เท่าไหร่แต่กลางคืนอันตราย ของมันไม่แน่บางครั้งเรือใหญ่นายท้ายเฮงซวยมืออสุรกาย สมองนรกไร้สำนึกผิดชอบแบบสิบล้อปีศาจบนทางหลวงยุคนี้ หรือม่ายก็เรือบยอชท์เรือสำราญของท่านผู้ลากมากดีไม่ดี ลูกท่านหลานเธอชอบแย่งนายท้ายสดงมันส์ในอารมณ์ ก็ไอ้แบบรถซิ่งเดี๋ยวนี้ละ สนุกลูกเดียวไม่ดูตาม้าตาเรือ (ที่นี่เรือจริงๆ) ไม่รู้สัญญาณเดินเรือ ไม่รู้ลดความเร็วที่ระยะต้องลด ตลุยกันมาเต็มสตีม ขบวนเรือโยงมีโอกาสรับคลื่นท้ายของเรือพวกนี้พวงรวนหน้าเขียว เรือพ่วงในขบวนรวนเรออกนอกแนว บางลำเฉจะขวางลำเอา  อาจถูกฉุดเอียงน้ำเข้ากราบดี ไม่ดีตะแคงจมเอาดื้อๆ ทั้งเรือลากจูงเรือพ่วงต้องระวังอยู่เสมอ แก้ปัญหาได้ฉับพลัน ชีวิตและทรัพย์สินกลางสายน้ำ-กู้ยาก ไฟเรือเดินเหนือหลังคา เรือข้าวเป็นปัจจัยสำคัญและจำเป็น มืดๆไม่รู้ว่าลำไหนหันรีหันขวางในลักษณะใด  นายท้ายเรือยนต์เรือไฟ ต้องอ่านไฟเรือเดินเขียวแดงออก เรือสวนเรือตามเรือนำ เห็นเขียวเห็นแดงมุมไหน รู้ทันทีว่าเรือห่างกันหรือแล่นในทิศทางที่ปลอดภัยหรือจะเกิดอันตราย เรือไม่มีห้ามล้อ มีแต่ชนพังกับจม

            เรือบรรทุกข้าวสยามนี่มีลักษณะเป็นเรือรับระวางบรรทุกหนักที่สมบูรณ์มาก ทรหดบึกบึนดูเหมือนอุ้ยอ้าย แต่ท้องเรือมีรูปแบบที่ไม่ต้านน้ำและติดเลนง่าย ทั้งสามารถเคลื่อนที่ในร่องน้ำแคบได้ดี จะเห็นเรือข้าวบรรทุกเต็มระวางถ่อเคลื่อนที่ไปได้ง่ายๆในลำคลองแคบๆ จะว่าเป็นรูปเปลือกมะพร้าวเปลือกแตงโมอะไรก็ตาม มีหรือไม่มีหลังคาประกอบเรือข้าวก็คงทรงสัดส่วนไม่ขัดนัยน์ตา เสียดายว่าในอนาคตไม่ใกล้ไม่ไกลคงจะสูญพันธุ์ไม้จะหมดป่าแล่วขรั่บพ่ม เมื่อรูปร่างดีเอื้อประโยชน์ใช้สอยดีอย่างว่า ก็น่าที่จะถ่ายแบบมาใช้วัสดุอื่นสร้างแทนไม้ได้ อย่างที่กรมประมงสร้างเรือประมงขนาดใหญ่ด้วยกรรมวิธีเฟอโรซีเมนต์ การบำรุงรักษาก็ดูจะง่ายและถูกกว่าเรือไม้อีกด้วย

            ลูกเล็กเด็กแดงอยู่กับเรือข้าวว่ายน้ำแข็งทั้งนั้น ที่เพิ่งคลานเพิ่งเดินเตาะแตะไม่เห็นผู้ใหญ่จะค่อยห่วงซักเท่าไหร่ สาวเรือโยงโดยมากรูปร่างได้ส่วนสัดสวย  แม้ผิวจะคล้ำแดดคล้ำลมไปบ้าง ก็ลองพาไปอบบ่มซักพักซิครับ คุณสาวสวยชาวกรุงที่สู้อดข้าวอดน้ำรักษาเชพน่ะ ว่าก็ว่าเถอะกินไม่ลงร็อก พวกเธอว่ายน้ำกันเป็นประจำ ออกแรงออกกำลังถ่อค้ำอัตต๋งโยนเชือกสาวเชือก เสียอย่างเดียวเรือจอดไม่เป็นหลักแหล่ง จอดแห่งละไม่กี่วัน ซ้ำคนบกอยากจะพบอยากดูก็ยาก ต้องผ่านโรงสีลงไปถึงท่าน้ำ  ถ้าไม่ถึงคิวจนถ่ายข้าวก็จอดห่าง ไม่ค่อยสบโอกาสเจอเค้าหรอกครับ เรือที่จอดรอขนถ่ายจะปักหลักผูกเชือกห่างตลิ่ง ใช้ทอดสะพานขึ้นลง ไม่จำเป็นไม่ทอด เขาว่าป้องกันหนูลงเรือกัดข้าวของเสียหาย ลงไปแล้วกำจัดยากซอกมุมมันแยะ  ที่สำคัญก็ยุ้งเชือกเรือที่มีสาวหน้ามนคงกลัวไอ้หนุ่มตีขลุมหาว่าทอดสะพานให้ด้วยมั้ง คิดว่าคำพูดทอดสะพานคงมาจากแถวนี้แหละ ลูกสาวหลานสาวเรือข้าวกลายเป็นเถ้าเก๋เนี้ยนั่งนับเงินล้าน  ดังในสังคมสมัยนี้ก็แยะ คนแบกข้าวขนถ่ายเป็นเจ้าสัวร้อยล้านก็หลายคน ไอ้หนุ่มหุ่นเก๋ทำเท่ลอยคอไปร้องเพลงมนต์รักสายนทีน่ะ คนบนเรือแกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้ ใช้น้ำแกงย่อยแล้งราดลงมานักต่อนัก

            แล้วก็อีกอย่าง แม่น้ำสมัยนั้นมัยเงียบสงบ ด่าค่อยๆแบบชาวเรือได้ยินกันทั้งคุ้งน้ำ-ลำบากตรงนี้



ที่มา  ต่วยตูน เดือนมีนาคม ๒๕๓๑ ปีที่ ๑๗ ฉบับที่ ๗  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น