++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพุธที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2553

เหยียบมายอน

นัย บำรุงเวช

ภูเขาไฟในประเทศฟิลิปปินส์ที่คนไทยรู้จักกันดีในขณะนี้ คงหนีไม่พ้นถภูเขาไฟปินาตูโบ (pinatubo) แม้ยังมีภูเขาไฟอีกหลายลูกระเบิดก็ไม่ดังเหมือนปินาตูโบ อย่างภูเขาที่เกาะนีโกรสที่อยู่ทางใต้ของเกาะลูซอนที่ระเบิดเมื่อกลางปี ๒๕๓๙ นี้ทำเอานักไต่เขาชาวเบลเยี่ยมตายไป ก็ดังเป็นข่าวไม่กี่วัน และก้เป็นเรื่องแปลกเสียด้วยที่นักไต่เขาชอบเสี่ยงปีนขึ้นไปยังปล่องภูเขาไฟที่กำลังคุกรุน ภูเขาไฟปินาตูโบตั้งอยู่ในจังหวัดซัมบาเลส ห่างจากกรุงมะนิลาราว ๒๐๐ กิโลเมตร

ก่อนภูเขาไฟปินาตูโบไม่ได้ดังกระฉ่อนก้องโลก จัดเป็นภูเขาไฟเงียบสงบเรียบร้อย ไม่มีอะไรเป็นที่น่าสนใจชวนให้ไปเที่ยวชม จนกระทั่งวันที่ ๒ เมษายน ๒๕๓๔ มันเกิดอารมณ์ไม่ดีขึ้นมาจึงแกล้งระเบิดพ่นลาวาเถ้าถ่านถล่มทับบ้านเรือนบริเวณนั้น และคร่าชีวิตชาวฟิลิปิโนไปเป็นจำนวนมาก ชื่อของปินาตูโบก็เลยดังเป็นพลุแตก เหมือนกับความดังในการระเบิดของมัน มันได้พ่นเถ้าถ่านลอยไปถึงชั้นบรรยากาศสตราโตสเฟียในระดับความสูง ๔๐ กิโลเมตร เถ้าถ่านปลิวไปตกกินบริเวณกว้างมาจนถึงในเมืองหลวง ฐานทัพอากาศคล้ากของสหรัฐอเมริกาอยู่ห่างจากภูเขาไฟปินาตูโบประมาณ ๔๐ กิโลเมตร ก็โดนเข้าไปเต็มเปา

ดีแต่ว่าสหรัฐอเมริกาได้ถอนกำลังออกไปก่อน มิเช่นนั้น เครื่องบินขับไล่คงจมอยู่ใต้เถ้าถ่านกลายเป็นสุสานเครื่องบินรบไปแล้ว
ภูเขาไฟปินาตูโบ เน้นหนักไปในทางความรุนแรง มีความสูง 1,877 เมตร รูปทรงสัณฐานไม่เตะตาชวนให้มองเหมือนกับภูเขาไฟฟูจิของประเทศญี่ปุ่นอันเป็นที่รู้จักกันดีในความงดงาม ในประเทศพิลิปปินส์มีภูเขาไฟที่ทรงสัณฐานงดงามกับเขาอยู่ลูกหนึ่งไม่แพ้ภูเขาไฟฟูจิ ชาวฟิลิปปินส์ภูมิใจว่า น่าจะเป็นภูเขาไฟที่สวยที่สุดในโลกด้วยซ้ำ นั่นก็คือ ภูเขาไฟมายอน (Mayon) บางคนก็เรียกมายอง ชื่อของภูเขาไฟไม่ค่อยเป็นที่รู้จักเท่าไร แต่ถ้ามันลองได้ระเบิดอีกครั้ง คงดังไม่แพ้ปินาตูโบเช่นกัน

ภูเขาไฟมายอนอยู่ทางจังหวัดภาคใต้ของเกาะลูซอน ที่เมืองเลกัสปี้ จ.อัลบาย ห่างจากกรุงมะนิลาประมาณ ๖๐๐ กิโลเมตร เขาเรียกจังหวัดทางภาคใต้ว่า เขตบิคอล (Bical) หรือดินแดนแห่งภูเขาไฟ ประกอบด้วย ๖ จังหวัด มีภูเขาไฟอยู่หลายลูกมากกว่าที่อื่น มีทั้งภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นอยู่และที่ดับสนิทไปแล้ว ภูเขาไฟที่กำลังคุกรุนในขณะนี้มีอยู่ ๒ ลูก คือ มายอน และบูลูซาน ที่ดับเรียบร้อยมี ๕ ลูก
นอกจากภูเขาไฟแล้ว เขตบิคอลยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกหลายอย่างคู่ควรต่อการไปเที่ยวชมหาความรู้ ความเพลิดเพลิน เช่น น้ำตกหลายแห่ง ถ้ำโฮยอปโฮโยปัน (Hoyop-Hoyopan) เป็นถ้ำที่มีมนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์เข้าไปอาศัยอยู่ก่อน มีอายุไม่ต่ำกว่า ๔,๐๐๐ ปี ถูกค้นพบเมื่อปี ๒๕๑๕ ภายในถ้ำกว้างใหญ่มีหลายห้องหับ ช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ชาวบ้านนับร้อยคนได้เข้ามาอาสัยหลบภัยอยู่ในถ้ำนี้อย่างสบาย อดีตประธานาธิบดีเฟอร์ดินาน มาร์กอส เคยมาเที่ยวชมความงามของถ้ำนี้หลายครั้ง ก่อนที่จะระเห็จออกนอกประเทศ ถ้ำนี้อยู่ห่างจากเมืองเลกัสปี้ไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ ประมาณ ๒๕ กิโลเมตร ดังนั้น ใครไปเที่ยวชมภูเขาไฟมายอนจึงพลาดไม่ได้ที่จะต้องมาเที่ยวที่ถ้ำนี้ด้วย

ธรรมชาติในเขตบิคอลมีความงามและความแปลกตา พื้นที่ราบลุ่มตอนกลางเป็นอู่ข้าวอู่น้ำ ประชากรส่วนใหญาประกอบอาชีพเกษตรกรรม ผลผลิตทางการเกษตรที่ขึ้นชื่อทำรายได้ให้กับเขตนี้มีอยู่ ๒ อย่าง คือ มะพร้าว และ ปออาบาก้า (Abaca หรือ Manila hemp) ซึ่งปอชนิดนี้เป็นสินค้าส่งออกไปใช้ในอุตสาหกรรมสิ่งทอและ อุตสาหกรรมกระดาษให้กับหลายประเทศ ทั้งยุโรปและอเมริกา ส่วนภายในประเทศชาวบ้านเอาอาบาก้ามาทำเป็นหัตถกรรม เครื่องจักสาน เช่นกระเป๋าถือ กระเป๋าใส่ของ ของใช้อื่นๆ และของที่ระลึกอีกหลายอย่าง
ตอนแรกนึกว่า ปออาบาก้าคงเป็นปอพวกเดียวกับปอแก้วปอกระเจาของบ้านเรา ที่ลอกเอาเปลือกมาทำประโยชน์ในอุตสาหกรรมสิ่งทอ ที่ไหนได้ พอได้เห็นต้นจริงของมันแล้วหาใช่พวกเดียวกับปอไม่ อาบาก้าเป็นพวกกล้วยชนิดหนึ่ง ต้นคล้ายกับกล้วยไข่บ้านเรา แต่ต้นผอมสูง ใบเรียวกว่า ชาวบ้านเอากาบของมันไปใช้ประโยชน์เหมือนที่เราเอากาบของต้นกล้วยน้ำว้าไปกรีดเป็นเส้นๆ ตามยาวตากแดดเป็นเชือกกล้วย กาบของอาบาก้าถุกนำไปกรีดเป็นเส้นตากแดดจนแห้งแล้วจึงนำเอาไปจักสานเป็นของที่ต้องการต่อไป ใครที่มาเที่ยวในเขตบิคอลมักซื้อผลิตภัณฑ์จากอาบาก้า ติดมือกลับไปเสมอ เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีราคาถูก สวยงาม ผู้หญิงไทยจึงเป็นนักท่องเที่ยวอีกกลุ่มหนึ่งที่มาซื้อกันกลับไปมาก

การเดินทางไปยังเมืองเลกัสปี้ใช้กันอยู่ ๓ เส้นทาง คือ ทางรถยนต์ รถไฟ และเครื่องบิน การเดินทางด้วยรถโดยสารประจำทาง ใช้เวลาเดินทางเกือบทั้งวัน พอๆกันกับการเดินทางด้วยรถไฟ เห็นรถไฟที่นี่ก็อดแปลกใจไม่ได้ว่า ทำไมที่หน้าต่างรถไฟถึงทำเป็นตะแกรงลวดอยู่ด้วยนอกกระจก เขาบอกว่าถ้าไม่ทำเช่นนี้มีหวังได้เปลี่ยนกระจกกันบ่อยๆ เพราะพวกที่มืออยู่ไม่สุขชอบขว้างก้อนหินใส่กระจก

ตอนเที่ยวไปเราเลือกเดินทางด้วยเครื่องบินภายในประเทศ เพราะต้องการความรวดเร็ว ใช้เวลาไม่ถึง ๒ ชั่วโมง การเดินทางด้วยเครื่องบินจะได้เปรียบกว่าผู้ที่เดินทางด้วยรถยนต์และรถไฟ ทั้งนี้เนื่องจากเมื่อบินมาถึงภูเขาไฟมายอน เห็นควันลอยขึ้นมาจากปล่องอย่างเอื่อยเฉื่อยนั้น กัปตันได้ประกาศให้ผู้โดยสารทราบ พร้อมกับโฉบเครื่องไปใกล้ๆกับปากปล่องภูเขาไฟ เราเป็นคนไทยผิวพรรณหน้าตาไม่ได้แตกต่างไปจากชาวฟิลิปิโนสักเท่าไร จึงไม่สามารถเรียกตัวเองว่า เป็นกะเหรี่ยงได้ เพราะถ้าเรียกตัวเองว่ากะเหรี่ยงก็ต้องเป็นกะเหรี่ยงคนละเผ่า คนไทยกลุ่มหนึ่งเดินไปดูปล่องภูเขาไฟมายอนที่ช่องหน้าต่าง ผู้หญิงบางคนต่างร้องออกมาด้วยความชื่นชมในความสวยงาม พนักงานบริการบนเครื่อง (เสิร์ฟน้ำเปล่าแก้วเดียว) บอกว่า ถ้าวันไหนทัศนวิสัยดี และกัปตันอารมณ์ดีด้วยก็จะบินวนให้ดูอีกรอบ ชั่วครูเดียวเครื่องก็ร่อนลงสนามบินภายในประเทศของเมือง ห้องผู้โดยสารค่อนข้างเล็กดูเงียบเหงา ผู้คนไม่พลุกพล่านนับคนได้ เนื่องจากวันหนึ่ง มีเครื่องขึ้นลงไม่กี่เที่ยว ออกจากสนามบินต้องง้อแท็กซี่ให้ไปส่งโรงแรม เพราะแท็กซี่มีอยุ่ไม่กี่คัน ต่างจากบ้านเรามากที่แท็กซี่เข้ามารุมล้อมผู้โดยสาร เราต้องตามใจคนขับแท็กซี่ พุดกับเขาอย่างนิ่มนวล ซึ่งเขาก็เรียกราคาไม่แพงเท่าไร เข้าพักในโรงแรมของการท่องเที่ยวประเทศฟิลิปปินส์ไม่มีดาวให้เห็นว่า กี่ดาว แต่ก็พอพักกันได้

ตอนเช้าลงไปดูแท็กซี่ที่นัดไว้ เมื่อวานว่าจะพาพวกเราไปเที่ยวภูเขาไฟมายอนกัน ปรากฏว่ารออยู่เกือบสองชั่วโมงก็ยังไม่โผล่หัวมา จึงรู้ว่าเขาเบี้ยวแล้ว หรืออาจเป็นเพราะเส้นทางไปภูเขาไฟมายอนไม่ดีก็ได้ คนขับแท็กซี่ได้เล่าให้ฟังระหว่างทางโดยสารมาโรงแรมว่า เส้นทางที่ไปบางช่วงเป็นถนนหินภูเขาไฟ โดยเฉพาะตั้งแต่ตีนเขาเรื่อยไป ประกอบกับระยะทาง ๔๘ กิโลเมตรจากตัวเมืองเป็นเหตุให้คนขับแท็กซี่ไม่อยากไปก็ได้ จึงจำเป็นต้องเหมารถสองแถวประจำประเทศที่เรียกกันว่า รถจี๊ปนี่ (Jeepney) ให้ไปส่ง

นั่งรถจี๊ปนี่กระเด็นกระดอนกันตลอดทางกว่าจะคลานมาถึงตีนเขาได้ จากนั้นค่อยๆคืบคลานขึ้นจนถึงจุดชมวิว มีที่พักและสถานที่สึกษาเรื่องภูเขาไฟตั้งอยู่ รถไต่ขึ้นทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือ อันจัดว่าเป็นเส้นทางที่ปลอดภัยที่สุด สำหรับนักไต่เขา (ฝรั่ง) ไม่ชอบเส้นทางนี้เพราะมันไม่ตื่นเต้นหวาดเสียว จึงชอบไปไต่เขากันที่ด้านตรงข้าม รถหยุดที่ระดับความสูงประมาณ ๗๖๒ เมตร เป็นจุดชมวิวอีกมุมหนึ่ง สามารถมองเห็นภูเขาไฟมายอนกำลังปล่อยควันลอยออกมาอย่างอ้อยอิ่ง รถไม่สามารถขับต่อขึ้นไปได้อีก เนื่องจากเป็นเส้นทางที่ชันและแคบมาก ถ้าอยากเห็นให้ใกล้ชิดกว่านี้ต้องไต่ขึ้นไปเอง

จุดชมวิวมีร้านขายอาหารอยู่ ตั้งใจจะหยุดพักซดเบียร์ซานมิเกลให้ชื่นใจก็ต้องผิดหวังเพราะร้านปิด จึงหาเบียร์ไม่ได้ อากาศข้างบนเย็นฉ่ำปกคลุมด้วยละอองน้ำ มีพรรณไม้พวกเฟิร์น ตะไคร่น้ำ ขึ้นอยู่ทั่ว บรรยากาศเป็นใจเสียด้วย แต่หาเบียร์เพิ่มสีสันให้กับบรรยากาศไม่ได้ รู้สึกหงุดหงิดออกอาการจนพวกผู้หญิง พูดแดกดันให้เสียหน้า ต่อจากนั้นได้พากันเที่ยวชมสถานีศึกษาเรื่องภูเขาไฟโดยเฉพาะ ซึ่งภายในได้จัดแสดงความเป็นมาของการเกิดภูเขาไฟ และการระเบิดของภูเขาไฟมายอน ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน พร้อมตัวอย่างหินลาวาระเบิดแต่ละครั้ง

ภูเขาไฟมายอนเป็นภูเขาไฟที่สวยสมบูรณ์ที่สุดในโลก (เขาว่าอย่างงั้น) ไม่ว่าจะมองที่ด้านทิศไหนก็เป็นรูปสามเหลี่ยมหรือคล้ายฝาชีตลอด ภูเขาไฟบางลูกเมื่อมองด้านหน้าเป็นรูปสามเหลี่ยม แต่พอมองไปด้านข้าง หรือหลังกลับไม่เป็นรูปสามเหลี่ยม ดูบูดๆเบี้ยวๆไป ดังนั้น จึงต้องหามุมกล้องถ่ายรูปด้านที่เห็นสมบูรณ์ที่สุดเพียงด้านเดียว เพื่อให้รูปที่ออกมาสวยงาม

ภูเขาไฟมายอน มีความสูง ๒,๔๒๒ เมตรจากระดับน้ำทะเล เคยระเบิดมาแล้ว ๔๔ ครั้ง ระเบิดครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.๒๑๕๙ (ไม่ทราบผู้บันทึกเป็นใคร) การระเบิดครั้งที่รุนแรงและทำความเสียหาย มากที่สุด คือ เมื่อวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๓๕๗ การระเบิดในครั้งนั้นได้คร่าชีวิตชาวเมืองดาราก้า อันเป็นเมืองเล็กๆอยู่ห่างจากเมืองเลกัสปี้ไปทางตะวันตก ๖ กิโลเมตร ชาวบ้านต่างพากันเข้ามาสวดอ้อนวอนพระเจ้าให้ช่วยปกป้องคุ้มครองภัยในโบสถ์กัจซาว่า ตอนกลางดึกของคืนนั้น ขณะที่ภูเขาไฟมายอนกำลังคำรามอยู่ มันได้พ่นลาวาออกมาคลอดชาวบ้านในโบสถ์ทั้งหมดตายไป ๑,๒๐๐ คน

ภูเขาไฟมายอนระเบิดครั้งล่าสุด เมื่อปี ๒๕๓๖ นี่เอง เป็นการปะทุออกมาเล็กน้อย ไม่ได้ทำความเสียหายอะไร เรียกว่า พ่นออกมาแก้กษัยเท่านั้น จึงไม่ตกเป็นข่างดัง
มายอน มาจากคำว่า มากายอน (Magayon) มีความหมายในภาษาท้องถิ่นบิคอลว่า "สวยงาม" ถ้าเป็นภาษาตากาล็อกคำว่า สวยงามตรงกับคำมากันด้า (Maganda)
ภูเขาไฟมายอนมีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่า ในครั้งกระนั้น ณ ดินแดนแห่งนี้ ยังไม่มีภูเขาไฟอุดมสมบูรณ์ด้วยพืชพรรณธัญญาหารมากมาย มีตาเฒ่าผู้หนึ่งชื่อ เฒ่ามากายอน ปลูกกระท่อมอาศัยอยู่กับหลานสาวที่นี่ ตาเฒ่าหวงหลานสาวคนนี้มาก เนื่องจากเธอเป็นคนสวยมากจนเป็นที่ร่ำลือกันไปทั่ว แต่หาได้มีชายคนใดกล้าเสนอตัวไปไม่ เพราะตาเฒ่านี้ดุมาก เคยเบิ้ดกะโหลกหนุ่มหลายคนแล้ว จึงไม่มีชายใดสะเออะมาจีบหลานสาวแกอีก

ไม่รู้เหมือนกันว่า แกจะหวงหลานสาวเอาไว้ทำไม
แต่แล้ววันหนึ่ง โชคร้ายของเฒ่ามากายอนก็มาถึง เมื่อหนุ่มใจเด็ดฉุดหลานสาวแกหนีไป พอแกรู้ว่ามีคนมาลองดีจึงออกติดตามไปอย่างกระชั้นชิดเพื่อเบิ้ดหัวไอ้หนุ่มคนนี้เจ็บๆสักที คล้ายสวรรค์รับรู้ และเป็นใจให้กับการพาสาวหนีครั้งนี้ จึงบันดาลให้ภูเขาถล่มลงมาทับร่างของตาเฒ่ามากายอนจมอยู่ที่นั่น เฒ่ามากายอนจึงติดตามเอาหลานสาวคืนไม่ได้ เวลาใดที่ตาเฒ่านึกถึงหลานสาว แกจะโกรธขึ้นมาทันที การโกรธของแกได้กลายเป็นระเบิดพ่นลาวาออกมาเผาผลาญบ้านเมือง และคร่าชีวิตคนทุกครั้งไป ดังนั้น ภูเขามายอนระเบิดครั้งหนึ่งย่อมแสดงว่า ตาเฒ่ามากายอนแกคิดถึงหลานสาวแก

ป่านนี้หลานสาวแกมีลูกหลาน เหลน โหลน ไปกี่คนแล้วไม่รู้ เมื่อไหร่แกจะหายโกรธสักที ชาวบ้านจะได้ไม่เดือดร้อน
เดินเหยียบไหล่ตาเฒ่ามากายอนเกือบสองชั่วโมง เมื่อแหงนขึ้นมองกลุ่มควันบางๆ ลอยออกมาจากปล่องแต่ละครั้งก็ให้นึกเสียว กลัวตาเฒ่ามากายอนโมโห คิดว่าเราพาสาวไทยสวยกว่าหลานสาวของแกมาเยาะเย้ย จะพาลพ่นลาวาออกมาลวกเราเล่นได้ จึงบอกสาวๆให้รีบกลับลงข้างล่างโดยไม่หันหลังกลับไปมองตาเฒ่าอีก ไม่ใช่เพราะความกลัวตาเฒ่าหรอก แต่หิวเบียร์มากกว่า......

ที่มา ต่วยตูน ปักษ์แรก เดือนธันวาคม ๒๕๔๐ ปีที่ ๒๗ ฉบับที่ ๗

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น